xs
xsm
sm
md
lg

ค่าตัวนักเตะ / กษิติ กมลนาวิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน

เมื่อวานนี้ นิตยสาร ฟร็องซ์ ฟุตบอล ของฝรั่งเศสออกมาเปิดเผยรายชื่อนักเตะที่ได้ค่าตัวสูงที่สุดในโลก 20 อันดับแรกของปีนี้ ซึ่งผมขอนำมาให้ท่านผู้อ่านได้ทราบสัก 10 อันดับครับ โดยแชมป์ปีนี้เป็นของ เดวิด เบ็คแค็ม มิดฟิลด์ อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษแห่งทีม ลอส แอนเจลิส กาแล็กซี ใน เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ สหรัฐอเมริกา ที่แซงกลับขึ้นมายืนอันดับ 1 ด้วยค่าตัว 31 ล้านยูโรต่อปี หรือประมาณ 1,550 ล้านบาท

เงินค่าตัวดังกล่าวหมายถึง เงินเดือน บวกกับ ผลประโยชน์อื่นๆที่พ่วงไว้ในสัญญาค้าแข้งด้วย ซึ่งถ้าคิดเป็นเงินเดือน เบ็คแค็ม มีรายได้ร่วม 130 ล้านบาทต่อเดือน และปีนี้ถือเป็นปีที่ 4 แล้วที่เขาครองอันดับ 1 โดยก่อนหน้านั้น ในปี 2003-2005 หมอนี่เป็นนักฟุตบอลที่รับทรัพย์มากกว่าใครๆมา 3 ปีซ้อน หลังจากนั้นก็มาโดน โรนัลดิญโญ มิดฟิลด์ทีมชาติบราซิลแห่งทีมบาร์เซโลนา แซงหน้าไป 2 ปีที่ผ่านมา เพราะตอนที่ เบ็คแค็ม ยังอยู่กับ เรอัล มาดริด นั้น เขาได้รับค่าเหนื่อยเพียงปีละ 17 ล้านยูโร ในขณะที่ เหยินเล็ก ทำเงินปีละ 24 ล้านยูโร

ในปีนี้ โรนัลดิญโญ หล่นลงมาอยู่อันดับ 2 แทน เพราะรายได้ของเขาก็ยังคงเดิม อันดับ 3 เป็น ลีโอเนล เมสซี ปีกจอมเลื้อย ทีมชาติอาร์เกนตินา เพื่อนร่วมทีมบาร์ซาของ โรนัลดิญโญ นั่นเอง พร้อมกับรายได้ 23 ล้านยูโรต่อปี อันดับ 4 คือ คริชติอาโน โรเนาโด ปีกขวาจอมสลับขาหลอก ทีมชาติโปรตุเกสแห่งทีม แมนเชสเตอร์ ยูนายเต็ด ได้เงินแค่ 19.5 ล้านยูโร ซึ่งปีที่แล้วไม่ติด 5 อันดับแรก แต่หลายคนคงยอมรับว่า ขณะนี้เขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลก ผมว่าถ้าฟอร์มยังคงที่ จนจบฤดูกาล และคว้าแชมป์ชุ่ยเลย แถมได้เซ็นสัญญาใหม่ รับรองว่า ปี 2009 โรเนาโด มีสิทธิ์ขึ้นถีงอันดับ 1 แน่นอน อันดับ 5 ติเอรี อ็องรี กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสของ บาร์ซา อีกคน ได้ค่าตัว 16.8 ล้านยูโร

อันดับ 6 และ 7 เป็นของสองนักเตะ เชลซี จอห์น เทรี กองหลังทีมชาติอังกฤษ และ มิชาเอล บัลลัค มิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมนี สองคนนี้ได้ค่าเหนื่อยเกือบเท่ากัน คือ 13.9 และ 13.8 ล้านยูโรตามลำดับ ส่วนอันดับ 8 โรเนาโด ศูนย์หน้าทีมชาติบราซิลแห่งทีม เอซี มิลาน ร่วงลงมาจากอันดับ 5 ของปีที่แล้ว ค่าตัวก็ลดน้อยตามลงไปด้วย เพราะปีนี้ เขาได้ค่าตัวเพียง 13.4 ล้านยูโร จากที่เคยรับ 15.2 ล้านยูโร ตอนอยู่กับ เรอัล มาดริด

อันดับ 9 รายนี้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของโลก ( FIFA World Player of the Year ) ปี 2007 และเป็นเจ้าของรางวัล บัลลง ดอร์คนล่าสุด กาก้า มิดฟิลด์ทีมชาติบราซิลแห่งทีม เอซี มิลาน ที่มีรายได้ไม่ค่อยจะสมฐานะเอาเลย นั่นคือ 12.9 ล้านยูโร และอันดับ 10 ก็คือ สตีเวน เจราร์ด มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษแห่งทีม ลิเวอร์พูล ค่าตัว 11.8 ล้านยูโร

ส่วนโค้ชที่มีรายได้อันดับ 1 ของปีนี้ คือ ชูเซ โมริญโญ อดีตผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสของ เชลซี ที่ปีนี้ไม่มีทีมให้คุม เขามีรายได้ปีละ 29 ล้านยูโร จากที่เคยได้รับ 10 ล้านยูโรเมื่อปีที่แล้ว หมอนี่รั้งอันดับ 1 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ในขณะที่อันดับ 2 นั้น เคยเป็นของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์เกิสซัน แห่งทีม แมนฯ ยู ที่ได้ค่าคุมทีมปีที่แล้ว 6.1 ล้านยูโร แม้ว่าปีนี้จะได้ค่าเหนื่อยเพิ่มเป็น 7.4 ล้านยูโร แต่ก็ต้องหล่นไปอยู่อันดับ 3 เพราะ ฟาบิโอ กาเปลโล โค้ชทีมชาติอังกฤษชาวอิตาลี พุ่งขึ้นมาแรงเหลือเกิน จากเดิมที่เคยได้จากทีมราชันชุดขาวปีละ 5.8 ล้านยูโร มาปีนี้เขามีรายได้ปีละ 14.2 ล้านยูโร

ย้อนกลับมาดูรายได้ของนักเตะไทยใน ไทยแลนด์ พรีเมียร์ ลีก กันบ้าง ผมว่าคงไม่มีใครได้รับค่าเหนื่อยเกิน 1 แสนบาทต่อเดือน ยกตัวอย่าง วุฒิชัย ทาทอง กองหน้าทีมชาติไทยแห่งสโมสรฟุตบอลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทุกวันนี้มีเงินเดือน 30,000 บาท รวมเบี้ยเลี้ยงซ้อมและแข่งขันเป็น 35,000 บาท หนึ่งปีก็มีรายได้ 420,000 บาท นี่อย่างหรูแล้ว วุฒิชัยต้องเล่นฟุตบอลรับใช้สโมสรนานถึง 3,690 ปี จึงจะมีรายได้เท่ากับที่ เบ็คแค็ม ทำภายในปีเดียว ผมคิดต่อไปว่า เบ็คแค็ม มีฝีเท้าห่างชั้นกับ เจ้ากอล์ฟ ถึง 3,690 เท่าเลยหรือเปล่า

รายได้มหาศาลของนักเตะและโค้ชในประเทศชั้นนำด้านเกมลูกหนังเหล่านี้ สโมสรเอาเงินจากไหนมาจ่ายครับ ที่เห็นชัดๆก็มาจากค่าตั่วเข้าชมการแข่งขันที่แต่ละนัดมีราคาอย่างต่ำเกือบพันบาท รายได้จากการขายสินค้าที่ระลึก เสื้อทีม ผ้าพันคอ พวงกุญแจและอื่นๆของสโมสรไปทั่วโลก อันนี้ก็ทำได้รายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับสโมสร นอกจากนั้น ยังมีลิขสิทธิ์ถ่ายทอดโทรทัศน์ที่คนทั่วโลกแห่กันซื้อไปอีก ซึ่งสมาคมฟุตบอลก็จัดแบ่งสรรปันส่วนให้แต่ละสโมสรด้วย ซึ่งจะว่าไปแล้ว ค่าเหนื่อยของ เบ็คแค็ม ก็เงินในกระเป๋าเรานั่นเอง จริงอยู่ เบ็คแค็ม ไม่เพียงแต่เป็นนักเตะชั้นยอด มีมานะ ระเบียบวินัยในการฝึกซ้อม โดยเฉพาะการวางบอลและการยิงลูกฟรีคิกที่แม่นยำ แต่เขายังสร้างภาพลักษณ์การเป็นดาราดังอีกด้วย สิ่งเหล่านี้แหละที่ฝรั่งช่วยกันสร้าง และคนทั่วโลกช่วยกันชม

ในขณะเดียวกัน ฝรั่งกำลังคุมกำเนิดนักเตะจากทวีปอื่นที่กำลังพยายามไปเรียนรู้ ฝึกปรือจากเขา ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนั้น เราก็คงทำได้เพียงจ่ายเงินซื้อตั๋วชมละครโรงฝรั่งที่ฝรั่งเป็นผู้แสดงอยู่ร่ำไป ยิ่งไปกว่านั้น โรงละครของชาวเอเชียที่กำลังจะเปิดม่านในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ ฝรั่งก็โหมกระแสบอยคอตต์ เรื่องนี้ผมขอเตือนพี่ไทย อย่าเชียวนะครับ นอกจากจะต้องช่วยกันประคับประคองวงการกีฬาของชาวเอเชีย อย่างโอลิมปิค เกมส์ ที่กรุงเป่ยจิง ประเทศจีนแล้ว เรายังต้องร่วมกันประณามพวกที่บอยคอตต์ด้วยครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น