แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องดึงสมาธิกลับมาที่เกม พรีเมียร์ชิป หลังจากเพิ่งผ่านเข้ารอบตัดเชือก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เพราะมีศึกใหญ่หลวงต้องเปิด โอลด์ แทรฟฟอร์ด รับมือ อาร์เซนอล ชนิดที่เรียกว่าผลการแข่งขันที่ออกมามีสิทธิ์ที่จะพลิกโฉมหน้าการลุ้นแชมป์ลีกในช่วง 100 เมตรสุดท้ายที่เหลือ
จากการที่สะดุดเสมอ มิดเดิลสโบรช์ 2-2 ในนัดล่าสุด ทำให้โอกาสลุ้นแชมป์ของจ่าฝูง แมนฯยู ที่ตอนแรกว่าใสๆ เพราะนำห่าง เชลซี 5 คะแนนต้องมาลุ้นหืดอีกครั้งถูกจี้ติดขึ้นมาเหลือ 3 คะแนน รวมถึงทำให้ทีมอันดับ 3 และอดีตจ่าฝูงอย่าง อาร์เซนอล ยังได้กลิ่นของถ้วยแชมป์อยู่ เพราะเวลานี้ตามหลัง “ผีแดง” 6 คะแนน หากสามารถบุกมายัดเยียดความปราชัยให้เจ้าถิ่นในวันอาทิตย์นี้ได้สำเร็จก็จะเหลือห่างแค่ 3 แต้มทันที
อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ อาร์เซนอล คงเน้นเป็นพิเศษให้ลูกทีมรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายเก็บชัยเหนือ แมนฯยูไนเต็ด ให้ได้ เพราะเป็นความหวังสุดท้ายแล้ว หากเสมอหรือแพ้ก็เป็นอันว่าฤดูกาลนี้รูดม่านปิดฉากแบบมือเปล่า แต่ไม่ง่ายแน่เพราะเชื่อว่าความพ่ายแพ้ 0-4 ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 5 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยังคงตามหลอกหลอนอยู่
ถือเป็นอีกบทพิสูจน์สำหรับ แมนฯยูไนเต็ด อดีตแชมป์ พรีเมียร์ชิป 9 สมัยจริงๆ เพราะว่าโปรแกรมหนักกว่า เจอกับ อาร์เซนอล แล้วยังจะต้องบุกรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ของ เชลซี ในวันที่ 26 เม.ย.นี้อีก แน่นอนว่า ก่อนจะถึงวันนั้นบรรดาพลพรรคอสูรย่อมอยากที่จะไปเยือนโดยมีคะแนนนำหน้าเจ้าถิ่นเล็กน้อยเพื่อลดความกดดัน
แต่ แมนฯยู มีปัญหากับการขาด เนมานยา วิดิช เซนเตอร์ฮาล์ฟจอมแกร่ง เหลือเพียง ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่เจ็บเท้า แต่ว่าไม่หนักเพราะลงเล่นเต็มเกมในถ้วยยุโรปที่ชนะ โรมา 1-0 ในนัดสองเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เหลือก็แต่คู่ขาว่าจะเป็นใคร เพราะดูแววแล้ว เคราร์ด ปิเก ไม่น่าจะไหว หุบ เวส บราวน์ เข้ามาและส่ง แกรี เนวิลล์ สตาร์ทเป็นตัวจริงน่าจะดีกว่า เพราะก็คืนสนามได้แล้วเป็นตัวสำรองในเกมกับ “หมาป่า” หลังเจ็บไปแรมปี
ส่วนขุมกำลังอื่นๆ โดยเฉพาะในแนวรุกของ แมนฯยู เรียกได้ว่า สดสุดๆ เพราะได้พักเต็มๆ ในเกมกับ โรมา ไม่ว่าจะเป็น คริสเตียโน โรนัลโด ที่ซัดไปแล้ว 27 ประตูรวมถึง เวย์น รูนีย์, พอล สโคลส์ กองกลางจอมเก๋าที่เริ่มคืนฟอร์ม และ ปาทริช เอวรา แบ็กซ้ายตัวทะลุทะลวง จะได้คืนทัพทั้งหมด
ทางฝั่ง อาร์เซนอล คงต้องลืมความพ่ายแพ้ที่ แอนฟิลด์ เป็นการด่วน เพราะอุตส่าห์ตีเสมอ 2-2 แต่ว่ายื้อสกอร์เอาไว้ไม่ได้ ทำให้ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปอย่างน่าเสียดาย แต่ถึงกระนั้นก็ตามเกมนี้ แมนฯยู ก็คงจะประมาท “ปืนโต” ไม่ได้ เพราะเมื่อฤดูกาลที่แล้วก็บุกมาทำแสบมาเอาชนะที่นี่ 1-0 ในช่วงท้ายเกม
ก่อนเกม เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ดาวซัลโว 19 ประตูออกมากระตุ้นพวกพ้อง อาร์เซนอล ว่า “สิ่งสำคัญที่สุดเวลานี้ คือ มองหาความสำเร็จที่ยังเหลืออยู่ในปีนี้ เราจะเล่นเพื่อแชมป์ เพราะเชื่อว่ายังมีศักยภาพที่จะมีถ้วยติดมือในฤดูกาลนี้ ตอนนี้เราจะต้องมุ่งสมาธิไปที่เกมในวันอาทิตย์ คือเกมใหญ่และจะได้เห็นกันว่าเราสามารถจะทำอะไรได้บ้าง”
สำหรับสภาพทีมของ อาร์เซนอล พวกที่เจ็บยาวปิดเทอมใหญ่ไปแล้วก็มี โทมัส โรซิคกี และ เอดูอาร์โด ดา ซิลวา ส่วน บาการี ซานญา แบ็กขวาที่ยังไม่หายเจ็บ ทำให้ต้องปรับกระบวนกันยกใหญ่ในเกมแพ้ ลิเวอร์พูล บรรดาแข้งที่เหลือแม้ว่าจะเป็นตัวหลัก แต่ด้วยขนาดทีมที่เล็กต้องกรำศึกหนักต่อเนื่อง นักเตะเริ่มแสดงอาการล้าออกมาแล้ว
ส่วน เชลซี นั้นต้องซูฮกจริงๆ เพราะเปลียนแปลงกุนซือระหว่างฤดูกาล แต่ก็มาแบบเงียบๆ จนมีลุ้นดับเบิลแชมป์รายการใหญ่ ซึ่งในวันอาทิตย์นี้คงนั่งเชียร์ อาร์เซนอล อริร่วมกรุงลอนดอนอยู่หน้าจอเป็นแน่แท้ เนื่องจากโปรแกรมของตนเองนั้นจะเปิด สแตมฟอร์ด บริดจ์ รอเคี้ยว วีแกน แอธเลติก ในคืนมันเดย์ไนต์
เชลซี ที่จะไปพบกับ ลิเวอร์พูล ในรอบตัดเชือกของถ้วยยุโรปเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ปี ฟอร์มเหนือกว่า วีแกน อย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าไม่แพ้มา 16 นัดติดต่อกันและเป็นการชนะถึง 12 นัดเลยทีเดียว ส่วนทางฝั่งผู้มาเยือน “เดอะ ลาติกส์” รั้งอันดับ 15 ห่างโซนแดง 8 คะแนน หายใจค่อนข้างสะดวก แต่ก็ยังไม่การันตีอยู่รอดร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่เกมนี้ เชลซี มีปัญหาเล็กน้อยในตำแหน่งผู้รักษาประตู เมื่อ ปีเตอร์ เช็ก และ คาร์โล คูดิชินี นัดกันบาดเจ็บ ต้องส่ง เฮนริเก ฮิลาริโอ ลงเฝ้าเสา โดนดัน รีส เทย์เลอร์ นายด่านวัยเพียงแค่ 18 ปี ขึ้นมาเป็นแบ็กอัพที่ม้านั่งสำรอง อย่างไรก็ตาม ขุมกำลังที่เหลือถือว่าเป็นชุดใหญ่น่าจะต้อนเอาชนะ วีแกน ไปได้อย่างไม่ยากเย็นพร้อมกดดัน แมนฯยู ต่อไป
ฟันธง ตรงเผง โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
ผีเจ๊าปืน 1-1, เชลซีนิ่ม 2-0
โปรแกรมฟุตบอล พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ช่วงสุดสัปดาห์นี้
วันเสาร์ที่ 12 เมษายน 2551
เบอร์มิงแฮม พบ เอฟเวอร์ตัน เวลา 21.00 น.
โบลตัน พบ เวสต์แฮม เวลา 21.00 น.
ดาร์บี พบ วิลลา เวลา 21.00 น.
เรดดิง พบ ฟูแลม เวลา 21.00 น.
ซันเดอร์แลนด์ พบ แมนฯซิตี เวลา 21.00 น.
สเปอร์ส พบ มิดเดิลสโบรช์ เวลา 21.00 น.
ปอร์ทสมัธ พบ นิวคาสเซิล เวลา 23.15 น.
วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน 2551
ลิเวอร์พูล พบ แบล็กเบิร์น เวลา 19.30 น.
แมนฯยูไนเต็ด พบ อาร์เซนอล เวลา 22.00 น.
วันจันทร์ที่ 14 เมษายน 2551
เชลซี พบ วีแกน เวลา 02.00 น.