ถือเป็นการประเดิมศักราชใหม่ในปี 2008 อย่างสวยหรูสำหรับ สนฉัตร และ สรรค์ชัย รติวัฒน์ สองพี่น้องนักหวดลูกสักหลาดเจ้าของฉายา “แฝดมหัศจรรย์” ของเมืองไทย เมื่อสามารถคว้าแชมป์เทนนิสชายคู่ในรายการเชนไน โอเพ่น ที่ประเทศอินเดีย มาครองได้สำเร็จหลังจากเอาชนะคู่ของ มาร์กอส แบ็กห์ดาติส จากไซปรัส และ มาร์ค กิคเกล นักหวดจากแดนน้ำหอมในนัดชิงชนะเลิศ 2-0 เซต 6-4, 7-5 นับเป็นแชมป์เอทีพีรายการที่ 2 ในชีวิต หลังจากทำสำเร็จมาแล้วก่อนหน้านี้ในการแข่งขันไทยแลนด์โอเพ่น ที่บ้านเกิด เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ที่สำคัญชัยชนะในแดนโรตีครั้งนี้ ยังส่งผลให้แรงกิ้งของ “ต้น-ต้อง” ขยับขึ้นมาอยู่เท่ากันที่อันดับ 56 ของโลก การันตีพื้นที่ในรอบเมนดรอว์ของศึกแกรนด์สแลมแรกของปีอย่างออสเตรเลียนโอเพ่น ที่จะเริ่มดวลแร็กเกตกันในสัปดาห์หน้า เป็นที่แน่นอนแล้ว
นอกจากนี้ การคว้าแชมป์เอทีพีทัวร์นอกแผ่นดินเกิดครั้งแรกของแฝดจากแดนสยามยังเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าฝีมือของทั้งคู่ก้าวขึ้นมาสู่ระดับท็อปในวงการลูกสักหลาดแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีเสียงครหาจากแฟนเทนนิสจำนวนหนึ่งว่าสองพี่น้องตระกูลรติวัฒน์นั้นยังไม่ใช่ของจริง เมื่อสามารถคว้าแชมป์ระดับเอทีพีทัวร์มาครองได้เพียงรายการเดียวนับตั้งแต่เริ่มเล่นอาชีพและเป็นแชมป์ในบ้านของตัวเองอย่างไทยแลนด์โอเพ่น อีกทั้งยังเป็นการลงเล่นในฐานะนักหวดมือไวด์การ์ด เนื่องจากอันดับโลกของทั้งคู่ในขณะนั้นยังไม่สูงพอที่จะลงแข่งขันได้
ความเคลือบแคลงสงสัยในฝีมือของสนฉัตรและสรรค์ชัยเริ่มชัดเจนมากขึ้น เพราะหลังจากคว้าแชมป์ไทยแลนด์โอเพ่นเมื่อปลายเดือนกันยายน ช่วงเวลาที่เหลือแฝดมหัศจรรย์ไม่มีโอกาสได้ลงแข่งขันรายการในระดับเอเทีพีอีกเลย และถึงแม้จะกลับมาลงเล่นในระดับชาลเลนเจอร์ไป 5 รายการ ไล่ตั้งแต่ ชาเลนเจอร์ โอเพ่น เดอ แรนส์ และ ชาลเลนเจอร์ 42 ที่ฝรั่งเศส, ศึกซัมซุง ซิเคียวริตี้ส์ คัพ และ ฟลี มาร์เก็ต คัพ ที่เกาหลีใต้ ก่อนจะปิดท้ายด้วยชาลเลนเจอร์ระดับ 150,000เหรียญสหรัฐฯ รายการ มาเลเซีย โอเพ่น
แต่ทว่าไม่มีรายการไหนที่คู่แฝดของไทยสามารถก้าวขึ้นไปสัมผัสถ้วยแชมป์ได้อีกเลย โดยผลงานที่ดีที่สุดของทั้งคู่ทำได้เพียงตำแหน่งรองแชมป์ในศึกซัมซุง ซิเคียวริตี้ส์ คัพ ในปลายเดือนตุลาคม พร้อมกับจบฤดูกาล 2007 ด้วยอันดับที่ไม่ถึงท็อป 50 ของโลก ตามที่ทั้งคู่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ เพื่อความหวังในการลงเล่นแกรนด์สแลมครบทั้ง 4 รายการในปี 2008
อย่างไรก็ตาม จากการที่ในสัปดาห์แรกของปี 2008 มีการแข่งขันเทนนิสถึง 3 รายการ ทั้งในศึกกาตาร์โอเพ่น ที่ประเทศกาตาร์ รายการอเดเลด อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ออสเตรเลีย รวมไปถึงเชนไน โอเพ่น ที่อินเดีย ประกอบกับนักหวดมือสูงๆบางคู่ ยังไม่เข้าร่วมดวลแร็กเกต ส่งผลให้อันดับมือ 67 ของสนฉัตร และ 71 ของโลกสำหรับสรรค์ชัย สูงพอในการได้สิทธิ์เข้าร่วมหวดลูกสักหลาดที่แดนโรตี
เมื่อโอกาสในการพิสูจน์ตัวเองมาถึง แฝดรติวัฒน์ ไม่ยอมปล่อยให้หลุดลอย ทั้งสองคนผนึกกำลังฝ่าด่านคู่แข่งรอบแล้วรอบเล่า จนกระทั่งเอาชนะคู่ของ แบ็กห์ดาติส และ กิคเกล ในนัดชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์เอทีพีนอกแผ่นดินเกิดครั้งแรกมาครองได้สำเร็จ พร้อมกับขยับอันดับขึ้นมาอยู่มือ 56ของโลก ได้สิทธิ์ลงแข่งขันแกรนด์สแลมแรกของปีรายการ ออสเตรเลียนโอเพ่น ในรอบเมนดรอว์ทันที หลังจากที่เคยได้สัมผัสบรรยากาศสุดยิ่งใหญ่ของ “สแลม” มาแล้วในศึกวิมเบิลดัน 2 ครั้งหลังสุด
ทั้งนี้ ผลงานในแกรนด์สแลม ณ เมืองผู้ดี คู่แฝดแห่งสยามซึ่งเข้าแข่งขันในรอบเมนดรอว์ในฐานะลักกี้ ลูสเซอร์ ทั้ง 2 ครั้ง สามารถผ่านเข้าไปถึงรอบ 2 ได้ในการแข่งขันปี 2006 ก่อนที่เมื่อปีที่แล้วจะจอดป้ายเพียงแค่รอบแรกเท่านั้น
สำหรับออสเตรเลียนโอเพ่น ที่จะเริ่มดวลแร็กเกตในวันที่ 14 มกราคม ถือเป็นแกรนด์สแลม ณ แดนจิงโจ้ครั้งแรกของสนฉัตร และสรรค์ชัย หากทั้งคู่ยังสามารถรักษามาตรฐานการเล่นได้เหมือนกับที่คว้าแชมป์เชนไน โอเพ่น โอกาสที่จะได้เห็นสองพี่น้องตระกูลรติวัฒน์ ทำผลงานได้ดีกว่า “สแลม” ที่วิมเบิลดัน และสร้างเซอร์ไพรส์ เข้าไปถึงรอบลึกๆ ในศึกออสเตรเลียน โอเพ่น ก็มีไม่น้อยเช่นกัน