เพิ่งผ่านไปหมาดๆ สำหรับภาคแรกเวอร์ชันยุโรป ในการดวลกันแบบไตรภาคของ อาร์เซนอล กับ ลิเวอร์พูล ปรากฎว่าเสมอกันไป อย่างไรก็ตามในวันเสาร์ที่ 5 เมษายนี้ทั้งคู่ต้องเผชิญหน้ากันอีกครั้งที่สนามเดิมแต่เป็นในศึก พรีเมียร์ชิป ส่วนจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอันดับ 2 เชลซี ก็มีโปรแกรมลงโม่แข้งเช่นเดียวกัน
เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูล แพ้ อาร์เซนอล 3 นัดโดนยิงกระจาย 12 ประตู แต่ก็ไม่ได้ดวลกันแบบ 3 นัดรวดภายในสัปดาห์เดียวเหมือนกับปีนี้ อย่างไรก็ตามเสาร์นี้เปลี่ยนมาเป็นเกมลีกแม้ว่าจะสนามเดิมที่ เอมิเรตส์ สเตเดียม นักเตะก็ทีมเดิม แต่ว่าบรรยากาศย่อมไม่เหมือนกันและมีผลสำหรับการแข่งขันที่มีสิทธิ์จะออกมาในอีกรูปแบบหนึ่ง
อาร์เซนอล ที่ตกมารั้งอันดับ 3 ยังคงเชื่อว่าพวกเขามีลุ้นเบียด แมนฯยูไนเต็ด คว้าแชมป์หัวมงกุฎ หลังจากฟอร์มตก 5 นัดไม่ชนะ ทำให้ตามหลังถึง 6 คะแนนเหลือเกมอีก 6 นัด ล่าสุดเพิ่งจะมาคว้าชัยเหนือ โบลตัน วันเดอเรอร์ส แบบสุดหืด 3-2 อาร์แซน เวนเกอร์ น่าจะเน้นนักเตะชุดเดิมจากที่เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 เพราะมีตัวเลือกไม่มากนัก
ส่วน ลิเวอร์พูล โรเตชันน้อยมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผลงานค่อนข้างจะคงเส้นคงวากว่าเมื่อช่วงต้นฤดูกาล อย่างไรก็ตามกลัวว่า ราฟาเอล เบนิเตซ จะมาเปลี่ยนทีมในนัดนี้ เพราะว่าใน พรีเมียร์ชิป หลังจากชนะ เอฟเวอร์ตัน ในเกมล่าสุด ทำให้สถานการณ์ลุ้นอันดับ 4 เบาตัวไปเยอะทิ้งห่างถึง 5 คะแนน อาจจะยอมทิ้งเพื่อไปเน้นในยุโรปแบบสุดตัว
ลิเวอร์พูล ไม่มีปัญหาในการจัดทัพต้องลุ้นเพียงแค่ ฮาเวียร์ มาสเชราโน กองกลางชาวอาร์เจนไตน์ จะถูกแบนเพิ่มจากสมาคมหรือไม่ แต่ว่านัดนี้เป็นเกมในลีกซึ่ง อาร์เซนอล ค่อนข้างจะเหนือกว่าแถมเล่นในบ้านอีก สถิติที่ผ่านมาก็ชนะ 4 ฤดูกาลติดต่อกัน ปีนี้ก็น่าจะเป็นชัยชนะของเจ้าบ้านอีกครั้ง เพราะสมาธิของทีมเยือนที่ถูกเกมยุโรปพรากไป
ถัดมาอีกคู่ที่น่าจับตามองไม่น้อยในคืนวันเสาร์เช่นเดียวกัน เชลซี รองจ่าฝูงมีโอกาสเก็บชัยชนะเพื่อกดดัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งจะลงเล่นในวันอาทิตย์เหลือเพียงแค่ 2 แต้ม โดยจะต้องบุกไปเยือนรัง แมนเชสเตอร์ ซิตี โอกาสเก็บชัยชนะมีสูงมาก เพราะเจ้าถิ่นฟอร์มสุดกระท่อนกระแท่น 6 นัดหลังชนะแค่เกมเดียวเท่านั้น
เชลซี เพิ่งจะพลิกล็อกบุกไปพ่าย เฟเนร์บาห์เช 1-2 ในเกมยุโรปทั้งที่ออกสตาร์ทนำไปก่อน ทำให้เกมนี้น่าจะมีความกังวลเล็กน้อย แต่ว่าผลงานในลีกยอดเยี่ยม 15 นัดหลังสุดไม่พบกับความว่าพ่ายแพ้ แถมนักเตะตัวหลักๆ มีให้ อัฟราม แกรนท์ เลือกใช้งานแบบล้นมือ ลุ้นแค่อาการเจ็บของ ปีเตอร์ เช็ก นายด่านมือ 1 แค่คนเดียว
เกมนี้หนักใจแทน แมนฯซิตี จริงๆ เพราะนัดแรกก็โดนยำใหญ่มาถึงครึ่งโหล แถมมาเจอกันในช่วงที่ฟอร์มแย่กว่าตอนนั้นอีก ทำให้ สเวน โกรัน อิริคส์สัน กุนซือชาวสวีดิช ออกมาขู่ใครเล่นไม่เอาอ่าวจะโละออกไปในช่วงซัมเมอร์นี้ เกมนี้ "เรือใบสีฟ้า" ยังไม่มี ไมกาห์ ริชาร์ดส์ กองหลังคนสำคัญก็เจ็บยาว ดูแล้วต้าน เชลซี ยากจริงๆ
ข้ามมาในวันอาทิตย์จ่าฝูง แมนฯยู ที่ฟอร์มกำลังฮอตสุดๆ ชนะในลีกมา 6 นัดรวดแถม 5 นัดหลังไม่เสียประตูเลย จะลงเล่นเป็นคู่แรกในช่วงหัวค่ำ โดยจะต้องบุกไปเยือนรัง ริเวอร์ไซด์ สเตเดียม ของ มิดเดิลสโบรช์ ซึ่งทางเจ้าถิ่น "สิงห์แดง" สถานการณ์หนีตกชั้นไม่ค่อยน่าเป็นห่วง เพราะรั้งอันดับ 13 ห่างจากโซนแดงถึง 8 แต้ม
อาคันตุกะ แมนฯยู สถานการณ์ในถ้วยยุโรปสดใสที่สุดเมื่อบุกไปเอาชนะ โรมา มาได้ก่อน 2-0 ทำให้นัดนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือคู่บารมี คงจะมีการหมุนเวียนนัก
เตะหลายตำแหน่งไม่ว่าจะเป็น คาร์ลอส เตเบซ, โอเวน ฮาร์กรีฟส์, มิคาเอล ซิสแวสตร์ และ เคราร์ด ปิเก แต่ที่ลงไม่ได้แน่นอนคือ เนมานยา วิดิช มีอาการเจ็บที่เข่า
มิดเดิลสโบรช์ เกมนี้จะไม่มี มิโด หอกทีมชาติอียิปต์ ที่โดนแบน 3 นัดหลังตัดสินใจไม่อุทธรณ์โทษที่ยกขาสูงจนโดนใบแดงในเกมกับ อาร์เซนอล แต่ไม่มีปัญหาเพราะยังเหลือ ตูนกาย ซานลี และ เฌเรมี อาลิยาดิแยร์ ให้ใช้งาน แต่ดูแล้วน่าจะแพ้ แมนฯยู ที่มีทั้ง คริสเตียโน โรนัลโด และ เวย์น รูนีย์ ที่เข้าฝักทั้งคู่ รวมถึงความมุ่งมั่นที่มีมากกว่า
ปิดท้ายด้วยศึก เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่หลายคนอาจจะลืมไปหรือไม่ได้ใส่ใจ เนื่องจากบรรดาทีมยักษ์ใหญ่พาเหรดกันตกรอบ เหลือ ปอร์ทสมัธ ทีมเดียวที่มาจากลีกสูงสุด โดยจะเล่นใน เวมบลีย์ พบกับ เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน ในวันเสาร์ ส่วนในวันอาทิตย์ บาร์นส์ลีย์ ทีมจอมล้มยักษ์จะพบกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี
ฟันธง ตรงเผง โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
ปืนกด 2-0,ผี-เชลซี ควงชัย 1-0
โปรแกรมฟุตบอล พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ช่วงสุดสัปดาห์นี้
วันเสาร์ที่ 5 เมษายน 2551
อาร์เซนอล พบ ลิเวอร์พูล เวลา 18.45น.
วิลลา พบ โบลตัน เวลา 21.00น.
แบล็คเบิร์น พบ สเปอร์ส เวลา 21.00น.
ฟูแลม พบ ซันเดอร์แลนด์ เวลา 21.00น.
นิวคาสเซิล พบ เรดดิง เวลา 21.00น.
วีแกน พบ เบอร์มิงแฮม เวลา 21.00น.
แมนฯซิตี พบ เชลซี เวลา 21.00น.
วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2551
มิดเดิลสโบรช์ พบ แมนฯยู เวลา 19.30น.
เอฟเวอร์ตัน พบ ดาร์บี เวลา 21.00น.