คอลัมน์ "หัวใจในกีฬา" โดย จำลอง ฝั่งชลจิตร
ถึงไม่น่าเชื่อก็ต้องพิจารณา...ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ ระหว่างลิเวอร์พูลกับเชลซี เลกแรก จะเตะคืนวันอังคารที่ 22 เมษา 2551 แท้ๆ ทว่าผมไม่ค่อยได้ยินขาใหญ่พูดถึงกันนัก แต่จะข้ามไปพูดถึงเกมบาร์เซโลน่ากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คืนวันพุธเสียมากกว่า ราวกับเกม ‘หงส์แดง’ ปะทะ ‘สิงห์บลู’ ไร้ความหมายเสียอย่างนั้นแหละ
มีเหตุผลพอจะยกมาคุยกันเล่น ๆ ก็คือ รอบลึก ๆ ถ้วยใบนี้ ลิเวอร์พูลกับเชลซี พบกันเป็นครั้งที่ 3 ใน 4 ฤดูกาล ขาใหญ่อาจจะรู้สึกเบื่อจนไม่รู้จะพูดอะไรอีก อัฟราม แกรนท์ ผู้จัดการทีมเชลซีที่มาแทนโฆเซ่ มูรินโญ่ ก็ไม่มีเสน่ห์ให้พูดถึง ทางฝั่งลิเวอร์พูล ราฟาเอล เบนิเตซ มีศึกคาใจกับเจ้าของทีมที่เข้ามาป่วนไม่เว้น นักเตะคนดังอย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส พูดสั้น ๆ ว่าอยากให้บาร์เซโลน่าผ่านแมนฯ ยูไนเต็ด แล้วมาชิงกับลิเวอร์พูล ก็ดันไปเกี่ยวกับบาร์ซ่าฯ - แมนฯ ยูฯ อีกจนได้
เป็นเพราะรอบรองชนะเลิศทีมจากพรีเมียร์ลีกฝ่าดงแข้งเข้ามาถึง 3 ทีม กับลา ลีกาอีกทีม แล้วขาใหญ่ลีกอื่น ๆ จะออกมาพูดให้อับอายทำไม พูดไปใครเขายังจะเชื่อว่าลีกของตัวเองแข็งแกร่งที่สุด สู้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสียดีกว่า ยิ่งขาใหญ่ประจำกัลโช่ฯ,บุนเดสลิกา,ลีก เอิง ที่ตกรอบ 8 ทีมไม่เหลือ พูดไปก็เปล่าประโยชน์ ส่วนพรีเมียร์ ดัตช์ ,ลีกรัสเซียหรือลีกเช็ก ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก 2007-08 เปิดฤดูกาลไปแล้วเกือบครึ่งปี สู้ก้มหน้าก้มตาหาเงินซื้อนักเตะดัง ๆ เข้าทีมดีกว่า ปีหน้าว่ากันใหม่
เมื่อเหลือพรีเมียร์ ลีก 3 ทีม กับลา ลีกา 1 ทีม ความสนใจจึงไปอยู่กับเกมตัวแทนสเปนกับอังกฤษ นั่นคือ บาร์เซโลน่ากับแมนฯ ยูฯ ที่เชื่อกันว่าน่าตื่นเต้นเร้าใจกว่าอีกคู่ ผู้เกี่ยวข้องเลยช่วยกันเขย่าบรรยากาศให้ชวนติดตาม นักเตะและผู้จัดการทีมทั้งสองทีมต่างตื่นเต้นที่ได้พบกัน ต่างฝ่ายต่างแสดงความคิดเห็นด้วยความเคารพในศักยภาพของกันและกัน และท้ายสุดทีมตนน่าจะผ่านคู่แข่งเข้าไปชิงชนะเลิศที่มอสโก
นักเตะบาร์ซ่าฯ - แมนฯ ยูฯ ออกมายกย่องและข่มกันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะบางคนตื่นเต้น บางคนต้องการกระตุ้นตัวเองและเพื่อนร่วมทีมให้พร้อมกับเกมสำคัญ แต่กรณี ราม่อน กัลเดรอน ประธานรีล มาดริด ขาใหญ่จริงๆ ของแวดวงสโมสรฟุตบอลยุโรป ยอมกัดฟันเชียร์บาร์เซโลน่าสุดแรงถือว่าแหกโผมาก ๆ ราม่อนเชียร์บาร์เซโลน่าให้ผ่านแมนฯ ยูฯ ไปคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้งๆ ที่สองทีมเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมายาวนาน
เรื่องนี้มองมุมอื่นไม่ได้ นอกจากมองว่าราม่อนทำหน้าที่ ‘เรียกคนเข้าห้าง’ หรือร่วมตะเบ็งเสียงให้โลกได้ยินว่าฟุตบอลสเปนหรือลา ลีกา ยังมีน้ำยา อย่างน้อย ๆ ก็มากกว่ากัลโช่ฯ ,บุนเดสลิกา,ลีก เอิง และพรีเมียร์ดัตช์ ถ้าบาร์ซ่าฯ คว้าถ้วยใบนี้ได้ หน้าตาและชื่อเสียงของลา ลิกา จะกลับมาดูดีเป็นที่หนึ่งเหนือพรีเมียร์ลีก เมื่อคนแห่กันเข้าห้างใหญ่อย่างคึกคัก ร้านค้าย่อยในห้างจะขายอะไรก็ว่ากันไปตามกำลัง
ขาใหญ่ที่เกี่ยวข้องอย่างยิ่งอีกสองคนที่ช่วยเขย่าเกมบาร์ซ่าฯ ชน แมนฯ ยูฯ ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น คือ โยฮัน ครัฟฟ์ ‘นักเตะเทวดา’ ผู้เป็นตำนานของทีมชาติฮอลแลนด์ กับเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ผู้อาวุโสและเป็นเกือบทุกอย่างของแมนฯ ยูฯ
ครัฟฟ์กระตุ้นลูกทีมของแฟร้งค์ ไร้จ์การ์ด ว่าไม่เห็นต้องกลัวแมนฯ ยูฯ เขาว่าไหน ๆ บาร์ซ่าฯ ไม่
มีทางคว้าแชมป์ลีกกระทิงดุได้แล้ว ก็ควรทุ่มให้กับเกมพบนี้เพื่อเข้าไปชิงชนะเลิศ พร้อมแนะนำวิธีเล่นเอาชนะแมนฯ ยูฯ ราวกับเป็นโค้ชเสียเอง
ส่วน ‘เซอร์บ็อบบี้’เปิดเผยแบบผู้ดี ว่าตนเตรียมคอยชมเกมคู่นี้อย่างใจจดใจจ่อ และไม่กล้าปักใจชี้ว่าทีมไหนจะเป็นผู้ชนะเพราะบาร์เซโลน่าก็เก่งเหลือหลาย และคงจะเป็นเกมที่สนุกตื่นเต้นอย่างที่สุด ‘เซอร์บ็อบบี้’ เพียงรู้สึกแปลกใจว่าสองทีมที่ยิ่งใหญ่อย่างแมนฯ ยูฯกับบาร์เซโลน่า ทำไมถึงครองแชมป์ยุโรปทีมละ 2 สมัย ทั้งๆ ที่มีชื่อเสียงและยิ่งใหญ่มายาวนาน
ถ้าพูดกันตรง ๆ ก็คือยังน้อยกว่ารีล มาดริด, เอซี มิลาน และ ลิเวอร์พูล นั่นเอง
ถึงไม่น่าเชื่อก็ต้องพิจารณา...ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ ระหว่างลิเวอร์พูลกับเชลซี เลกแรก จะเตะคืนวันอังคารที่ 22 เมษา 2551 แท้ๆ ทว่าผมไม่ค่อยได้ยินขาใหญ่พูดถึงกันนัก แต่จะข้ามไปพูดถึงเกมบาร์เซโลน่ากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คืนวันพุธเสียมากกว่า ราวกับเกม ‘หงส์แดง’ ปะทะ ‘สิงห์บลู’ ไร้ความหมายเสียอย่างนั้นแหละ
มีเหตุผลพอจะยกมาคุยกันเล่น ๆ ก็คือ รอบลึก ๆ ถ้วยใบนี้ ลิเวอร์พูลกับเชลซี พบกันเป็นครั้งที่ 3 ใน 4 ฤดูกาล ขาใหญ่อาจจะรู้สึกเบื่อจนไม่รู้จะพูดอะไรอีก อัฟราม แกรนท์ ผู้จัดการทีมเชลซีที่มาแทนโฆเซ่ มูรินโญ่ ก็ไม่มีเสน่ห์ให้พูดถึง ทางฝั่งลิเวอร์พูล ราฟาเอล เบนิเตซ มีศึกคาใจกับเจ้าของทีมที่เข้ามาป่วนไม่เว้น นักเตะคนดังอย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส พูดสั้น ๆ ว่าอยากให้บาร์เซโลน่าผ่านแมนฯ ยูไนเต็ด แล้วมาชิงกับลิเวอร์พูล ก็ดันไปเกี่ยวกับบาร์ซ่าฯ - แมนฯ ยูฯ อีกจนได้
เป็นเพราะรอบรองชนะเลิศทีมจากพรีเมียร์ลีกฝ่าดงแข้งเข้ามาถึง 3 ทีม กับลา ลีกาอีกทีม แล้วขาใหญ่ลีกอื่น ๆ จะออกมาพูดให้อับอายทำไม พูดไปใครเขายังจะเชื่อว่าลีกของตัวเองแข็งแกร่งที่สุด สู้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสียดีกว่า ยิ่งขาใหญ่ประจำกัลโช่ฯ,บุนเดสลิกา,ลีก เอิง ที่ตกรอบ 8 ทีมไม่เหลือ พูดไปก็เปล่าประโยชน์ ส่วนพรีเมียร์ ดัตช์ ,ลีกรัสเซียหรือลีกเช็ก ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก 2007-08 เปิดฤดูกาลไปแล้วเกือบครึ่งปี สู้ก้มหน้าก้มตาหาเงินซื้อนักเตะดัง ๆ เข้าทีมดีกว่า ปีหน้าว่ากันใหม่
เมื่อเหลือพรีเมียร์ ลีก 3 ทีม กับลา ลีกา 1 ทีม ความสนใจจึงไปอยู่กับเกมตัวแทนสเปนกับอังกฤษ นั่นคือ บาร์เซโลน่ากับแมนฯ ยูฯ ที่เชื่อกันว่าน่าตื่นเต้นเร้าใจกว่าอีกคู่ ผู้เกี่ยวข้องเลยช่วยกันเขย่าบรรยากาศให้ชวนติดตาม นักเตะและผู้จัดการทีมทั้งสองทีมต่างตื่นเต้นที่ได้พบกัน ต่างฝ่ายต่างแสดงความคิดเห็นด้วยความเคารพในศักยภาพของกันและกัน และท้ายสุดทีมตนน่าจะผ่านคู่แข่งเข้าไปชิงชนะเลิศที่มอสโก
นักเตะบาร์ซ่าฯ - แมนฯ ยูฯ ออกมายกย่องและข่มกันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะบางคนตื่นเต้น บางคนต้องการกระตุ้นตัวเองและเพื่อนร่วมทีมให้พร้อมกับเกมสำคัญ แต่กรณี ราม่อน กัลเดรอน ประธานรีล มาดริด ขาใหญ่จริงๆ ของแวดวงสโมสรฟุตบอลยุโรป ยอมกัดฟันเชียร์บาร์เซโลน่าสุดแรงถือว่าแหกโผมาก ๆ ราม่อนเชียร์บาร์เซโลน่าให้ผ่านแมนฯ ยูฯ ไปคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้งๆ ที่สองทีมเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมายาวนาน
เรื่องนี้มองมุมอื่นไม่ได้ นอกจากมองว่าราม่อนทำหน้าที่ ‘เรียกคนเข้าห้าง’ หรือร่วมตะเบ็งเสียงให้โลกได้ยินว่าฟุตบอลสเปนหรือลา ลีกา ยังมีน้ำยา อย่างน้อย ๆ ก็มากกว่ากัลโช่ฯ ,บุนเดสลิกา,ลีก เอิง และพรีเมียร์ดัตช์ ถ้าบาร์ซ่าฯ คว้าถ้วยใบนี้ได้ หน้าตาและชื่อเสียงของลา ลิกา จะกลับมาดูดีเป็นที่หนึ่งเหนือพรีเมียร์ลีก เมื่อคนแห่กันเข้าห้างใหญ่อย่างคึกคัก ร้านค้าย่อยในห้างจะขายอะไรก็ว่ากันไปตามกำลัง
ขาใหญ่ที่เกี่ยวข้องอย่างยิ่งอีกสองคนที่ช่วยเขย่าเกมบาร์ซ่าฯ ชน แมนฯ ยูฯ ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น คือ โยฮัน ครัฟฟ์ ‘นักเตะเทวดา’ ผู้เป็นตำนานของทีมชาติฮอลแลนด์ กับเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ผู้อาวุโสและเป็นเกือบทุกอย่างของแมนฯ ยูฯ
ครัฟฟ์กระตุ้นลูกทีมของแฟร้งค์ ไร้จ์การ์ด ว่าไม่เห็นต้องกลัวแมนฯ ยูฯ เขาว่าไหน ๆ บาร์ซ่าฯ ไม่
มีทางคว้าแชมป์ลีกกระทิงดุได้แล้ว ก็ควรทุ่มให้กับเกมพบนี้เพื่อเข้าไปชิงชนะเลิศ พร้อมแนะนำวิธีเล่นเอาชนะแมนฯ ยูฯ ราวกับเป็นโค้ชเสียเอง
ส่วน ‘เซอร์บ็อบบี้’เปิดเผยแบบผู้ดี ว่าตนเตรียมคอยชมเกมคู่นี้อย่างใจจดใจจ่อ และไม่กล้าปักใจชี้ว่าทีมไหนจะเป็นผู้ชนะเพราะบาร์เซโลน่าก็เก่งเหลือหลาย และคงจะเป็นเกมที่สนุกตื่นเต้นอย่างที่สุด ‘เซอร์บ็อบบี้’ เพียงรู้สึกแปลกใจว่าสองทีมที่ยิ่งใหญ่อย่างแมนฯ ยูฯกับบาร์เซโลน่า ทำไมถึงครองแชมป์ยุโรปทีมละ 2 สมัย ทั้งๆ ที่มีชื่อเสียงและยิ่งใหญ่มายาวนาน
ถ้าพูดกันตรง ๆ ก็คือยังน้อยกว่ารีล มาดริด, เอซี มิลาน และ ลิเวอร์พูล นั่นเอง
