“ยักษ์ใหญ่” นิวยอร์ก ไจแอนท์ส อาศัยการเตะฟิลด์โกลระยะ 47 หลาเบียดเสาเข้าไปทำให้พลิกล็อกเล่นงาน กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ถึงถิ่น 23-20 ลิ่วชิงซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 42 กับ “นักรบกู้ชาติ” นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์
ที่กรีนเบย์ , วิสคอนซิน : ลอว์เรนซ์ ไทน์ส ตัวเตะชาวสกอตติชพลิกโฉมจากบทผู้ร้ายกลายเป็นพระเอกเมื่ออัดฟิลด์โกลระยะไกลเข้าไปในช่วงต่อเวลาพิเศษช่วยให้ นิวยอร์ก ไจแอนท์ส พิชิต กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ถึงถิ่นคว้าแชมป์สายเอ็นเอฟซี (NFC) มาครอง
ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ -20 องศาเซลเซียส เมื่อบวกกับแรงลมต่ำสุดถึง -31 องศาเซลเซียส และพื้นที่แข็งกระด้างของ “แลมโบว์ ฟิลด์” อีลาย แมนนิง ควอเตอร์แบ็กซึ่งเพิ่งสัมผัสกับเกมใหญ่ระดับชิงแชมป์สายเป็นครั้งแรกในชีวิต กลับไม่มีอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ขว้างเข้าเป้า 21 จาก 40 ครั้งได้ระยะ 254 หลา แม้ไม่มีทัชดาวน์แต่ก็ไม่เสียเทิร์นโอเวอร์
การเล่นที่สมดุลของ ไจแอนท์ส ทำให้ทีมของ ทอม คอฟลิน ต่อกรกับทาง แพ็คเกอร์ส ได้อย่างสูสีดูดีกว่าด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ทีมเยือนพลาดโอกาสขึ้นนำ (ตอนเสมอกันอยู่ 20-20 คะแนน) ช่วงกลางควอเตอร์สุดท้าย เมื่อ ไทน์ส เตะฟิลด์โกล 43 หลาเบี้ยวออกซ้ายมือ แม้ตัวเตะนำเข้าจากสหราชอาณาจักรมามีโอกาสเตะฝังชัยให้ “ยักษ์ใหญ่” ในช่วงวินาทีท้ายๆ ของเกม แต่เขาเตะพลาดจากระยะ 36 หลาทำให้ต้องมีการต่อเวลา
ในการเสี่ยงเหรียญ “แพ็คส์แมน” เป็นฝ่ายได้บุกก่อน แต่ เบร็ตต์ ฟาร์ฟ ควอเตอร์แบ็กจอมเก๋าทำเอาเสียงเชียร์ในสนามแทบเงียบกริบเมื่อปล่อยบอลโดน คอรีย์ เว็บสเตอร์ อินเทอร์เซปต์ได้ที่เส้น 34 หลาแดนของเจ้าถิ่น แม้สามเพลย์ของ อีลาย ไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นดาวน์ที่ 1 แต่ คอฟลิน เลือกที่จะไว้วางใจ ไทน์ส และเขาก็ทำมันสำเร็จจนได้ซัดฟิลด์โกลระยะ 47 หลาเข้าไปทำให้ ไจแอนท์ส ประกาศศักดาคว้า “จอร์จ เฮลาส โทรฟี” เข้าไปชิงซูเปอร์โบว์ล ครั้งแรกของเฟรนไชส์นับตั้งแต่ปี 2000
ภายหลังการแข่งขัน อีลาย ซึ่งเกมนี้มี อาร์ชี แมนนิง (คุณพ่อ) ตามมาเชียร์ถึงสนาม และเขาก็ขว้างไป 254 หลาโดยไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เผยใจ “ ตอนนี้ผมตื่นเต้นที่สามารถทำสำเร็จ เรามาอยู่กันที่นี่และก็คู่ควรกับชัยชนะ
“ นี่เป็นเกมที่ยิ่งใหญ่สำหรับทีม เราต่อสู้กับพวกเขา (แพ็คเกอร์ส) ได้ดีเยี่ยม ตอนแรกรู้สึกว่าอะไรจะจบลงแล้ว แต่เราก็ได้ทิศทางของเกมกลับมาและเดินหน้ากันต่อ นิวยอร์ก (ไจแอนท์ส) ต่างรู้กันดีว่าสามารถโค่นพวกเขาลงได้ เราได้โอกาสเตะหลายๆ ครั้งและก็หวังว่าเวลานี้มันจะเข้าและมันเข้าไปจริงๆ ” อีลาย ที่เดินตามพี่ชาย (เพย์ตัน แมนนิง) ซึ่งเข้าซูเปอร์โบว์ลและคว้าแชมป์ปีก่อน ให้สัมภาษณ์ทิ้งท้าย
ด้านของ ไทน์ส ที่ทำลายอาถรรพ์เพลย์ออฟไม่เคยมีใครมาเตะไกลกว่า 40 หลาเข้าในแลมโบว์ ฟิลด์ กล่าวบ้างหลังยกภูเขาออกจากอก “ ผมทำเสียของไปถึงสองครั้ง ต้องขอบคุณพระเจ้าเป็นอย่างยิ่งที่ยังให้โอกาสกับผมอีก ”
ส่วน คอฟลิน ยอดโค้ชเผยปิดท้าย “ ทีมของผมเล่นกันด้วยหัวใจ ไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลย พวกเขาไม่เคยยอมแพ้ ทุกคนยังหนุนหลังกันยามเกิดเรื่องผิดพลาด พวกเขารู้วิถีทางลงไปค้นหาชัยชนะ นี่แหละแนวทางของ นิวยอร์ก (ไจแอนท์ส) ”
ในส่วนของ “แพ็คส์แมน” ฟาร์ฟ จอมทัพวัย 38 ปีแม้จะขว้างไป 2 ทัชดาวน์ให้ โดนัลด์ ไดร์เวอร์ ทำบิ๊กเพลย์รับบอลวิ่งต่อ 90 หลา และขว้างอีกหนึ่งสกอร์ให้ โดนัลด์ ลี แต่การเสีย 2 อินเทอร์เซปต์ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นการมอบโอกาสให้กับ ไจแอนท์ส ออกมาพูดหลังเกมสั้นๆ “ ผมผิดหวังกับการขว้างหนสุดท้ายที่เสียอินเทอร์เซปต์ไป ”
ด้าน ไมค์ แม็คคาร์ธีย์ หัวหน้าโค้ช แพ็คเกอร์ส ปิดท้าย “ มันไม่มีคำพูดอะไรจะอธิบาย ทีมมีโอกาสมากมายก่ายกอง เราไม่สามารถทำมันได้เอง ตรงนี้ต้องขอชื่นชม อีลาย (แมนนิง) ที่ทำงานของเขาได้ยอดเยี่ยม พวกเขาเล่น (อเมริกัน) ฟุตบอลกันได้อย่างสวยงาม ”
สำหรับคู่ต่อกรของ “ยักษ์ใหญ่” ในซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 42 ที่เกลนเดล อริโซนา ในเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551 (ตามวัน-เวลาประเทศไทย) ได้แก่ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ซึ่งกลายเป็นทีมชนะต่อหนึ่งฤดูกาลมากที่สุดในประวัติศาสตร์เอ็นเอฟแอลไปแล้ว หลังเปิดบ้านทุบเอาชนะ ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส 21-12 คะแนนในเกมชิงแชมป์สายเอเอฟซี (AFC)
ทำให้ “นักรบกู้ชาติ” ชนะ 18 เกมและถ้าลูกทีมของ บิลล์ บีลิชิก เอาชนะ ไจแอนท์ส ได้ในซูเปอร์โบว์ล “เพอร์เฟกต์ ซีซั่น” ก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ “โลมามหาภัย” ไมอามี ดอลฟินส์ เคยประกาศศักดาชนะทั้ง 17 เกมในปี 1972 และการมาเจอกับ “ยักษ์ใหญ่” อีกครั้งถือเป็นเกมย้ำแค้น-ถอนแค้น เพราะเมื่อปลายปีที่ผ่านมา (29 ธันวาคม) ไจแอนท์ส เกือบล้มเพอร์เฟกต์ซีซั่นสำเร็จแต่พ่ายคาถิ่นให้ “แพทส์แมน” ไปอย่างหวุดหวิด 35-38 คะแนน
ในส่วนเกมที่ ยิลเล็ตต์ สเตเดียม ในฟ็อกซ์โบโร แมสซาชูเซตต์ ทอม เบรดี ฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐานขว้างได้แค่ 209 หลา 2 ทัชดาวน์และเสียถึง 3 อินเทอร์เซปต์ อย่างไรก็ตาม ชาร์จเจอร์ส กลับนำไปเปลี่ยนได้แค่ 6 แต้ม แถมยังโดน ลอว์เรนซ์ มาโรนีย์ รันนิงแบ็กตัวทีเด็ดของเจ้าบ้านทะลวงไปอีก 122 หลา 1 ทัชดาวน์ทำให้ “นักรบกู้ชาติ” เข้าไปชิงแชมป์ประเทศเป็นสมัยที่ 4 ในรอบ 7 ปี หลังจากที่ บีลิชิก และเบรดี เคยช่วยกันคว้าแชมป์มาแล้วในปี 2001, 2003 และ 2004
ที่กรีนเบย์ , วิสคอนซิน : ลอว์เรนซ์ ไทน์ส ตัวเตะชาวสกอตติชพลิกโฉมจากบทผู้ร้ายกลายเป็นพระเอกเมื่ออัดฟิลด์โกลระยะไกลเข้าไปในช่วงต่อเวลาพิเศษช่วยให้ นิวยอร์ก ไจแอนท์ส พิชิต กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ถึงถิ่นคว้าแชมป์สายเอ็นเอฟซี (NFC) มาครอง
ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ -20 องศาเซลเซียส เมื่อบวกกับแรงลมต่ำสุดถึง -31 องศาเซลเซียส และพื้นที่แข็งกระด้างของ “แลมโบว์ ฟิลด์” อีลาย แมนนิง ควอเตอร์แบ็กซึ่งเพิ่งสัมผัสกับเกมใหญ่ระดับชิงแชมป์สายเป็นครั้งแรกในชีวิต กลับไม่มีอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ขว้างเข้าเป้า 21 จาก 40 ครั้งได้ระยะ 254 หลา แม้ไม่มีทัชดาวน์แต่ก็ไม่เสียเทิร์นโอเวอร์
การเล่นที่สมดุลของ ไจแอนท์ส ทำให้ทีมของ ทอม คอฟลิน ต่อกรกับทาง แพ็คเกอร์ส ได้อย่างสูสีดูดีกว่าด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ทีมเยือนพลาดโอกาสขึ้นนำ (ตอนเสมอกันอยู่ 20-20 คะแนน) ช่วงกลางควอเตอร์สุดท้าย เมื่อ ไทน์ส เตะฟิลด์โกล 43 หลาเบี้ยวออกซ้ายมือ แม้ตัวเตะนำเข้าจากสหราชอาณาจักรมามีโอกาสเตะฝังชัยให้ “ยักษ์ใหญ่” ในช่วงวินาทีท้ายๆ ของเกม แต่เขาเตะพลาดจากระยะ 36 หลาทำให้ต้องมีการต่อเวลา
ในการเสี่ยงเหรียญ “แพ็คส์แมน” เป็นฝ่ายได้บุกก่อน แต่ เบร็ตต์ ฟาร์ฟ ควอเตอร์แบ็กจอมเก๋าทำเอาเสียงเชียร์ในสนามแทบเงียบกริบเมื่อปล่อยบอลโดน คอรีย์ เว็บสเตอร์ อินเทอร์เซปต์ได้ที่เส้น 34 หลาแดนของเจ้าถิ่น แม้สามเพลย์ของ อีลาย ไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นดาวน์ที่ 1 แต่ คอฟลิน เลือกที่จะไว้วางใจ ไทน์ส และเขาก็ทำมันสำเร็จจนได้ซัดฟิลด์โกลระยะ 47 หลาเข้าไปทำให้ ไจแอนท์ส ประกาศศักดาคว้า “จอร์จ เฮลาส โทรฟี” เข้าไปชิงซูเปอร์โบว์ล ครั้งแรกของเฟรนไชส์นับตั้งแต่ปี 2000
ภายหลังการแข่งขัน อีลาย ซึ่งเกมนี้มี อาร์ชี แมนนิง (คุณพ่อ) ตามมาเชียร์ถึงสนาม และเขาก็ขว้างไป 254 หลาโดยไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เผยใจ “ ตอนนี้ผมตื่นเต้นที่สามารถทำสำเร็จ เรามาอยู่กันที่นี่และก็คู่ควรกับชัยชนะ
“ นี่เป็นเกมที่ยิ่งใหญ่สำหรับทีม เราต่อสู้กับพวกเขา (แพ็คเกอร์ส) ได้ดีเยี่ยม ตอนแรกรู้สึกว่าอะไรจะจบลงแล้ว แต่เราก็ได้ทิศทางของเกมกลับมาและเดินหน้ากันต่อ นิวยอร์ก (ไจแอนท์ส) ต่างรู้กันดีว่าสามารถโค่นพวกเขาลงได้ เราได้โอกาสเตะหลายๆ ครั้งและก็หวังว่าเวลานี้มันจะเข้าและมันเข้าไปจริงๆ ” อีลาย ที่เดินตามพี่ชาย (เพย์ตัน แมนนิง) ซึ่งเข้าซูเปอร์โบว์ลและคว้าแชมป์ปีก่อน ให้สัมภาษณ์ทิ้งท้าย
ด้านของ ไทน์ส ที่ทำลายอาถรรพ์เพลย์ออฟไม่เคยมีใครมาเตะไกลกว่า 40 หลาเข้าในแลมโบว์ ฟิลด์ กล่าวบ้างหลังยกภูเขาออกจากอก “ ผมทำเสียของไปถึงสองครั้ง ต้องขอบคุณพระเจ้าเป็นอย่างยิ่งที่ยังให้โอกาสกับผมอีก ”
ส่วน คอฟลิน ยอดโค้ชเผยปิดท้าย “ ทีมของผมเล่นกันด้วยหัวใจ ไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลย พวกเขาไม่เคยยอมแพ้ ทุกคนยังหนุนหลังกันยามเกิดเรื่องผิดพลาด พวกเขารู้วิถีทางลงไปค้นหาชัยชนะ นี่แหละแนวทางของ นิวยอร์ก (ไจแอนท์ส) ”
ในส่วนของ “แพ็คส์แมน” ฟาร์ฟ จอมทัพวัย 38 ปีแม้จะขว้างไป 2 ทัชดาวน์ให้ โดนัลด์ ไดร์เวอร์ ทำบิ๊กเพลย์รับบอลวิ่งต่อ 90 หลา และขว้างอีกหนึ่งสกอร์ให้ โดนัลด์ ลี แต่การเสีย 2 อินเทอร์เซปต์ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นการมอบโอกาสให้กับ ไจแอนท์ส ออกมาพูดหลังเกมสั้นๆ “ ผมผิดหวังกับการขว้างหนสุดท้ายที่เสียอินเทอร์เซปต์ไป ”
ด้าน ไมค์ แม็คคาร์ธีย์ หัวหน้าโค้ช แพ็คเกอร์ส ปิดท้าย “ มันไม่มีคำพูดอะไรจะอธิบาย ทีมมีโอกาสมากมายก่ายกอง เราไม่สามารถทำมันได้เอง ตรงนี้ต้องขอชื่นชม อีลาย (แมนนิง) ที่ทำงานของเขาได้ยอดเยี่ยม พวกเขาเล่น (อเมริกัน) ฟุตบอลกันได้อย่างสวยงาม ”
สำหรับคู่ต่อกรของ “ยักษ์ใหญ่” ในซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 42 ที่เกลนเดล อริโซนา ในเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551 (ตามวัน-เวลาประเทศไทย) ได้แก่ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ซึ่งกลายเป็นทีมชนะต่อหนึ่งฤดูกาลมากที่สุดในประวัติศาสตร์เอ็นเอฟแอลไปแล้ว หลังเปิดบ้านทุบเอาชนะ ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส 21-12 คะแนนในเกมชิงแชมป์สายเอเอฟซี (AFC)
ทำให้ “นักรบกู้ชาติ” ชนะ 18 เกมและถ้าลูกทีมของ บิลล์ บีลิชิก เอาชนะ ไจแอนท์ส ได้ในซูเปอร์โบว์ล “เพอร์เฟกต์ ซีซั่น” ก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ “โลมามหาภัย” ไมอามี ดอลฟินส์ เคยประกาศศักดาชนะทั้ง 17 เกมในปี 1972 และการมาเจอกับ “ยักษ์ใหญ่” อีกครั้งถือเป็นเกมย้ำแค้น-ถอนแค้น เพราะเมื่อปลายปีที่ผ่านมา (29 ธันวาคม) ไจแอนท์ส เกือบล้มเพอร์เฟกต์ซีซั่นสำเร็จแต่พ่ายคาถิ่นให้ “แพทส์แมน” ไปอย่างหวุดหวิด 35-38 คะแนน
ในส่วนเกมที่ ยิลเล็ตต์ สเตเดียม ในฟ็อกซ์โบโร แมสซาชูเซตต์ ทอม เบรดี ฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐานขว้างได้แค่ 209 หลา 2 ทัชดาวน์และเสียถึง 3 อินเทอร์เซปต์ อย่างไรก็ตาม ชาร์จเจอร์ส กลับนำไปเปลี่ยนได้แค่ 6 แต้ม แถมยังโดน ลอว์เรนซ์ มาโรนีย์ รันนิงแบ็กตัวทีเด็ดของเจ้าบ้านทะลวงไปอีก 122 หลา 1 ทัชดาวน์ทำให้ “นักรบกู้ชาติ” เข้าไปชิงแชมป์ประเทศเป็นสมัยที่ 4 ในรอบ 7 ปี หลังจากที่ บีลิชิก และเบรดี เคยช่วยกันคว้าแชมป์มาแล้วในปี 2001, 2003 และ 2004
