จับตา ‘ทักษิณ’ บินกลับไทย 10 ส.ค.! เป้าหมายตั้งรัฐบาลเพื่อไทยเบ็ดเสร็จมั่นใจคุมได้ ‘รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล’ ชี้ ‘ลุงโทนี่’ กลับจริง เพื่อมาจัดตั้งรัฐบาลหลัง ‘สุริยะ-ภูมิธรรม’ ดึงเสียง ส.ว.สนับสนุนไม่เข้าเป้า เกมนี้ถูกเงื่อนไขจับ ‘อุ๊งอิ๊ง‘ เป็นตัวประกัน ต้องนั่งเก้าอี้นายกฯ เหตุผู้มีอำนาจแม้จะเกลียดพรรคก้าวไกล แต่ก็ไม่ไว้วางใจพรรคเพื่อไทย จึงต้องดึงมาคุมไม่ให้บรรดาบ้านใหญ่ ‘ทุจริต’ แจงยังไม่ทันได้นั่งก็โทร.สั่งการผู้บริหาร ก.คมนาคมกันแล้ว เผยพรรค 2 ลุงมีสิทธิร่วมรัฐบาล เพราะ ‘ทักษิณ’ ไม่หวั่นม็อบต่อต้านเพราะมีเก้าอี้ ‘สสร.’ ไว้สยบ มั่นใจชื่อเศรษฐา ทวีสิน โหวตนายกฯ ไม่ผ่าน ด้าน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้า ศรภ.ระบุพรรคขั้วอำนาจเดิมต้องรอบคอบในการร่วมรัฐบาล มั่นใจภูมิใจไทยไม่ถลำตัวง่ายๆ หวั่นจะเจอเกมปรับ ครม.ดึงก้าวไกลเสียบแทน แนะทางออกเก้าอี้นายกฯ ต้องเป็นของ ‘เสี่ยหนู’ เพื่อไม่ให้เป็นเหตุยุบสภากะทันหัน
สถานการณ์การเมืองในเวลานี้ชวนให้ติดตามทั้งข่าวลือ ข่าวจริงที่ปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศจะกลับประเทศไทยในวันที่ 10 ส.ค.นี้ มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ ส่วนคนที่ไม่เชื่อและสามารถทำให้คนในสังคมคล้อยตามได้ มีทั้ง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช.ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้ใจนายทักษิณ เป็นอย่างดี
แม้ครั้งนี้ อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะประกาศยืนยันแล้วก็ตาม แต่ความไม่เชื่อยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อนายชูวิทย์ โพสต์เฟซบุ๊กข้อความว่า ‘เกมพลิก ทักษิณถอย ยกเลิกกลับไทย สถานการณ์เปลี่ยน’ เมื่อ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา กระทั่ง อุ๊งอิ๊ง ได้เข้าไปคอมเมนต์สั้นๆ ในเพจสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ที่นำข้อความนายชูวิทย์ ไปเผยแพร่ต่อสั้นๆ ว่า ‘เพ้อเจ้อ’
ขณะที่เรื่องกลับไม่กลับของนายทักษิณ ยังคงเป็นประเด็นเชื่อมโยงกับสถานการณ์การเมือง เพราะเมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้ฉีก MOU 8 พรรค ถึงขนาดมีเสียงครหาว่า พรรคเพื่อไทยถีบหัวส่งพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน พร้อมกับมีม็อบไปเผาหุ่นที่พรรคเพื่อไทย มีการตะโกนต่อว่าพรรคเพื่อไทยที่แยกตัวออกมาเพื่อเป็นแกนนำในการตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ทั้งๆ ที่ประกาศอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย และทำลายความหวังของประชาชนหมดสิ้น
ปรากฏว่าเช้าวันที่ 3 ส.ค.มีข่าวด่วนแพร่สะพัดว่า ทักษิณ ไม่กลับวันที่ 10 ส.ค.เพราะมีสถานการณ์ม็อบเกิดขึ้น จนกระทั่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ออกมายืนยันว่าการกลับมาของนายทักษิณ ยังเหมือนเดิม
ดังนั้น หากกำหนดการยังเหมือนเดิม นายทักษิณ จะกลับไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัว ลงท่าอากาศยานดอนเมือง วันที่ 10 ส.ค. เวลา 10.30 น.
ขณะเดียวกัน เช้านี้ (3 พ.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญ ได้เลื่อนการพิจารณาสั่งคำร้องและให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม กรณีมติสภา ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ 2563 ข้อ 41 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ปมเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลแคนดิเดตนายกฯ ซ้ำได้หรือไม่ ซึ่งศาเห็นว่าต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยให้คณะผู้ร้องทั้ง 3 รายว่าเป็นประชาชนหรือสมาชิกรัฐสภา ยื่นต่อศาล รธน.ในวันอังคารที่ 15 ส.ค.นี้ และให้นัดพิจารณาคำร้องนี้ในวันพุธที่ 16 ส.ค.นี้เวลา 09.30 น.
ในเวลาต่อมา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทะ ประธานรัฐสภา จึงได้มีคำสั่งเลื่อนโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค.นี้ออกไปก่อน หลังจากที่ศาล รธน.ได้เลื่อนพิจารณาคำร้องเสนอชื่อนายพิธา ซ้ำได้หรือไม่ออกไปเป็นวันที่ 16 ส.ค. แต่การประชุมรัฐสภายังคงมีอยู่โดยจะนำระเบียบวาระที่ 2 เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ปิดสวิตช์ ส.ว.ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอขึ้นมาพิจารณาแทน
นอกจากนี้ในวันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยได้เลื่อนแถลงข่าวการจัดตั้งรัฐบาลหลังถีบหัวส่งพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่สังคมเฝ้าติดตามว่ารัฐบาลเพื่อไทยที่จะมีการจัดตั้งนั้นจะมีพรรค 2 ลุงเข้าร่วมหรือไม่ และสูตรตั้งรัฐบาลจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร รวมไปถึงการกลับหรือไม่กลับประเทศไทยของนายทักษิณ จะส่งผลอย่างไร และม็อบต่างๆ จะรุนแรงหรือไม่ ล้วนเป็นการวิเคราะห์ที่เชื่อมโยงอย่างมีตรรกะด้วยเหตุและผล ที่บางท่านน่าจะมีข้อมูลอินไซด์ที่มีโอกาสเป็นไปได้ทั้งสิ้น
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ระบุว่า การสลัดก้าวไกลออกไปแล้ว หากเพื่อไทยนำพรรคที่เหลือไปร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมบางพรรค ที่มีพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐเข้าร่วม โดยที่มีพรรคก้าวไกลแอบโหวตนายกฯ ช่วย แบบนี้ไม่ต้องไปพึ่งเสียง ส.ว.
หรือเงื่อนไขที่ 2 ถ้าเพื่อไทย ผ่านโดยมีเสียง ส.ว.ร่วมสนับสนุนด้วย แสดงให้เห็นว่าเพื่อไทยมีทั้งนายกรัฐมนตรี ประธานสภาและเสียงสนับสนุนจากพรรคก้าวไกลอยู่ข้างหลัง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเสียงฝ่ายรัฐบาลเดิมเลย ตรงนี้จะชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลเพื่อไทยจะออกพระราชบัญญัติอะไรจะผ่านสภาได้ง่ายๆ หรือถ้าเกิดความขัดแย้งขึ้นมา พรรคเพื่อไทยจะสามารถปรับ ครม.แล้วเอาพรรคก้าวไกล เข้ามาเสียบแทนพรรคขั้วรัฐบาลเดิมที่ดึงมาร่วมรัฐบาลเพื่อไทยได้เช่นกัน
สำหรับทางออกที่ดีที่สุด ที่อยากแนะนำกลุ่มอนุรักษนิยม หรือพรรคร่วมรัฐบาลเดิมควรจะเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย มีสัญญาค้ำประกัน หรือมี MOU ว่าจะทำงานร่วมกันต่อไปอย่างไร
“ควรให้เพื่อไทยสละตำแหน่งนายกฯ ให้ขั้วรัฐบาลเดิม เพื่อไม่ให้ใช้เป็นเหตุยุบสภากะทันหันเกิดขึ้น เพราะเพื่อไทยได้เยอะแยะหมดแล้ว บอกได้เลยถ้าตกลงตรงนี้กันไม่ได้ยุ่งเหมือนกัน ควรให้พรรคอันดับที่ 3 ขึ้นเป็นนายกฯ จะเป็นไปได้มาก”
พล.ท.นันทเดช บอกอีกว่า ที่มีข่าวออกมาว่ารัฐบาลเพื่อไทยจะไม่มี 2 ลุงคือ พรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ เพราะเพื่อไทยมั่นใจว่ามีเสียงพรรคก้าวไกลหนุนอยู่ และในความเห็นส่วนตัวคิดว่าพรรคภูมิใจไทย จะไม่ถลำหรือตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยง่ายๆ
“ถึงแม้ภูมิใจไทยอยากร่วมรัฐบาล และคงได้เป็นรัฐบาล แต่เชื่อว่าจะไม่ถลำง่ายๆ เพราะถ้าถลำยอมโหวตให้ ก็ผ่านเลย ไม่ต้องพึ่ง ส.ว.แล้ว ที่พูดไม่ใช่ไม่ไว้ใจเพื่อไทย แต่ขั้วรัฐบาลเดิมควรรอบคอบในทางการเมืองให้มาก เพื่อไทยถึงมีการพูดไม่เอา 2 ลุง เขามั่นใจก้าวไกลแอบช่วยทีหลัง แล้วค่อยปรับ ครม.ดึงก้าวไกลมาร่วม”
ถ้าหากจะถามว่าการตั้งรัฐบาลสัมพันธ์กับที่นายทักษิณ ประกาศกลับไทยหรือไม่นั้น พล.ท.นันทเดช บอกว่า ถูกต้องเพราะเพื่อไทยคุมอำนาจได้ทุกอย่าง ทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ เมื่อคุมได้ทั้งหมดโอกาสที่นายทักษิณ จะกลับมาก็ย่อมง่ายตามไปด้วย และถ้าทักษิณ กลับมาจะมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือไม่ ต้องรอดูว่าจะกลับมาจริงหรือไม่ ซึ่งเวลานี้ส่วนตัวเชื่อว่า 50:50 ที่บอกว่าจะกลับวันที่ 10 ส.ค.นี้
“ที่บอกว่ายัง 50:50 เพราะเพื่อไทยต้องได้เก้าอี้นายกฯ ก่อน หรือถ้าเขาไม่ได้นายกฯเขาต้องได้คำมั่นสัญญาที่แน่ใจจริงๆ ตรงนี้แหละที่นายอนุทิน พรรคอันดับ 3 มีโอกาสจะได้เป็นนายกฯ ซึ่งทักษิณ ต้องได้ความมั่นใจในทุกๆ อย่าง ต้อง control เรื่องราวต่างๆ ให้ดำเนินไปได้ตามปรารถนา ตามต้องการ ยังมีเวลาอีกหลายวัน due ต่างๆ ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้”
โดยพรรคเพื่อไทย ควรต้องเสียสละตำแหน่งนายกฯ เพราะไม่เช่นนั้นพรรคขั้วอนุรักษ์จะไม่มีเครื่องมืออะไรที่จะเป็นหลักประกันได้เลย และอยากให้พรรคเพื่อไทยไม่ต้องกังวลกับเรื่องของม็อบเพราะม็อบอะไรก็ตามที่ไม่ได้เกิดจากการสนับสนุนของประชาชนแล้วไม่มีทางชนะได้แน่นอน
ด้าน รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย และนายกสมาคมรัฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ระบุถึงสถานการณ์การเมืองปัจจุบันว่าประเด็นเกี่ยวกับนายทักษิณ จะกลับเมืองไทยตามกำหนดเดิมหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่านายโทนี่มาแน่ๆ ด้วยเหตุผลดังนี้
1.ต้องมาเพื่อบัญชาการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทยอย่างใกล้ชิด เพราะการจัดการใดๆ ที่ฮ่องกง มันมีเงื่อนไขในเรื่องของเวลาที่ห่างกันถึง 2 ชั่วโมง สู้กลับมาเมืองไทยเป็นเวลาเดียวกันจะดีกว่า ส่วนวิธีการในการหารือไม่ใช่เรื่องยาก
2.มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว หลังจากฉีก MOU กับพรรคก้าวไกลเป็นที่เรียบร้อย ก็เป็นสิทธิของพรรคอันดับ 2 เดินหน้าได้ทันที
“ลุงโทนี่ ต้องการมาจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทยเอง เพราะอยู่ข้างนอกก็ไม่เหมือนอยู่ในประเทศ”
3.ยืนยันมาตลอดว่า นายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ต้องชื่ออุ๊งอิ๊ง เท่านั้น ให้รู้แค่ว่าเลือดข้นกว่าน้ำ และอยากถามว่าถ้านายกฯ เป็นเศรษฐา ทวีสิน ขั้วอำนาจเดิมจะได้ประโยชน์อะไร และถ้าเป็นอุ๊งอิ๊งล่ะ ต่างกันหรือไม่
“ลุงโทนี่เขาถอดบทเรียนจากคุณสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ มาแล้ว สุดท้ายเขาเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อนายเนวิน ชิดชอบ ไปกอดกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป.ตอนนั้น”
ที่สำคัญผู้มีอำนาจเอง แม้จะเกลียดพรรคก้าวไกล แต่เขาไม่ไว้วางใจพรรคเพื่อไทย ซึ่งการดันอุ๊งอิ๊ง เป็นนายกฯ นั่นหมายถึงการจับอุ๊งอิ๊ง เป็นตัวประกัน ซึ่งหมายถึง เป็นผู้ที่กำกับควบคุมพฤติกรรมแกนนำพรรคเพื่อไทย ไม่ให้ก่อปัญหา เพราะยังไม่ทันตั้ง ครม.ก็มีข่าวออกมาแล้วว่าในกระทรวงหนึ่งได้ต่อสายสั่งการยังไม่ให้ทำอะไร รอจนกว่าจะจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย
ส่วนการจัดตั้งนายกฯ จะเรียบร้อยหลังวันที่ 17 ส.ค. เพราะต้องรอศาล รธน.พิจารณาชี้ขาดเรื่องของข้อบังคับ 41 เพราะถ้ายังไม่มีคำวินิจฉัย ก็ไม่มีใครกล้าโหวต และเชื่อว่าในวันที่ 17 ส.ค.ถ้ามีการโหวตนายกฯ เสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ไม่ผ่านแน่ๆ
“ที่เริ่มเสนอเศรษฐา ก่อน เพราะลุงโทนี่ต้องการเช็กว่ามีเสียง ส.ว.เท่าไหร่กันแน่ เพราะที่คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และคุณภูมิธรรม ไปเจรจา ส.ว.เขาก็รู้ว่าไม่ใช่คนมีอำนาจจริงในพรรค จึงไม่ได้เสียง ส.ว.สนับสนุนตามเป้าหรอก แต่เมื่อเขาต้องการให้อุ๊งอิ๊งนั่งนายกฯ ลุงโทนี่ ต้องรู้ว่าได้กี่เสียงแล้ว และต้องได้อีกกี่เสียง และลุงโทนี่จะต้องลงมืออย่างไร ซึ่งต้องเข้าใจด้วยว่าคนอย่างลุงโทนี่ คิดเสมอว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้”
รศ.ดร.ธนพร บอกว่า อดีตนายกฯ ทักษิณ จะกลับมาตามกำหนดเพื่อมาคุมเกมในการตั้งรัฐบาลและนายกฯ ต้องเป็นอุ๊งอิ๊ง เพราะถ้าวันนี้ (3 ส.ค.) พรรคเพื่อไทย ชัดเจนว่าคุมได้หมดแล้ว คงไม่มีการเลื่อนโหวตนายกฯ ในวันที่ 4 ส.ค.ตามกำหนดเดิมออกไป ส่วนที่บอกว่ามีเสียง ส.ว.ให้การสนับสนุนเพียงพอ ยังเป็นแค่ราคาคุยเท่านั้น
“ถ้าลุงโทนี่ ออกแรง นายกฯ จะไม่ตกเป็นของเสี่ยหนู พรรคภูมิใจไทย เพราะลุงโทนี่คิดเสมอว่า ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ อุ๊งอิ๊งจะได้ เพราะลุงโทนี่ ต้องกลับมาออกแรง ดูให้ดีนะ เสี่ยหนูอาจจะชอบก็ได้นะ เพราะนายเนวิน ชิดชอบ รอตั้งรัฐบาลอย่างเดียว ไม่ต้องได้นายกฯ แต่ต้องได้กระทรวงที่ต้องการ ซึ่งเมื่อลุงโทนี่มา ภูมิใจไทยจะได้กระทรวงที่ต้องการ”
อย่างไรก็ดี นายทักษิณ ไม่ต้องกังวลหรือกลัวอะไร เพราะเข้ามาต้องเดินตามที่กฎหมายกำหนด เข้าไปอยู่ในเรือนจำ ส่วนจะอยู่อย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขออย่าผิดทำนองคลองธรรม ไม่มีนิรโทษกรรม จะไม่มีปัญหาอะไรตามมา
“ถ้าลุงโทนี่ มีโรคประจำตัว ป่วยก็ต้องไปนอนโรงพยาบาล ก็เป็นระเบียบปฏิบัติอยู่แล้ว ไม่ได้ออกมาเพื่อลุงโทนี่โดยเฉพาะคนเดียวนะ”
ส่วนรัฐบาลเพื่อไทย จะอยู่ยาวหรือไม่ คิดว่าน่าจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วเสร็จ ก็ต้องรีบยุบสภาจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ต้องไม่ลืมกว่าจะจัดทำเสร็จสิ้น อย่างน้อย 3 ปี เพราะต้องมีการทำประชามติ มีการสรรหา สสร. ก่อนจะไปดำเนินการอีกหลายขั้นตอนกว่าจะออกมาเป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
“เมื่อเพื่อไทยจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถือเป็นภารกิจเร่งด่วน ต้องไปอธิบายให้สังคมได้รับรู้ เชื่อเถอะ ม็อบจะเบาลง เพราะต้องอธิบายให้เห็นว่าวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นและเป็นปัญหาเกิดจากรัฐธรรมนูญปัจจุบัน จึงต้องรีบจัดทำฉบับใหม่”
ทั้งนี้เพราะบรรดามวลชน หรือม็อบต่างๆ ล้วนมีความรู้สึกว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ใช้อยู่นั่นมาจากเผด็จการเป็นผู้ดำเนินการ และเมื่อพรรคเพื่อไทยมีกระบวนการจะแก้ไข บรรดาคนกลุ่มนี้ต่างมีความพอใจแล้ว และมวลชนบางคนที่ไปยึดเวทีเหล่านั้น ถ้าเขามีโอกาสได้ไปเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพราะยกระดับขึ้นไปเป็นนักการเมืองต่อได้ ก็ย่อมจะพึงพอใจอยู่แล้ว
“ใครอยากม็อบก็ม็อบกันไป แต่มีแกนนำหลายคนอยากเป็น สสร. ต้องเข้าใจว่าการเปิดพื้นที่ สสร.คือการดึงม็อบเข้ามาสู่เวที แถมไม่มีความเสี่ยงถูกจับด้วย ยังมีเงินเดือนหลวงแจกด้วย”
รศ.ดร.ธนพร บอกอีกว่า เวลานี้เป็นช่วงเวลาทองของการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย จึงมั่นใจได้ว่า หากจะดึงพรรค 2 ลุงเข้าร่วม นายทักษิณ ก็ไม่ได้กังวลเรื่องของม็อบ เพราะเกมนี้ได้มีการดักทางไว้แล้ว คือเรื่อง สสร.ไว้แจก
“ตัวแรงๆ เอาไปเป็น สสร. ให้หมด มีเงินเดือนหลวงใช้เป็นแสน ไม่เอาหรอ ลองไปถามหนูหริ่ง (บก.ลายจุด) ดูสิ ให้ไปเป็น สสร.เอามั้ย ดังนั้นเรื่องม็อบจึงไม่ใช่เรื่องที่ลุงโทนี่ต้องกังวล และไม่ได้แคร์หากจะดึงพรรค 2 ลุงมาร่วม”
โดยสูตรตั้งรัฐบาลนั้นไม่ควรต่ำกว่า 300 แต่ไม่ควรเกิน 320 ซึ่งตัวเลขที่พรรคก้าวไกลรวม 8 พรรค ที่ 312 เสียงก็เป็นตัวเลขที่เหมาะสม แต่ถ้าดึงพรรคต่างๆ มาเป็นรัฐบาลกันมาก จนพรรคฝ่ายค้านเหลือน้อยเกินไปจะเป็นการดูถูกชาวบ้าน และเป็นการลดอำนาจของประชาชน
จากนี้ไปคงต้องจับตาดูว่า 10 ส.ค.นี้ นายทักษิณ ชินวัตร จะกลับประเทศไทยจริงหรือไม่ และใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ระหว่าง น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยรัฐบาลเพื่อไทยจะมีพรรค 2 ลุง ทั้งพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ จริงแค่ไหน เพราะหมากเกมนี้ ‘ลุงโทนี่’ เตรียมรับสถานการณ์ม็อบไว้จริงหรือไม่...ยังคงต้องติดตาม!
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j