xs
xsm
sm
md
lg

ยุทธการหนีตายไทยลีก 4 น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การแข่งขันฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2008 เริ่มฟาดแข้งอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2551 แน่นอนว่าทุกสายตาต่างก็จับจ้องไปอยู่ที่ 3 ทีมเต็งแชมป์อย่าง ชลบุรี , ธนาคารกรุงไทย และ บีอีซี เทโรศาสน ซึ่งล้วนอุดมไปด้วยดาวเตะชั้นนำของเมืองไทย พร้อมกับการเสริมทีมด้วยงบประมาณมหาศาล กับเป้าหมายไปที่ถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ

ทว่าศึกฟุตบอลไทยลีก ครั้งที่ 12 ไม่ได้มีเพียงแค่ 3 ทีมดังเท่านั้นที่น่าจับตา แต่ยังมี 4 ทีมน้องใหม่จากดิวิชัน 1 อย่าง ศุลกากร , สมุทรสงคราม , จุฬา-สินธนา และ โค้ก-บางพระ ที่ก้าวเลื่อนขั้นขึ้นชั้นมาประชันฝีแข้งในลีกสูงสุดของประเทศอีกด้วย

ความแตกต่างเรื่องมาตรฐานการเล่นของ "พรีเมียร์ลีก" กับ "ดิวิชัน 1" ที่ทั้ง 4 สโมสรเคยขับเคี่ยวกันมานั้นย่อมแตกต่างกัน หากเตรียมทีมกันมาไม่ดีอาจพลาดพลั้งหล่นกลับไปอยู่ในดิวิชัน 1 เหมือนเดิมแน่นอน

โดยแต่ละทีมก็มีวิธีการดิ้นรนหนีการตกชั้นที่แตกต่างกัน ซึ่งในรายของทีม "ปลาทูคะนอง" สมุทรสงคราม แม้ว่าบรรดาผู้บริหารทีมจะตั้งเป้าไว้สูงในการติด 1 ใน 4 ของตารางอันดับ ทว่าคนจริงอย่าง "โค้ชฉ่วย" สมชาย ชวยบุญชุม ผู้ฝึกสอนของทีมยอมรับว่าไม่ง่ายกับการเอาตัวรอดในพรีเมียร์ลีกโดยกล่าวให้สัมภาษณ์ว่า "เราเป็นทีมน้องใหม่ การจะก้าวมาติด 1 ใน 4 มันไม่ง่ายเลยสำหรับทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้น เป้าหมายที่ผู้บริหารทีมตั้งไว้คงเป็นเรื่องยาก ผมมองแค่ว่าเราตั้งเป้าเอาแค่อยู่ให้รอดก่อน เพราะมาตรฐานทีมในไทยลีกดูแล้วมันต่างจากดิวิชัน 1 ที่เราผ่านมา"

สำหรับเคล็ดลับการประคองตัวเองให้อยู่รอดในไทยลีกนั้น "โค้ชฉ่วย" อดีตดาวเตะทีมชาติไทยรุ่นเก๋า ขอใช้ระบบทีมเวิร์คเข้าสู่ศึกใหญ่ครั้งนี้ "คือทีมเรางบประมาณน้อย ตอนนี้เท่าที่คุยกับผู้บริหารก็น่าจะตกอยู่ที่ 8 ล้านบาท ตลอดทั้งฤดูกาล ซึ่งนั่นหมายความว่าเราคงไม่มีเงินทุ่มซื้อผู้เล่น แต่ผมก็เชื่อมั่นว่าการที่เรามีทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะอายุน้อย น่าจะโดดเด่นในเรื่องสปิริตวิ่งสู้ฟัด รวมทั้งการที่เราไม่มีนักเตะดังก็น่าจะส่งผลให้ทีมเวิร์คของทีมเราดีกว่าหลายทีม"

ด้านทีม "จ้าวพญายม" โค้ก-บางพระ จากชลบุรี ถือเป็นทีมน้องของสโมสรชลบุรีแชมป์เก่า ที่ก้าวเลื่อนชั้นด้วยระบบการจัดการภายในทีมที่ดี แถมยังเป็นสโมสรที่มีงบประมาณรองรับถึง 15 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนมากพอสมควรสำหรับทีมลูกหนังระดับนี้

แน่นอนว่างบประมาณดังกล่าวส่งผลให้ทีมบางพระ สามารถกวาดเอานักเตะฝีเท้าดีเข้าสู่แค้มป์ซ้อมได้เป็นจำนวนมาก อาทิ อิทธิพล พูลทรัพย์ และ ธนา ชนะบุตร สองกองกลางทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ รวมกับนักเตะฝีเท้าดีอีกหลายราย และด้วยกำลังซื้อที่มีไม่น้อยนี่เองส่งผลให้ พันธ์ศักดิ์ เกตุวัตถา ผู้จัดการทีมบางพระ เริ่มมองไกลไปกว่าการหนีตกชั้นเสียแล้ว

"การที่เรามีผู้เล่นฝีเท้าดีเข้าสู่ทีมหลายคนนับเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งสำคัญคือการเริ่มต้นฤดูกาลที่ดี หากทำได้ดีตั้งแต่ช่วงแรก ผมคิดว่าโอกาสที่เราจะขึ้นไปสู่ครึ่งบนของตางรางคะแนนมีเยอะพอสมควร ผมกลัวก็แต่เด็กบางคนในทีมยังใหม่อยู่ พอเจอคำว่าพรีเมียร์ลีกแล้วอาจจะตื่นสนาม ก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะเป็นใจสำหรับทีมของเรา"

ส่วนน้องใหม่อีกทีมอย่าง "สิงห์นายด่าน" ศุลกากร เลื่อนชั้นมาสู่พรีเมียร์ลีกด้วยความร้อนแรงในตำแหน่งแชมป์ดิวิชัน 1 ซึ่งแม้จะมาพร้อมดีกรีแชมป์ลีกล่าง แต่ว่าด้วยความไม่ประมาททีมนาด่านจึงยอมทุ่มไม่อั้นเพื่อความอยู่รอด ด้วยการดึง 2 ดาวเตะจอมเก๋า อย่าง "เจ้าโย่ง" วรวุฒิ ศรีมะฆะ กับ กิตติศักดิ์ ระวังป่า อดีตดาวเตะทีมชาติไทยมาร่วมกันประคองทีม พร้อมด้วยนักเตะฝีเท้าดีอีก 4-5 คนมาเสริมทัพ

แม้ว่าจะสามารถเสริมทัพได้อย่างน่าพอใจ ทว่า วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมศุลฯ ฐานะนายใหญ่ของทีมยอมรับว่าไม่ง่ายที่จะฝ่าฟันเพื่อการอยู่รอด "การลงเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลแรกคงไม่ง่าย เพราะทีมต่างๆ ที่มีอยู่ล้วนเหนือกว่าเรา แต่การซื้อตัวผู้เล่นมาหลายคนทำให้เราเริ่มมองว่ามีโอกาสลุ้นเหมือนกัน แม้ใจจริงจะหวังถึง 1 ใน 4 แต่เป้าแรกที่อยากเห็นคือเป็นทีมกลางตารางให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยว่ากัน"

ขณะที่สโมสรจุฬา-สินธนา อีกหนึ่งทีมน้องใหม่ที่เลื่อนชั้นมาในฐานะรองแชมป์ดิวิชัน 1 ก็มีการปรับทัพไม่น้อยเช่นกัน หลังได้ พันธ์เลิศ ใบหยก จับมือ อดิศัย โพธารามิก สองศิษย์เก่าทุ่มงบให้ทีม 10 ล้านบาท ส่งผลให้ดึงอดีตเด็กฝึกของ "ทอฟฟีสีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน อย่าง สมปอง สอแหลบ มาร่วมทีมได้ บวกกับนักเตะระดับคุณภาพอย่าง กิตติพล ปาภูงา และ วุฒิชัย ทาทอง ย่อมสร้างความหวังในการอยู่รอดของทีมสถาบันการศึกษารั้วชมพูได้ไม่น้อย

อย่างไรก็ตามแผนเด็ดของทีมจุฬา-สินธนา ในการดึงดาวเตะมาเสริมทัพจากการเปิดเผยของ "ดร.เหลือง" จุฑา ติงศภัทิย์ ผู้จัดการทีมกล่าวว่า "เรามีแผนดึงตัวนักเตะฝีเท้าดีที่เคยเป็นศิษย์เก่ามาช่วยทีม เพราะการเล่นในฟุตบอลลีกระดับสูงสุดของทีมเลื่อนชั้น อันดับแรกคือต้องอยู่รอด ถ้าเราได้นักเตะฝีเท้าดีมาร่วมทีมเยอะๆ มันก็ส่งผลดีต่อทีม อย่าง สุริยะ อมตะเวทย์ ก็เป็นอดีตนักเตะจุฬาฯ ที่กลับมาช่วยทีม มันคุยกันง่ายกว่า ผมเชื่อว่าเราจะมีผลงานที่ดีจากนักเตะที่เล่นด้วยกันมานาน"

แม้ว่า 4 ทีมน้องใหม่จะมีกลยุทธ์ในการเอาตัวรอดจากไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2008 ที่แตกต่างกัน ทว่าในฐานะแฟนลูกหนังคงต้องคอยดูว่าวิธีการของทีมสโมสรใดจะสำฤทธิ์ผลสูงสุดในการอยู่รอดต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น