“ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ โชว์ความเฉียบคมไล่จิกเอาชนะ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล คู่ปรับร่วมกรุงลอนดอน 5-1 สกอร์รวมสองนัดพิชิตชัยไป 6-2 ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ ได้สำเร็จ
ศึกฟุตบอล คาร์ลิ่ง คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 5-1 อาร์เซนอล
หลังพาทีมบุกไปยันเสมอ อาร์เซนอล 1-1 ในนัดแรก ฮวนเด รามอส หวังเห็น “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ กลับมาทำผลงานในถิ่นได้ยอดเยี่ยมอีกครั้งเพื่อกรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เกมนี้เจ้าบ้านค่อนข้างสมบูรณ์ทีเดียว ความหวังยังอยู่ที่ อารอน เลนนอน และดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ด้าน “ปืนใหญ่” อาร์แซน เวนเกอร์ จัดทีมตัวจริงลงสนามหลายรายและยังมี เชส ฟาเบรกาส รวมถึง เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ รอเปลี่ยนเกมอยู่ข้างสนามด้วย
เริ่มเกมการแข่งขัน อาร์เซนอล ซึ่งต้องการประตูเป็นฝ่ายเดินเกมบุกเข้าใส่ก่อน แต่ผ่านไปแค่ 3 นาทีแฟนๆ “ไก่เดือยทอง” ได้เฮกันลั่นสนามเมื่อ ราเด็ค แซร์นีย์ เปิดบอลยาวจากหน้าประตูให้ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ จับบอลลงก่อนป้ายต่อให้ เจอร์เมน จีนัส ลากตะลุยเข้าไปก่อนหักข้อยิงที่เส้นเขตโทษส่งลูกหนังผ่านมือ ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี กระแทกเสาเข้าไปตุงตาข่ายให้เจ้าถิ่นนำเร็ว 1-0
พอเสียประตูไปยิ่งทำให้ “ปืนใหญ่” ต้องเดินหน้าบุกหนักเป็นสองเท่า อเล็กซานเดอร์ ฮเล็บ ลากตะลุยไปสุดเส้นหลังฝั่งขวาก่อนตบเข้ากลางให้ นิคลาส เบนด์ทเนอร์ สลัดเกือกยิงแต่ช้อนใต้ลูกมากเกินไปทำให้บอลลอยข้ามคานในนาทีที่ 10 อีกแปดนาทีถัดมา อาร์เซนอล ต้องเปลี่ยนตัวเร็วส่ง เชส ฟาเบรกาส ลงมาทำหน้าที่แดนกลางแทน เดนิลสัน ซึ่งบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาซ้ายกระตุกตั้งแต่ต้นเกม
เกมแลกกันอย่างสนุกจนกระทั่งนาทีที่ 26 สเปอร์ส ทิ้งห่างไปเป็น 2-0 เมื่อมาได้ลูกฟรีคิกระยะ 40 หลา จีนัส หยอดบอลหวังให้ ไมเคิล ดอว์สัน กระโดดขึ้นขวิดแต่กลายเป็น เบนด์ทเนอร์ ที่พยายามลงมาช่วยทีมเยือนตั้งรับสอดหัวโหม่งสกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง สามนาทีถัดมาเจ้าบ้านพลาดโอกาสทิ้งห่าง เบอร์บาตอฟ หลุดกับดักล้ำหน้าไปยิงด้วยขวาแต่บอลกระแทกเสาออกมาอย่างน่าเสียดาย “ปืนใหญ่” ตอบโต้กลับไปเช่นกัน บาการี ซานญา ได้โหม่งเช็ดที่เสาแรกร้อนถึง แซร์นีย์ ต้องบินปัดพ้นคานออกไป ทำให้จบ 45 นาทีแรกเจ้าถิ่นได้เปรียบค่อนข้างมาก
เปิดฉากครึ่งเวลาหลัง อาร์เซนอล ลงมาเดินเกมรุกใส่ทันที แต่ผ่านไปแค่สามนาทีก็เจอทีเด็ดสวนกลับของเจ้าถิ่น อารอน เลนนอน จ่ายบอลให้ ร็อบบี คีน หลุดเข้าไปดีดด้วยซ้ายส่งบอลตุงตาข่ายให้ สเปอร์ส ฉีกห่าง 3-0 และนี่ก็เป็นประตูที่ 101 สำหรับศูนย์หน้าดีกรีทีมชาติไอร์แลนด์ที่ทำให้ “ไก่เดือยทอง” อย่างไรก็ตาม นาทีถัดมาทีมเยือนเกือบตีไข่แตกได้เช่นกันแต่ลูกยิงของ เบนด์ทเนอร์ กระแทกคานออกมา
เกมเดินทางมาถึงหนึ่งชั่วโมงพอดีเจ้าถิ่นได้เฮนำ 4-0 จากจังหวะสวนกลับขึ้นมาอีกครั้ง ปาสกาล ชิมบงดา เติมขึ้นมาทางขวาก่อนไหลให้ คีน ชิ่งต่อให้ เลนนอน กระทุ้งด้วยขวาส่งบอลลอดตัว ฟาเบียนสกี เข้าไปตุงตาข่าย จากนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องส่งทั้ง เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ และเอดูอาร์โด ดา ซิลวา ลงมาแก้เกมและคู่นี้ก็ช่วยกันตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-4 ในอีกสิบนาทีถัดมาจากจังหวะที่ “ดูดู้” จ่ายให้ อเดบายอร์ แปบอลเข้าไป
ช่วงเวลาที่เหลือ อาร์เซนอล พยายามครองบอลบุกแต่ก็โดนปิดพื้นที่ไว้หมด แถมช่วงทดเจ็บ สเปอร์ส ประกาศศักดาไล่ถล่มคู่อริร่วมกรุงลอนดอนทางตอนเหนือราบคาบ 5-1 จากการปิดท้ายของ สตีด มัลบรองก์ ทำให้ทีมเอาชนะไปด้วยสกอร์รวมสองนัด 6-2 เข้าไปยืนรอชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ กับผู้ชนะระหว่าง “สิงห์บลูส์” เชลซี หรือ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สเปอร์ส : ราเด็ค แซร์นีย์ , ปาสกาล ชิมบงดา , ไมเคิล ดอว์สัน , เล็ดลีย์ คิง , ลี ยอง เปียว , อารอน เลนนอน , เจอร์เมน จีนัส , ตีมู เตนิโอ , สตีด มัลบรองก์ , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ , ร็อบบี คีน
อาร์เซนอล : ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี , บาการี ซานญา , จัสติน ฮอยท์ , วิลเลียม กัลลาส , อาร์มองด์ ตราโอเร , อเล็กซานเดอร์ ฮเล็บ , จิลแบร์โต ซิลวา , เดนิลสัน , วาสซิริกิ ดิอาบี , ธีโอ วัลค็อตต์ , นิคลาส เบนด์ทเนอร์
ศึกฟุตบอล คาร์ลิ่ง คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 5-1 อาร์เซนอล
หลังพาทีมบุกไปยันเสมอ อาร์เซนอล 1-1 ในนัดแรก ฮวนเด รามอส หวังเห็น “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ กลับมาทำผลงานในถิ่นได้ยอดเยี่ยมอีกครั้งเพื่อกรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เกมนี้เจ้าบ้านค่อนข้างสมบูรณ์ทีเดียว ความหวังยังอยู่ที่ อารอน เลนนอน และดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ด้าน “ปืนใหญ่” อาร์แซน เวนเกอร์ จัดทีมตัวจริงลงสนามหลายรายและยังมี เชส ฟาเบรกาส รวมถึง เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ รอเปลี่ยนเกมอยู่ข้างสนามด้วย
เริ่มเกมการแข่งขัน อาร์เซนอล ซึ่งต้องการประตูเป็นฝ่ายเดินเกมบุกเข้าใส่ก่อน แต่ผ่านไปแค่ 3 นาทีแฟนๆ “ไก่เดือยทอง” ได้เฮกันลั่นสนามเมื่อ ราเด็ค แซร์นีย์ เปิดบอลยาวจากหน้าประตูให้ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ จับบอลลงก่อนป้ายต่อให้ เจอร์เมน จีนัส ลากตะลุยเข้าไปก่อนหักข้อยิงที่เส้นเขตโทษส่งลูกหนังผ่านมือ ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี กระแทกเสาเข้าไปตุงตาข่ายให้เจ้าถิ่นนำเร็ว 1-0
พอเสียประตูไปยิ่งทำให้ “ปืนใหญ่” ต้องเดินหน้าบุกหนักเป็นสองเท่า อเล็กซานเดอร์ ฮเล็บ ลากตะลุยไปสุดเส้นหลังฝั่งขวาก่อนตบเข้ากลางให้ นิคลาส เบนด์ทเนอร์ สลัดเกือกยิงแต่ช้อนใต้ลูกมากเกินไปทำให้บอลลอยข้ามคานในนาทีที่ 10 อีกแปดนาทีถัดมา อาร์เซนอล ต้องเปลี่ยนตัวเร็วส่ง เชส ฟาเบรกาส ลงมาทำหน้าที่แดนกลางแทน เดนิลสัน ซึ่งบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาซ้ายกระตุกตั้งแต่ต้นเกม
เกมแลกกันอย่างสนุกจนกระทั่งนาทีที่ 26 สเปอร์ส ทิ้งห่างไปเป็น 2-0 เมื่อมาได้ลูกฟรีคิกระยะ 40 หลา จีนัส หยอดบอลหวังให้ ไมเคิล ดอว์สัน กระโดดขึ้นขวิดแต่กลายเป็น เบนด์ทเนอร์ ที่พยายามลงมาช่วยทีมเยือนตั้งรับสอดหัวโหม่งสกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง สามนาทีถัดมาเจ้าบ้านพลาดโอกาสทิ้งห่าง เบอร์บาตอฟ หลุดกับดักล้ำหน้าไปยิงด้วยขวาแต่บอลกระแทกเสาออกมาอย่างน่าเสียดาย “ปืนใหญ่” ตอบโต้กลับไปเช่นกัน บาการี ซานญา ได้โหม่งเช็ดที่เสาแรกร้อนถึง แซร์นีย์ ต้องบินปัดพ้นคานออกไป ทำให้จบ 45 นาทีแรกเจ้าถิ่นได้เปรียบค่อนข้างมาก
เปิดฉากครึ่งเวลาหลัง อาร์เซนอล ลงมาเดินเกมรุกใส่ทันที แต่ผ่านไปแค่สามนาทีก็เจอทีเด็ดสวนกลับของเจ้าถิ่น อารอน เลนนอน จ่ายบอลให้ ร็อบบี คีน หลุดเข้าไปดีดด้วยซ้ายส่งบอลตุงตาข่ายให้ สเปอร์ส ฉีกห่าง 3-0 และนี่ก็เป็นประตูที่ 101 สำหรับศูนย์หน้าดีกรีทีมชาติไอร์แลนด์ที่ทำให้ “ไก่เดือยทอง” อย่างไรก็ตาม นาทีถัดมาทีมเยือนเกือบตีไข่แตกได้เช่นกันแต่ลูกยิงของ เบนด์ทเนอร์ กระแทกคานออกมา
เกมเดินทางมาถึงหนึ่งชั่วโมงพอดีเจ้าถิ่นได้เฮนำ 4-0 จากจังหวะสวนกลับขึ้นมาอีกครั้ง ปาสกาล ชิมบงดา เติมขึ้นมาทางขวาก่อนไหลให้ คีน ชิ่งต่อให้ เลนนอน กระทุ้งด้วยขวาส่งบอลลอดตัว ฟาเบียนสกี เข้าไปตุงตาข่าย จากนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องส่งทั้ง เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ และเอดูอาร์โด ดา ซิลวา ลงมาแก้เกมและคู่นี้ก็ช่วยกันตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-4 ในอีกสิบนาทีถัดมาจากจังหวะที่ “ดูดู้” จ่ายให้ อเดบายอร์ แปบอลเข้าไป
ช่วงเวลาที่เหลือ อาร์เซนอล พยายามครองบอลบุกแต่ก็โดนปิดพื้นที่ไว้หมด แถมช่วงทดเจ็บ สเปอร์ส ประกาศศักดาไล่ถล่มคู่อริร่วมกรุงลอนดอนทางตอนเหนือราบคาบ 5-1 จากการปิดท้ายของ สตีด มัลบรองก์ ทำให้ทีมเอาชนะไปด้วยสกอร์รวมสองนัด 6-2 เข้าไปยืนรอชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ กับผู้ชนะระหว่าง “สิงห์บลูส์” เชลซี หรือ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สเปอร์ส : ราเด็ค แซร์นีย์ , ปาสกาล ชิมบงดา , ไมเคิล ดอว์สัน , เล็ดลีย์ คิง , ลี ยอง เปียว , อารอน เลนนอน , เจอร์เมน จีนัส , ตีมู เตนิโอ , สตีด มัลบรองก์ , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ , ร็อบบี คีน
อาร์เซนอล : ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี , บาการี ซานญา , จัสติน ฮอยท์ , วิลเลียม กัลลาส , อาร์มองด์ ตราโอเร , อเล็กซานเดอร์ ฮเล็บ , จิลแบร์โต ซิลวา , เดนิลสัน , วาสซิริกิ ดิอาบี , ธีโอ วัลค็อตต์ , นิคลาส เบนด์ทเนอร์