วันเสาร์นี้หากใครพลาดชมเกม พรีเมียร์ชิป คู่ระหว่าง เชลซี ที่จะเปิด สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ต้องบอกว่าเหมือนไม่ได้ดูตอนอวสานของละครที่โปรดปราน เพราะถือเป็นเกมสำคัญมีถ้วยแชมป์เป็นเดิมพัน เจ้าถิ่นมีข้อแม้จะต้องเอาชนะให้ได้สถานเดียว ส่วนฝั่งอาคันตุกะขอแค่เสมอแล้วค่อยไปลุ้นต่อในอีก 2 นัดที่เหลือ
บางที 1 แต้มที่ แมนฯยู ฉกออกจากถิ่น อีวูด ปาร์ค ของ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส อย่างสุดหืดเมื่อสัปดาห์ก่อน อาจจะส่งให้ป้องกันแชมป์หัวมงกุฎสำเร็จก็เป็นได้ เพราะเวลานี้นำเป็นจ่าฝูงถือครองความได้เปรียบเหนือเจ้าบ้าน เชลซี อยู่ 3 แต้ม จะเล่นด้วยความกดดันน้อยกว่า แต่หากพลาดพลั้งแพ้กลับออกไปลูกได้-เสียก็ยังดีกว่าบวกอยู่ถึง 18 ลูก
ทุกอย่างจึงถาโถมเข้าหาฝั่ง เชลซี ที่ด่านแรกคือต้องชนะแล้วไปลุ้นให้ แมนฯยู พลาดในอีก 2 นัดกับ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ที่ว่ากันว่าเป็นของสแลงและ วีแกน แอธเลติก ส่วนตัวเองจะเจอกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่อยู่ในฟอร์มสุดยอด 5 นัดหลังชนะไปถึง 4 และ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ที่กำลังหนีตายสุดฤทธิ์ แต่หากเสมอต้องเรียกว่ารูดม่านปิดฉากฤดูกาล
เชลซี ยังคงมีลุ้นดับเบิลแชมป์เช่นเดียวกับ แมนฯยู ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาในเกม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก บุกไปเสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 แบบมีโชคช่วยจากการทำเข้าประตูตัวเองของ ยอห์น อาร์เน รีเซ มีโอกาสดีที่จะชิงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร แต่ยังประมาทไม่ได้ต้องเตะนัดสองในวันพุธหน้าที่บ้านตัวเอง
ริคาร์โด คาร์วัลโญ กองหลัง เชลซี ออกมากระตุ้นเพื่อนว่า "วิธีการเดียวที่จะบอกได้ว่าเป็นฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จของเราก็คือการคว้าแชมป์ เราต้องการทั้งถ้วยลีกและยุโรป เราจะต้องประสบความสำเร็จให้ได้ โทรฟี่ชนะเลิศมีความสำคัญอย่างมากสำหรับเราในเวลานี้ และเราก็ยังคงอยู่ในเส้นทางการต่อสู้เพื่อสิ่งนั้นอย่างชัดเจน"
เหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่นัดจะปิดฤดูกาลมีเท่าไหร่ต้องใส่หมดไม่มีกั๊กหรือพักนักเตะตัวหลัก เกมนี้แผงกลางของ เชลซี จะปึ้กขึ้นเพราะได้ มิเชล เอสเซียง คืนทัพแทน โคลด มาเกเลเล หลังโดนแบนในเกมยุโรป ส่วนแผงกองหน้าพักหลังผลงานชักฝืดทั้ง ดิดิเยร์ ดร็อกบา และ นิโกลาส์ อเนลกา 7 นัดหลังสุดมีเพียง ซาโลมอน คาลู คนเดียวเท่านั้นที่ยิงได้ 1 ลูก
ระยะหลัง เชลซี มีสถิติค่อนข้างดีในการเจอกันที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ โดยใน 5 ฤดูกาล หลังสุดไม่มีคำว่าพ่ายแพ้แถมเป็นการเอาชนะได้ถึง 3 นัด ซึ่งเมื่อ 2 ปีก่อนคงยังพอจำกันได้ในยุคของ โฮเซ มูรินโญ ก็ฉลองแชมป์ด้วยการถล่ม แมนฯยูไนเต็ด ถึง 3-0 เกมสุดท้ายที่แพ้คารังต้องย้อนไปในฤดูกาล 2001-02 พ่ายไปด้วยสกอร์ 0-3
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือคู่บารมี แมนฯยู ตั้งเป้าจะบุกมาเอาชนะ เชลซี เพื่อฉลองแชมป์ให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ คงเป็นการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ชิป ที่หอมหวานของสาวก "เรด เดวิลส์" เพราะเป็นการหยุดสถิติไม่แพ้เกมลีกในบ้านติดต่อกันยาวนานที่สุดของยอดทีมในลอนดอนเอาไว้ที่ 76 นัดอีกด้วย
"เราต้องตั้งเป้าถึงชัยชนะสำหรับเกมที่จะไปเยือน เชลซี ผมรู้ว่าพวกเขาไม่แพ้ใครในบ้านมาประมาณเกือบ 100 นัดแล้ว แต่สถิติทุกอย่างนั้นมีไว้เพื่อทำลาย และเราตั้งใจจะทำเช่นนั้นในสัปดาห์หน้า" นายใหญ่แห่งถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กล่าว โดยเมื่อปีที่แล้วที่คว้าแชมป์ลีก "ผีแดง" บุกไปเสมอ 0-0 ส่วนเมื่อต้นฤดูกาลนี้เป็นฝ่ายเอาชนะได้ก่อน 2-0
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แมนฯยู ก็ลงสนามในรอบตัดเชือกฟุตบอลยุโรปเช่นเดียวกัน แต่ก็ต้องเรียกได้ว่า ท่านเซอร์ จัดตัวผู้เล่นและวางแผนแบบขัดใจแฟนบอลไม่น้อย เพราะเน้นเกมรับมากเป็นพิเศษให้ เวย์น รูนีย์ และ คาร์ลอส เตเบซ ลงต่ำไล่บอล รวมถึงถ่วงเวลาในแต่ละจังหวะของเกมอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เสมอกับ บาร์เซโลนา แบบน่าอึดอัด 0-0
นัดนี้ แมนฯยู ต้องลุ้นให้ เนมานยา วิดิช กองหลังชาวเซิร์บ กลับคืนสนามอีกครั้ง หลังปวดท้องรุนแรงจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน ทำให้ชวดลงเล่นในเกมที่เสมอกับ บาร์เซโลน่า ซึ่ง เฟอร์กี ยอมรับค่อนข้างกังวลว่าจะลงไม่ได้ในเกมกับ เชลซี หากเป็นเช่นนั้น โอเวน ฮาร์กรีฟส์ จะยืนแบ็กขวาและให้ เวส บราวน์ คู่กับ ริโอ เฟอร์ดินานด์
ฟันธงตรงเผง โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
เจ๊ากันไป 0-0
โปรแกรมฟุตบอล พรีเมียร์ชิป ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
วันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2551
เชลซี พบ แมนฯยู เวลา 18.45น.
แมนฯซิตี พบ ฟูแลม เวลา 21.00น.
ซันเดอร์แลนด์ พบ มิดเดิลสโบรช์ เวลา 21.00น.
สเปอร์ส พบ โบลตัน เวลา 21.00น.
เวสต์ แฮม พบ นิวคาสเซิล เวลา 21.00น.
วีแกน พบ เรดดิง เวลา 21.00น.
เบอร์มิงแฮม พบ ลิเวอร์พูล เวลา 21.00น.
วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2551
ปอร์ทสมัธ พบ แบล็คเบิร์น เวลา 19.30น.
เอฟเวอร์ตัน พบ วิลลา เวลา 22.00น.
วันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2551
ดาร์บี พบ อาร์เซนอล เวลา 02.00น.