คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมจากเดอะ แชมเปี้ยนชิป กลายเป็นแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์อีกหนึ่งทีม หลังบุกมาปราบ มิดเดิลสโบรช์ ทีมจากพรีเมียร์ลีกถึงถิ่น 2-0 ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของศึกลูกหนังเอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ ขณะที่ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ผ่านเข้ารอบตัดเชือกเป็นทีมสุดท้าย หลังบุกไปถลุง บริสตอล โรเวอร์ส ขาดลอย 5-1
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2551
มิดเดิลสโบรช์ 0 – 2 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้
บอลถ้วยอันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองผู้ดี รอบ 8 ทีมสุดท้าย มิดเดิลสโบรช์ ทีมจากศึกพรีเมียร์ชิป เปิดสนามริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมในเดอะ แชมเปี้ยนชิป เกมนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ส่ง อฟอนโซ่ อัลเวส หัวหอกค่าตัวแพงชาวบราซิลลงสนามเป็นตัวจริงโดยล่าตาข่ายร่วมกับ ตุนกาย ซานลี่
ขณะที่ทีมเยือนของกุนซือ เดฟ โจนส์ มีนักเตะที่เคยค้าแข้งในลีกสูงสุดอย่าง ปีเตอร์ เอ็นเคิลแมน ลงเฝ้าเสา ส่วน สตีเฟ่น แม็คเฟล, ปีเตอร์ วิทติงแฮม และ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ ศูนย์หน้าเด็กเก่าเดอะ โบโร่ ทำหน้าที่คอยประคองเพื่อนร่วมทีม
สิ้นเสียงนกหวีดเริ่มเกม สิงห์แดงเป็นฝ่ายบุกกดดันเข้าใส่ก่อนแต่ยังไม่มีโอกาสเข้าทำแบบจะแจ้ง กระทั่งนาทีที่ 10 กลับกลายเป็นว่ากองเชียร์บลูเบิร์ดที่เป็นฝ่ายได้เฮลั่นก่อนจากจังหวะที่ โทนี่ คาปัลดี้ ทุ่มไกลจากด้านซ้ายเข้าเขตโทษ บอลชุลมุนอยู่หน้าเขตโทษก่อนที่จะหลุดมาเข้าเท้า วิทติงแฮม ที่โชว์ทักษะดึงบอลหลอกล่อผู้เล่นเจ้าถิ่นที่รุมเข้ามา 4-5 คนแล้วสบโอกาสปั่นโค้ง ส่งลูกเสียบเสาไกลอย่างสวยงามให้ คาร์ดิฟฟ์ ขึ้นนำก่อน 1-0
อีก 2 นาทีต่อมา มิดเดิลสโบรช์ เกือบต้องช็อกอีกครั้ง เมื่อ คาปัลดี้ เติมเกมขึ้นมาทางกราบซ้ายก่อนเลือกเปิดโด่งเข้าไปหน้าประตูให้ ฮัสเซลเบงค์ พุ่งตัวเข้ามาโขกโดยที่กองหลังเจ้าบ้านคุมหละหลวม ทว่าดาวยิงชาวดัตช์กลับโหม่งหลุดข้างเสาแรกออกไปเองอย่างน่าเสียดาย
เกมของเดอะ โบโร่ ยังไม่ดีขึ้น นาทีที่ 20 พอล แพร์รี่ ลากตัดจากริมเส้นฝั่งขวาเข้ากดด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษส่งลูกเฉี่ยวสามเหลี่ยมเสาสองไปแบบได้ลุ้น กระทั่ง 3 นาทีให้หลัง คาร์ดิฟฟ์ ก็หนีห่างออกไปเป็น 2-0 ได้สำเร็จจากลูกฟรีคิกที่ วิทติงแฮม หยอดไปที่เสาไกลให้ โรเจอร์ จอห์นสัน พุ่งโหม่งตอร์ปิโดบกย้อนศรหนีมือ มาร์ค ชวาร์เซอร์ เสียบหน้าต่าง
สิงห์แดงพยายามหาทางตีไข่แตก นาทีที่ 27 อฟอนโซ่ อัลเวส ล็อกหลบ เควิน แม็คนอตัน แถวมุมเขตโทษด้านซ้ายเข้ามาด้านในแล้วจัดการสับไกทแยงมุม แต่ ปีเตอร์ เอ็นเคิลแมน ยังพุ่งปัดออกไปได้ จากนั้นนาทีที่ 40 บลูเบิร์ดได้โอกาสคุกคามอีกครั้งจากลูกโหม่งของ โรเจอร์ จอห์นสัน คนเดิมแต่หนนี้ไปเข้ามือ ชวาร์เซอร์ ก่อนที่ วิทติงแฮม จะซัดจากนอกกรอบเขตโทษถูก ชวาร์เซอร์ ล้มตัวรับเอาไว้ได้ จบครึ่งแรก คาร์ดิฟฟ์ ยังคงนำอยู่ 2-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง ผ่านมาถึงหนึ่งชั่วโมงเต็ม ฮัสเซลเบงค์ ทำแฮนด์บอลเสียฟรีคิกหน้าเขตโทษให้กับ มิดเดิลสโบรช์ ซึ่ง สจ๊วร์ต ดาวนิง รับอาสาปั่นโค้งข้ามกำแพง บอลเฉียดสามเหลี่ยมเสาแรกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่สิงห์แดงจะเกือบพลาดท่าเสียประตูที่ 3 จากจังหวะสวนกลับซึ่ง พอล แพร์รี่ ได้บอลลากขึ้นมาจากทางด้านขวา ทว่าตัดสินใจไม่ดีไม่จ่ายให้เพื่อนที่อยู่ด้านกว้าง เลือกซัดเองด้วยซ้ายส่งบอลบดออกไปแบบไม่ใกล้เคียง
ช่วงเวลาที่เหลือ เจ้าถิ่นพยายามหาทางขึ้นเกมรุกหวังทวงประตูคืน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถฝ่าแนวรับของทีมเยือนที่ต้านทานอย่างเหนียวแน่นได้ หมดเวลา คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ พลิกล็อกบุกมาโค่น มิดเดิลสโบรช์ ถึงถิ่น 2-0 ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ส่งผลให้เวลานี้มี ปอร์ทสมัธ เพียงทีมเดียวจากพรีเมียร์ลีกที่หลุดเข้ามาถึงรอบตัดเชือกได้
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
มิดเดิลสโบรช์ – มาร์ค ชวาร์เซอร์, ลุค ยัง, โรเบิร์ต ฮูธ, เดวิด วีเทอร์, เอมานูเอล โปกาเตตซ์, แกรี่ โอนีล, ฮูลิโอ อาร์ก้า, ฟาบิโอ โรเชมบัค, สจ๊วร์ต ดาวนิง, อฟอนโซ่ อัลเวส, ตุนกาย ซานลี่
คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ – ปีเตอร์ เอ็นเคิลแมน, เควิน แม็คนอตัน, โรเจอร์ จอห์นสัน, เกล็น ลูเฟนส์, โทนี่ คาปัลดี้, เกวิน เร, สตีเฟ่น แม็คเฟล, พอล แพร์รี่, ปีเตอร์ วิทติงแฮม, อารอน แรมซีย์, จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสซลเบงค์
ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ
มิดเดิลสโบรช์ แพ้ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 0-2
บริสตอล โรเวอร์ส แพ้ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 1-5
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2551
มิดเดิลสโบรช์ 0 – 2 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้
บอลถ้วยอันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองผู้ดี รอบ 8 ทีมสุดท้าย มิดเดิลสโบรช์ ทีมจากศึกพรีเมียร์ชิป เปิดสนามริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมในเดอะ แชมเปี้ยนชิป เกมนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ส่ง อฟอนโซ่ อัลเวส หัวหอกค่าตัวแพงชาวบราซิลลงสนามเป็นตัวจริงโดยล่าตาข่ายร่วมกับ ตุนกาย ซานลี่
ขณะที่ทีมเยือนของกุนซือ เดฟ โจนส์ มีนักเตะที่เคยค้าแข้งในลีกสูงสุดอย่าง ปีเตอร์ เอ็นเคิลแมน ลงเฝ้าเสา ส่วน สตีเฟ่น แม็คเฟล, ปีเตอร์ วิทติงแฮม และ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ ศูนย์หน้าเด็กเก่าเดอะ โบโร่ ทำหน้าที่คอยประคองเพื่อนร่วมทีม
สิ้นเสียงนกหวีดเริ่มเกม สิงห์แดงเป็นฝ่ายบุกกดดันเข้าใส่ก่อนแต่ยังไม่มีโอกาสเข้าทำแบบจะแจ้ง กระทั่งนาทีที่ 10 กลับกลายเป็นว่ากองเชียร์บลูเบิร์ดที่เป็นฝ่ายได้เฮลั่นก่อนจากจังหวะที่ โทนี่ คาปัลดี้ ทุ่มไกลจากด้านซ้ายเข้าเขตโทษ บอลชุลมุนอยู่หน้าเขตโทษก่อนที่จะหลุดมาเข้าเท้า วิทติงแฮม ที่โชว์ทักษะดึงบอลหลอกล่อผู้เล่นเจ้าถิ่นที่รุมเข้ามา 4-5 คนแล้วสบโอกาสปั่นโค้ง ส่งลูกเสียบเสาไกลอย่างสวยงามให้ คาร์ดิฟฟ์ ขึ้นนำก่อน 1-0
อีก 2 นาทีต่อมา มิดเดิลสโบรช์ เกือบต้องช็อกอีกครั้ง เมื่อ คาปัลดี้ เติมเกมขึ้นมาทางกราบซ้ายก่อนเลือกเปิดโด่งเข้าไปหน้าประตูให้ ฮัสเซลเบงค์ พุ่งตัวเข้ามาโขกโดยที่กองหลังเจ้าบ้านคุมหละหลวม ทว่าดาวยิงชาวดัตช์กลับโหม่งหลุดข้างเสาแรกออกไปเองอย่างน่าเสียดาย
เกมของเดอะ โบโร่ ยังไม่ดีขึ้น นาทีที่ 20 พอล แพร์รี่ ลากตัดจากริมเส้นฝั่งขวาเข้ากดด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษส่งลูกเฉี่ยวสามเหลี่ยมเสาสองไปแบบได้ลุ้น กระทั่ง 3 นาทีให้หลัง คาร์ดิฟฟ์ ก็หนีห่างออกไปเป็น 2-0 ได้สำเร็จจากลูกฟรีคิกที่ วิทติงแฮม หยอดไปที่เสาไกลให้ โรเจอร์ จอห์นสัน พุ่งโหม่งตอร์ปิโดบกย้อนศรหนีมือ มาร์ค ชวาร์เซอร์ เสียบหน้าต่าง
สิงห์แดงพยายามหาทางตีไข่แตก นาทีที่ 27 อฟอนโซ่ อัลเวส ล็อกหลบ เควิน แม็คนอตัน แถวมุมเขตโทษด้านซ้ายเข้ามาด้านในแล้วจัดการสับไกทแยงมุม แต่ ปีเตอร์ เอ็นเคิลแมน ยังพุ่งปัดออกไปได้ จากนั้นนาทีที่ 40 บลูเบิร์ดได้โอกาสคุกคามอีกครั้งจากลูกโหม่งของ โรเจอร์ จอห์นสัน คนเดิมแต่หนนี้ไปเข้ามือ ชวาร์เซอร์ ก่อนที่ วิทติงแฮม จะซัดจากนอกกรอบเขตโทษถูก ชวาร์เซอร์ ล้มตัวรับเอาไว้ได้ จบครึ่งแรก คาร์ดิฟฟ์ ยังคงนำอยู่ 2-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง ผ่านมาถึงหนึ่งชั่วโมงเต็ม ฮัสเซลเบงค์ ทำแฮนด์บอลเสียฟรีคิกหน้าเขตโทษให้กับ มิดเดิลสโบรช์ ซึ่ง สจ๊วร์ต ดาวนิง รับอาสาปั่นโค้งข้ามกำแพง บอลเฉียดสามเหลี่ยมเสาแรกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่สิงห์แดงจะเกือบพลาดท่าเสียประตูที่ 3 จากจังหวะสวนกลับซึ่ง พอล แพร์รี่ ได้บอลลากขึ้นมาจากทางด้านขวา ทว่าตัดสินใจไม่ดีไม่จ่ายให้เพื่อนที่อยู่ด้านกว้าง เลือกซัดเองด้วยซ้ายส่งบอลบดออกไปแบบไม่ใกล้เคียง
ช่วงเวลาที่เหลือ เจ้าถิ่นพยายามหาทางขึ้นเกมรุกหวังทวงประตูคืน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถฝ่าแนวรับของทีมเยือนที่ต้านทานอย่างเหนียวแน่นได้ หมดเวลา คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ พลิกล็อกบุกมาโค่น มิดเดิลสโบรช์ ถึงถิ่น 2-0 ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ส่งผลให้เวลานี้มี ปอร์ทสมัธ เพียงทีมเดียวจากพรีเมียร์ลีกที่หลุดเข้ามาถึงรอบตัดเชือกได้
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
มิดเดิลสโบรช์ – มาร์ค ชวาร์เซอร์, ลุค ยัง, โรเบิร์ต ฮูธ, เดวิด วีเทอร์, เอมานูเอล โปกาเตตซ์, แกรี่ โอนีล, ฮูลิโอ อาร์ก้า, ฟาบิโอ โรเชมบัค, สจ๊วร์ต ดาวนิง, อฟอนโซ่ อัลเวส, ตุนกาย ซานลี่
คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ – ปีเตอร์ เอ็นเคิลแมน, เควิน แม็คนอตัน, โรเจอร์ จอห์นสัน, เกล็น ลูเฟนส์, โทนี่ คาปัลดี้, เกวิน เร, สตีเฟ่น แม็คเฟล, พอล แพร์รี่, ปีเตอร์ วิทติงแฮม, อารอน แรมซีย์, จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสซลเบงค์
ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ
มิดเดิลสโบรช์ แพ้ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 0-2
บริสตอล โรเวอร์ส แพ้ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 1-5