หลังจากหยุดพักยาวกันมาหนึ่งเดือนเต็มการแข่งขันกอล์ฟเอเชี่ยนทัวร์จะกลับมาดวลวงสวิงกันอีกครั้งสำหรับฤดูกาล 2008 โดยตารางทัวร์นาเม้นท์ในปีนี้จะเริ่มประเดิมสนามด้วยทัวร์ฯลูกผสมเอเชี่ยน-ยูโรเปี้ยนทัวร์ ใหม่ถอดด้าม ที่มีชื่อว่า “เอมมาร์-เอ็มจีเอฟ อินเดียน มาสเตอร์ส”ที่ประเทศอินเดีย ระหว่างวันที่ 7-10 กุมภาพันธ์นี้ และชิงเงินรางวัลรวมถึง 2,500,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ ประมาณ 83 ล้านบาท
ซึ่งการแข่งขันในวันพฤหัสที่ 7 กุมภาพันธ์นี้มีนักกอล์ฟสายเลือดเอเชีย ชื่อดังหลายรายเตรียมที่จะลงสนามรวมไปถึง “โปรโจ๊ก”ชัพชัย นิราช เจ้าของอันดับที่ 2 ในตารางออร์เดอร์ออฟเมอร์ริต เมื่อปีก่อน, ประหยัด มากแสง โปรมือ 2 ของเอเชีย, ธงชัย ใจดี ก้านเหล็กมือดีอีกรายของไทย และแน่นอนว่า “จีฟ มิลคา ซิงห์” กับ “กัวราฟ กีย์” 2 โปรเจ้าถิ่นต้องลงสร้างผลงานในบ้านเกิดด้วย ที่จะขาดหายไปก็มีเพียงแค่ เหลียง เวน ชอง เจ้าของตำแหน่งนักกอล์ฟทำเงินสูงสุดของเอเชี่ยนทัวร์ปี 2007 นอกจากนี้ยังมีโปรหมายเลข 4 ของโลก เออร์นี่ย์ เอลส์ ที่เพิ่งพลาดหวังจากการแข่งขัน ดูไบ เดสเสิร์ท คลาสสิก จะขอแก้ตัวในรายการนี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับการศึกดวลวงสวิงเอเชี่ยนทัวร์ 2008 ที่เป็นบันไดขั้นแรกให้กับนักกอล์ฟที่หวังจะไต่ไปสู่พีจีเอทัวร์แล้ว ปีนี้ยังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และเป็นทิศทางที่ดีขึ้นโดยการเปิดเผยของ คีย์ ลา ฮาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอเชี่ยนทัวร์ ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านทางเว็บไซต์ว่า
“การแข่งขันเอเชียนทัวร์ฤดูกาล 2008 จะเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จากจำนวนรายการที่ปีนี้เอเชียนทัวร์จะมีการแข่งขันทั้งสิ้น 27 ทัวร์นาเม้นท์ ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่สำคัญบรรดาสปอนเซอร์ก็ให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ และนักกอล์ฟในทัวร์นาเม้นท์ก็พัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อยๆ พิสูจน์ได้จากผลงานในแต่ละปีที่ผ่านมา” ประธานบริหารเอเชี่ยนทัวร์ยังแจ้งด้วยว่าในปีนี้จะมีการแข่งขันรายการใหม่อีก 6 รายการ อีกทั้ง 2 จาก 6 รายการใหม่นั้นจะเป็นรายการทัวร์ผสมเอเชี่ยน-ยูโรเปี้ยนทัวร์ที่มีเงินรางวัลสูงอีกด้วย
“เกมกอล์ฟในเอเชียกำลังขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ และในปีนี้เราขอต้อนรับการแข่งขันรายการใหม่อีก 6 รายการ ซึ่งการแข่งขันในรายการใหม่ๆนี้จะทำให้เราได้พบกับการแข่งขันสถานที่ใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิม อย่างการแข่งขันที่ประเทศเวียดนาม หรือ กัมพูชาซึ่งจัดการแข่งขันได้อย่างเยี่ยมยอดเมื่อปีก่อน อีกทั้งการจัดการแข่งขันในประเทศใหม่เหล่านั้นจะเป็นการช่วยเปิดตลาดใหม่ๆของวงการกอล์ฟในภูมิภาคเอเชียได้ในอีกทางหนึ่งด้วย”
นับตั้งแต่ปี 2004 หลังจากที่มีการปรับปรุงเอเชี่ยนทัวร์ จะเห็นได้ว่าแฟนกอล์ฟหันมาให้ความสนใจกันมากขึ้น แต่อีกสิ่งหนึ่งซึ่ง ฮาน คิดว่าสำคัญไม่แพ้กันในการมีส่วนช่วยให้วงการกอล์ฟในเอเชียพัฒนาขึ้นนั้น คือ ผู้สนับสนุนโดย ฮาน ได้เผยว่า
“สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่มีส่วนช่วยพัฒนา เอเชี่ยนทัวร์ นั้นก็คือ สปอนเซอร์ ซึ่งเราได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีมาตลอดในช่วงหลายปีทีผ่านมา โดยในปีนี้สปอนเซอร์ได้ทำการเพิ่มเงินรางวัลในการแข่งขันเอเชี่ยนทัวร์อีกอย่างน้อย 9 รายการ และจะทำให้การแข่งขันรายการบาร์เคลย์สิงคโปร์ โอเพ่น กลายเป็นการแข่งเอเชี่ยนทัวร์ที่ชิงเงินรางวัลสูงสุดถึง 5,000,000 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งการการเพิ่มเงินรางวัลมากถึงเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และทำให้เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าวงการกอล์ฟในเอเชียกำลังเดินหน้าไปด้วยความมั่นคง และเราจะพยายามอย่างหนักที่จะทำให้การแข่งขันในภูมิภาคนี้เติบโตและมั่นคงอย่างเช่นนี้ต่อไปในทุกๆปี”
นอกจากในเรื่องของการจัดการแข่งขันที่พัฒนาขึ้นจะทำให้มีแฟนกอล์ฟและสปอนเซอร์มากขึ้นแล้ว ฮานยังหวังให้ทัวร์นาเมนท์ ที่มีมากขึ้นเหล่านี้ช่วยพัฒนาฝีมือของเหล่าโปรในทัวร์ด้วย “ผมคิดว่าจำนวนทัวร์นาเมนท์ที่มากขึ้น จะทำให้มีนักกอล์ฟชื่อดังเข้ามาร่วมการแข่งขันกันมากขึ้น และจะช่วยพัฒนานักกอล์ฟในทัวร์ของเราให้มีความสามารถขึ้นไปด้วย อีกทั้งผมยังเชื่อว่า ทั้ง เหลียง เวน ชอง, จีฟ มิลก้า ซิงห์ และประหยัด มากแสง ที่ได้รับเชิญเข้าแข่งขันในรายการเดอะมาสเตอร์สนั้นจะทำผลงานในการสู้กับนักกอล์ฟระดับโลกอย่างไทเกอร์ วูดส์ หรือ ฟิล มิคเคลสัน ได้อย่างไม่เป็นรอง และการที่พวกเขาได้รับเชิญเข้าแข่งขันในรายการระดับเมเจอร์นั้นนอกจากจะได้พัฒนาฝีมือของตนเองแล้วหากสร้างผลงานได้ดียังจะทำให้ทัวร์นาเมนท์อันเป็นต้นกำเนิดของพวกเขาได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกอีกด้วย
สำหรับศึกดวลวงสวิงเอเชี่ยนทัวร์ 2008 จะมีรายการให้เหล่าโปรได้ร่วมชิงชัยทั้งหมด 27 รายการและมีเงินรางวัลรวมกว่าหนึ่งร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งหมดนี้น่าจะทำให้ความคาดหวังของ คีย์ ลา ฮาน เมื่อครั้งเข้ามาปรับโฉมเอเชียทัวร์เพื่อให้ วงการกอล์ฟเอเชียมีมาตรฐานเดียวกับ ยูโรเปี้ยน ทัวร์ และ พีจีเอ ทัวร์ กำลังออกดอกผลได้อย่างน่าชื่นชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีโปรจากซีกโลกตะวันออกเข้าไปทำผลงานในทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ระดับยูโรเปี้ยน และ พีจีเอ ทัวร์ เพิ่มมากขึ้นทุกปี
