ความพ่ายแพ้ในรอบรองชนะเลิศ ศึกเทนนิสออสเตรเลียน โอเพ่น เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา รวมถึงการร่วงตกรอบแรก ศึกเทนนิสดูไบ โอเพ่น เมื่อสามสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ทำให้ “โรเจอร์ เฟเดอเรอร์” ยอดนักหวดหมายเลข 1 ของโลกที่ครองความยิ่งใหญ่มาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ถูกมองว่ากำลังอยู่ในช่วงวิกฤติขาลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นับตั้งแต่เริ่มออกสตาร์ทฤดูกาล 2008 เฟเดอเรอร์ ลงสนามทำการแข่งขันไปทั้งสิ้น 2 รายการ คือ ออสเตรเลียน โอเพ่น และ ดูไบ โอเพ่น หวดหมายเลข 1 ของโลก จบควอเตอร์แรกของปี ด้วยผลงานชนะ 5 แพ้ 2 นัด และเมื่อเหลือบมองไปยังตารางอันดับโลกยังพบว่า ช่องว่างระหว่างมือ 1 และ มือ 2 ของโลก อย่าง เฟดเอ็กซ์ และ “ราฟาเอล นาดาล” ราชันคอร์ตดินจากแดนกระทิงดุ ได้ถูกบีบให้แคบลงมาเหลือเพียง 350 คะแนน ซึ่งนับเป็นการทำคะแนนที่ไล่บี้กันมากที่สุดตั้งแต่ปี 2004 (ซึ่ง “แอนดี้ ร็อดดิก” จอมเสิร์ฟพลังช้าง เคยทำได้ เมื่อครั้งพยายามไล่ชิงตำแหน่งมือ 1โลกกับเฟดเอ็กซ์)
นอกจากพื้นที่ชิงตำแหน่งมือ 1โลกที่ถูกเปิดกว้างขึ้นจากความพ่ายแพ้เพียง 2 นัดของเฟดเอ็กซ์ คำสบประมาทของ “โนวัค ยอโควิช ” หวดดาวรุ่งชาวเซิร์บ ซึ่งเคยหักอกนักเทนนิสจากแดนนาฬิกามาแล้วในการแข่งขันออสเตรเลียน โอเพ่น เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่ว่า “ใครๆ ก็สามารถล้มเฟเดอเรอร์ได้” ก็ยิ่งตอกย้ำและบีบให้สถานการณ์การรักษาบัลลังก์มือ 1โลกของเฟดเอ็กซ์ กดดันมากยิ่งขึ้น
“ด้วยความสัตย์จริง เมื่อมองจากผลการแข่งขันที่ผ่านมาในปีนี้ รวมถึงสไตล์การเล่นของทั้งคู่ ผมคิดว่า เมอร์เรย์ จะชนะ ผมไม่รู้สึกแปลกใจเลยกับผลการแข่งขันในครั้งนี้ และคงต้องให้เครดิตกับเขา (เมอร์เรย์) มากทีเดียว” หวดดาวรุ่งจากเซอร์เบีย เผย หลังจากที่ เฟเดอเรอร์ ร่วงตกรอบแรก ศึกเทนนิสดูไบ โอเพ่น ด้วยน้ำมือของ “แอนดี้ เมอร์เรย์” พร้อมเปิดฉากวิจารณ์แรกเก็ตเทพชาวสวิสต่อว่า “ผมไม่คิดว่า โรเจอร์ จะพอใจนัก เมื่อต้องเจอบอลที่ถูกหวดกลับมามากๆ ซึ่งมันแสดงให้เห็นชัดเจนว่า เมอร์เรย์ มีสไตล์การเล่นที่ยอดเยี่ยม และเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ เขารู้ดีว่าตัวเองต้องเล่นแบบไหนในช่วงเวลาใด”
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงยุคมืดของเฟเดอเรอร์ ยังมีผู้คว่ำหวอดในวงการที่มองต่างมุมและแย้งว่า “ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการเปลี่ยนมือแชมป์โลกในตอนนี้” เนื่องจากฤดูกาลใหม่เพิ่งจะเปิดฉากไปได้เพียง 3 เดือน อีกทั้งความปราชัยของเฟดเอ็กซ์ เจ้าของ 12 แชมป์แกรนด์ สแลม ที่เกิดขึ้นเพียง 2 ครั้ง ตั้งแต่เริ่มฤดูกาล ก็ส่อแววว่าจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากอาการป่วยของโรค ที่มีชื่อว่า “โมโนนิวคลิโอลิส” ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการเหมือนเป็นไข้ เจ็บคอ เวียนศีรษะ และรู้สึกเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา ตามที่เอเยนต์ส่วนตัวของหวดมือ 1 โลก เปิดเผยไว้ก่อนหน้านี้
แต่หากมองข้ามข้ออ้างในเรื่องอาการป่วย จะเป็นไปไม่ได้เชียวหรือที่เฟดเอ็กซ์ จะพลาดท่าพบกับความปราชัยบ้างในบางครั้ง เพราะกีฬาย่อมมีแพ้ชนะ และจากสถิติที่ผ่านมา ก็ยังไม่เคยมีนักกีฬาระดับตำนานคนไหนที่สร้างความยิ่งใหญ่ได้โดยไร้ความพ่ายแพ้ เหมือนอย่างที่ “สวีตพีท” พีท แซมพราส เจ้าของสถิติ 14 แกรนด์ สแลม และมือ 1 โลก 6 สมัย ที่พูดไว้ก่อนลงแข่งขันเทนนิสแม็ตซ์พิเศษ กับ เฟเดอเรอร์ ที่เมดิสัน สแควร์ การ์เดน ในมหานครนิวยอร์ก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า “นักเทนนิสยอดฝีมือทุกคนล้วนแล้วแต่เคยพ่ายแพ้ที่นั่นที่นี่มาแล้วทั้งนั้น แน่นอนผมก็ด้วย ซึ่งนั่นจะทำให้ผู้คนเริ่มคิดว่า เขาจะไม่สุดยอดแล้ว แต่หากมองกันอย่างเป็นกลางและให้นึกถึงหลักความจริง ชายคนนี้ (เฟดเอ็กซ์) คือสุดยอดนักเทนนิส และเขาจะกลับมาได้อย่างแน่นอน”
“สื่อต้องการเพียงขายข่าวของโรเจอร์ ซึ่งข่าวแบบนี้เป็นข่าวดีอยู่แล้ว” สวีตพีท กล่าวติดตลก “มันเป็นเรื่องยากที่จะรักษาฟอร์มการเล่นให้ได้สม่ำเสมอ ทุกคนย่อมมีวันที่ฟอร์มดีฟอร์มหลุดกันบ้าง แต่เมื่อการแข่งขันรายการแกรนด์ สแลม มาถึง เขานี่แหละที่จะยืนหยัดอยู่เป็นคนสุดท้าย”
อย่างไรก็ดี ล่าสุด เฟเดอเรอร์ สามารถเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้อีกครั้ง หลังออกสตาร์ทประเดิมสนามในศึกเทนนิสรายการแปซิฟิก ไลฟ์ โอเพ่น ที่อินเดียน เวลล์ส แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นการแข่งขันในรอบสอง ด้วยชัยชนะเหนือ “กิลเยร์โม่ การ์เซีย โลเปซ” จากสเปน 2-0 เซต 6-3 6-2
นอกจากนี้การแข่งขันเทนนิสมาสเตอร์ ซีรีส์ สนามแรก ที่อินเดียน เวลล์ส ซึ่งเป็นเวทีวัดว่า แชมป์โลกจะเปลี่ยนมือหรือไม่ กำลังดำเนินไปอย่างสนุกและตื่นเต้น คงต้องตามลุ้นกันอย่างใกล้ชิดว่า เฟดเอ็ดซ์ จะสามารถลบคำสบประมาทและก้าวเข้ารอบลึกเพื่อรักษาตำแหน่งมือ 1 โลก ที่เขาครอบครองมานานกว่า 215 สัปดาห์ ได้หรือไม่? และที่สำคัญหากเขาทำสำเร็จ ก็น่าจะเป็นการลบเสียงวิจารณ์ที่ว่า “เฟดเอ็กซ์ ขาลง”ได้ดีที่สุด
