"จตุพร" บันทึกประวัติศาสตร์เสื้อแดงถูก “ทักษิณ” คิดแผนปั่นหัวให้แกนนำ นปช.แตกแยกแล้วทำลาย ย้ำถูก “ทักษิณ” หลอกตั้งพรรค “เต้น” ไม่รู้หรือความสัมพันธ์เพื่อชาติ-เพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ แต่มากล่าวหาว่าตนไปตั้งพรรคนอกวงเป็นเหตุ นปช.แตกแยก ฉะปกป้อง “แม้ว” แต่พองาม อย่ารุกล้ำหาเศษหาเลย ท้าวัดใจใครมีจุดยืนไล่นายกฯ ตระบัดสัตย์ จะรบกันก็เชิญ ต่างคนต่างไม่กลัวใคร มาเลย พร้อม!
เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "กี่ม้วนจบ" โดยตอบโต้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทยที่ออกมาปกป้องทักษิณ ชินวัตร แบบล้ำเส้น หาเศษหาเลย พร้อมท้าวัดใจจุดยืนไล่คนตระบัดสัตย์หรือหากต้องการรบกันก็พร้อม
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ หรือ เต้น หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อ 1 ส.ค. 2566 เพื่อแก้ต่างให้นายทักษิณ 2 กรณี คือ 1.ไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับทหารและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจในปี 2557 และ 2.นายณัฐวุฒิอ้างว่ามีการอธิบายประวิติศาสตร์ นปช.แตกแยกเพียงด้านเดียวอย่างคลาดเคลื่อน ทั้งที่แยกทางกันมีเหตุมาจากนายจตุพรไปแอบตั้งพรรคเพื่อชาติ ซึ่งไม่ได้บอกพี่น้องสู้รบมาด้วยกัน
นายจตุพร ได้ตอบโต้กรณีการตั้งพรรคเพื่อชาติ ซึ่งเคยอธิบายมาหลายครั้งแล้วว่า การพูดครั้งนี้จะไม่เกรงใจกันอีก เพราะนายณัฐวุฒิ ยกมาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยก่อนเลือกตั้งปี 2562 ตนติดคุกอยู่ นายยงยุทธ์ ติยะไพรัช คนสนิทของนายทักษิณ และคณะ นปช. ไปเยี่ยมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมหารือสถานการณ์ทางการเมืองตามโอกาสอำนวยให้พูดคุยกัน
นายยงยุทธ์ ยกกรณี รธน. 2560 เกี่ยวกับการเลือกตั้งที่กำหนดใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวกับการออกเสียงสองระบบ คือ สส.เขตและบัญชีรายชื่อ โดยตนมีความเห็นว่า "รวมกันแพ้ แยกกันชนะ" และนายยงยุทธ์ บอกว่านายทักษิณ ให้มาช่วยพรรคเพื่อชาติเก็บแต้มให้ฝ่ายประชาธิปไตย แต่ตนขอให้นายทักษิณบอกด้วยตัวเอง
นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนั้นนายณัฐวุฒิยังไม่ถูกตัดสิทธิการเมือง แต่ตนติดคุกจึงถูกตัดสิทธิ อีกทั้งเคยประกาศเดิมพันไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งถ้ารัฐธรรมนูญ 2560 ทำประชามติผ่าน จึงยึดเป็นสัจจะวาจา ซึ่งไม่เป็นปัญหาอะไรกับตนเลย
"ผมไม่รู้ทักษิณคิดจะทำอะไร หลังจากออกจากคุก ทักษิณ ได้พูดกับผมว่า ให้มาช่วยพรรคเพื่อชาติ ผมก็รับปาก และไม่รู้ว่าเขาวางแผนคิดจะทำพรรคไทยรักษาชาติอีกพรรคหนึ่ง วันหนึ่งจึงมาพูดกลางวงประชุม นปช.แต่ท้ายที่สุดมีความเห็นแตกต่างกัน"
นายจตุพร กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดพรรคไทยรักษาชาติขึ้น นายณัฐวุฒิ พาคณะชุดหนึ่งไปสังกัด ตนพาอีกชุดมาช่วยพรรคเพื่อชาติ แล้วต่อมาจึงรู้ว่า ถูกหลอกตั้งแต่รู้ว่า ลูกชายนายยงยุทธ์ ไปเป็นเลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ เมื่อผีถึงป่าช้าก็พูดไม่ออก
"ปรากฎว่า มารู้ภายหลังว่า โดนหลอกกันรอบวง คุณหญิงสุดารัตน์ (เกยุราพันธุ์) ไม่รู้เช่นกันว่าทูลกระหม่อมฯ มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ไทยรักษาชาติ ถ้ารู้ก็ไม่มีวันจะกล้าเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยเลย ผมพยายามส่งความให้คิดกันให้ดี แต่คณะ นปช.ไม่มีใครฟังผมหรอก"
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อถึงวันรับสมัครเลือกตั้ง พรรคเพื่อชาติกลับเป็นที่สนใจมีผู้สมัครลงเลือกตั้งจำนวนมาก จึงถูกสกัดไม่ให้โตมากเกินไปเพื่อหลีกทางให้พรรคไทยรักษาชาติได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ถึงที่สุดจึงรู้ข้อมูลว่า เป็นแผนแยกสลาย นปช. เท่ากับทักษิณ เสียสัจจะวาจาต่อตน
ส่วนนายณัฐวุฒิบอกว่าไทยรักษาชาติมาทีหลังนั้น นายจตุพร กล่าวว่า หากไม่รู้เกมทั้งหมดแล้ว นายยงยุุทธ์จะเอาลูกชายไปเป็นเลขาธิการพรรคได้อย่างไร แล้วยังเอาน้องสาวไปอยู่พรรคเพื่อไทย ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ร่วมมือกัน
นายจตุพร กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางการเมืองว่า นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ นักธุรกิจ เจ้าของห้างอิมพีเรียลเวิลด์ ถูกจัดวางให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ โดยลูกชายไปลง ส.ส.เพื่อไทย และลูกสาวของนายยงยุทธ์ ลงบัญชีรายชื่อลำดับที่สองพรรคเพื่อชาติ ดังนั้น ความสัมพันธ์นี้จึงเป็นเรื่องเดียวกันและเป็นข้อตกลงที่ถูกวางแผนกันไว้หมด โดยที่ตนไม่รู้มาก่อนจะมีพรรคไทยรักษาชาติอีก แล้วเกมนี้ยังมุ่งแยกสลายองค์กร นปช.ด้วย
สิ่งสำคัญ นายจตุพร ยอมรับว่า ถูกทักษิณหลอก ขณะที่นายณัฐวุฒิ ถ้าคิดภักดีกับพรรคเพื่อไทยจริง เมื่อไทยรักษาชาติถูกยุบพรรค ก็คงไม่ไปตั้งพรรคเส้นทางใหม่ร่วมกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง มีออฟฟิศใหญ่โต สวยงามบนพื้นที่ 2 ไร่ที่ปากเกร็ด นนทบุรี ดังนั้น ย่อมพิสูจน์ว่า ถ้าศรัทธาเพื่อไทยจริงจะแยกไปตั้งพรรคเส้นทางใหม่ได้อย่างไร
นอกจากนี้ หากนายณัฐวุฒิไม่รู้ว่าถูกหลอกแล้ว เมื่อพิจารณาการจัดลำดับบัญชีรายชื่อของพรรคไทยรักษาชาติ นายณัฐวุฒิจะได้เป็น ส.ส.เพียงคนเดียวของ นปช. ส่วนคนอื่นอยู่ในลำดับที่ไกลและยากที่จะได้เป็น ส.ส.
"เมื่อต้องการพูดเรื่องนี้กันอีก ทั้งที่พูดกันมาหลายครั้ง และผมยอมรับว่า ถูกทักษิณ หลอก ถ้าไม่พูดกับผมก็ไม่มีวันไปช่วยพรรคเพื่อชาติ และถ้าพาพี่น้องไปไทยรักษาชาติ ถ้ามีโอกาสได้เป็น ส.ส.คนเดียวแล้ว มันไม่ใช่นิสัยผม"
นายจตุพร กล่าวว่า ต่อมามีการยุบสภา นายทักษิณได้ส่งสัญญาผ่านบุคคลที่ตนเกรงใจให้กลับไปช่วยกันอีกครั้งหนึ่ง ตนกับนายณัฐวุฒิได้คุยกัน ซึ่งเป็นการคุยกันครั้งสุดท้าย คุยอย่างเป็นทางการ โดยสรุปว่า ตัดสินใจกันอย่างไรก็บอกด้วย แต่ขณะนั้นตนไม่คิดกลับเพื่อไทยเลย แล้วมารู้อีกทีนายณัฐวุฒิ เป็น ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย โดยไม่ได้บอกกันสักคำ
นายจตุพร กล่าวถึง นปช.กลับไปอยู่เพื่อไทยว่า มี 3 คน คือนายสงคราม จากเพื่อชาติได้เป็น สส. ลูกนายยงยุทธ์ ลงเขตเชียงราย ได้เป็น สส. แต่อีกคนไม่ได้เป็น สส. ดังนั้น ถ้าไม่มีความสัมพันธ์กัน หรือไม่รู้เห็นกันสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ส่วนคน นปช.นายก่อแก้ว พิกุลทอง ได้ลำดับไกลมากถึงที่ 36 ไม่ได้เป็น ส.ส.
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ทั้งเพื่อไทย เพื่อชาติ และไทยรักษาชาติ มีความสัมพันธ์โยงกันหมด เมื่อ นปช.มาคุยกันก็เป็นคนละเรื่อง ถ้าไม่ใช่ทักษิณวางแผน รู้เห็นกันแล้ว นายสงครามและนายยงยุทธ์ จะแยกพ่อ ลูก และน้องสาวไปลงต่างพรรคกันได้อย่างไร แล้วยังพากันกลับมาเพื่อไทยในครั้งนี้อีกด้วย ดังนั้น ใครจะพูดอย่างไรก็พูดได้ แต่ข้อเท็จจริงคือ นปช.ที่แยกกันออกไป ต่างลง ส.ส.ในไทยรักษาชาติ และเพื่อชาติ ยกเว้นอาจารย์ธิดา ถาวรเศรษฐ คนเดียวไม่ลง ส.ส.
"ส่วน นปช.ก็แยกกันแล้ว ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด งานบุญก็แยกกันทำแล้ว จะคุยกันทำแมวอะไร ไม่มีประโยชน์ และผมเป็นตัวของผม ไม่ได้ใช้ตำแหน่ง นปช.เลย ครั้งหนึ่งเคยเสนอให้ยุติบทบาท แล้วส่งไม้ให้คนรุ่นใหม่ไป เมื่อไม่เห็นด้วยก็ต่างคนต่างอยู่ อีกอย่างผมไม่ได้ช่วยพรรคการเมืองใด ถ้าณัฐวุฒิมาอธิบายเพื่อปกป้องทักษิณ ก็เอาให้พอดีพองาม อย่าหาเศษหาเลยกัน” นายจตุกรกล่าว
นายจตุพร กล่าวถึงการยึดอำนาจปี 2557 ซึ่งนายทักษิณเกี่ยวข้องหรือไม่ ว่า เมื่อนายณัฐวุฒิ โพสต์เองว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เตรียมการตอนต้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้วยังไม่เข้าใจสถานการณ์อีกเหรอ เมื่อเลือกตั้งปี 2554 นั้น เพื่อไทยชนะม้วนเดียวจบเนื่องจากคนเสื้อแดงถูกปราบตายร่วมร้อยศพ บาดเจ็บสองพัน สูญสิ้นอิสรภาพนับไม่ถ้วน จนนำไปสู่การเลือกเพื่อไทยได้ 265 เสียง ส่งให้ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ
ในการเลือกตั้งและชนะกันนั้น ถ้าสำนึกบุณคุณประชาชน ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพันไปต่อสู้จนได้ชัยชนะจากการเลือกตั้ง สิ่งแรกจึงต้องตอบแทนเจตนารมณ์ของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ อีกอย่างช่วงนั้น เมื่อนายณัฐวุฒิ มีโอกาสเป็นรัฐมนตรีก็ยินดีด้วย
“การตั้งรัฐบาลครั้งแรก ณัฐวุฒิก็อยู่ที่บ้านผม ทักษิณโทรมา ผมขออนุญาตเปิดเสียงให้ณัฐวุฒิได้ยิน ทักษิณถามถึงเรื่องรัฐมนตรี ผมว่าถ้าจะตั้งต้องตั้งทั้งสองคน ถ้าไม่ตั้งก็อย่าเกรงใจ ไม่ต้องตั้งพวกผมก็ได้ ดังนั้น นปช.จึงไม่มีรัฐมนตรีครั้งแรกสักคนเดียว ซึ่งผมไม่มีปัญหา เพราะเป็น ส.ส.อยู่”
นายจตุพร กล่าวว่า การตั้ง ครม.ครั้งที่สอง นายณัฐวุฒิ ได้เป็น ตนไม่มีปัญหาอะไร แต่ปรับ ครม.ทักษิณ จะเอานายณัฐวุฒิออก เอาตนเข้าแทน ซึ่งตนก็ไม่ให้ความร่วมมือด้วย และไม่เอา เพราะไม่อีนังขังขอบอะไรด้วย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผิดพลาดอย่างยิ่งคือ เมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้ว ก็ใช้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเครื่องค้ำประกันและรักษารัฐบาล เมื่อตนวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ด้านอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ โทรมาขอไม่ให้วิจารณ์ รวมทั้ง เกิดเรื่องสารพัด และเคยเตือนว่าจะมีการรัฐประหาร
นอกจากนี้ ขบวนการเสื้อแดงยังเหลวแหลกหมด ทักษิณ จัดการสัมพันธ์ตรงไปพบที่ต่างประเทศ แล้วได้สิ่งของราคาแพงมียี่ห้อสูงเป็นของขวัญ แล้วยังส่งไลน์รายงานความเคลื่อนไหวให้ทักษิณรับทราบอีกด้วย แล้วใครจะคิดอยากต่อสู้ในภาคสนามกัน
อีกอย่างระบบ นปช.เป็นเรื่องจิตวิญญาณการต่อสู้ ชีวิตแลกชีวิต แต่กลับเอาผลประโยชน์และการพึ่งพา พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นการบริหารจัดการแทนความสามัคคีของมวลชน
“เมื่อณัฐวุฒิ บอกว่า การยึดอำนาจก่อตัวช่วงต้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แล้วไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะการพึ่งพา พล.อ.ประยุทธ์ คือการละทิ้งประชาชน แล้วยังวางแผนปลด พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ออกจาก รมว.กลาโหม เพราะรู้ทันทหาร อีกอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ขอตำแหน่งต่างๆ ในตำรวจให้พรรคพวก ก็ยังยอมอีก”
นอกจากนี้ เหตุการณ์ต่างๆ ได้เดินมาถึงการออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย โดยแทรกให้คดีทุจริตเพื่อปลดปล่อยนายทักษิณได้กลับบ้าน เท่ากับเป็นการทำลายความหวังคนเสื้อแดงให้ย่อยยับจนมลายหมดสิ้น ประกอบกับ กปปส. ลงถนนเปิดฉากต่อต้านครั้งใหญ่ แล้วอีกไม่นาน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยึดอำนาจ เพราะทักษิณสกัดสั่งห้ามเติมกำลังเสื้อแดงไปชุมนุมที่ถนนอักษะ
นายจตุพร กล่าวถึงการชุมนุมเมื่อปี 2553 ว่า นายณัฐวุฒิรับผิดชอบดูแลทุกอย่างและทั้งงบประมาณ ตนกับนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยในด้านงบประมาณ มาถึงการชุมนุมปี 2557 ได้แบ่งงานกันทำ นายทักษิณรับผิดชอบสั่งการระดมคนมาชุมนุม นปช.รับงานเวทีชุมนุมไม่ยุ่งเกี่ยวงบประมาณ
“ตลอดการชุมนุมจะมีคนรองรังอยู่พื้นที่ชุมนุมจนรุ่งเช้าไม่น้อยกว่า 3- 4 หมื่นคน ส่วนช่วงหัวค่ำมีการระดมคนมาชุมนุมวันละไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นถึงแสนคน แต่ 21 พ.ค. 2557 วันที่ พล.อ.ประยุทธ์ นัดให้แกนนำมาคุยหารือตกลงกันที่หอประชุมกองทัพบก”
นายจตุพร กล่าวว่า ในช่วงเช้ามืด ก่อนไปพูดคุยตามนัด ตนตระเวณดูพื้นที่ พบผู้ชุมนุมหายแทบหมด เหลืออยู่ประมาณ 3-4 ร้อยคน ตกใจมาก คิดว่าถูกทำงานแล้ว อย่างไรก็ตาม คนเดียวที่ทำงานได้คือ นายทักษิณ ถ้าไม่รู้เห็นด้วย คนไม่หายไปขนาดนี้ จึงเท่ากับเปิดโอกาสให้ยึดอำนาจได้ง่ายดายเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 เพราะไม่มีกำลังต่อต้านและสถานการณ์ขณะนั้น เราสู้ไม่ได้แล้ว
"ผมบอกเรื่องนี้ว่า ตั้งแต่เป็นรัฐบาลแล้วยอมเปลี่ยน รมว.กลาโหม ไม่เรียกว่าสมคบคิดกันได้อย่างไร เพราะเกิดวิวัฒนาการตามมาเป็นลำดับ มีการต่อรองกับทหารตามเรื่องราวเป็นตอนๆ ไป อีกทั้งคดีจำนำข้าวใกล้เข้าสู่ช่วงการตัดสินชี้ขาด ส่วนเรื่องในศาล รธน.แพ้หมด ช่วงนั้นรัฐบาลเอาสถานการณ์ไม่อยู่แล้ว"
นายจตุพร กล่าวว่า แม้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณการชุมนุม แต่ถูก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กล่าวหามีคนได้ประโยชน์จากงบประมาณจนต้องกลืนเลือด แล้วสุดทนเมื่อทักษิณ ไลน์เป็นข้อความภาษาอังกฤษถึงบางคน ซึ่งแปลได้ว่า "เลวมาก" ตนได้แค่อมยิ้ม เพราะรู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และเลือดที่อมไว้ก็ทะลักมาถึงคอหอย แล้วพุ่งสำลักออกมา
"ณัฐวุฒิจะคิดอย่างไรกับผมก็ได้ ไม่มีปัญหาอะไรเลย และประวัติศาสตร์การต่อสู้หาความสำราญได้ตามสบาย ผมเป็นคนไม่ต้องการอะไรแล้ว ไม่ต้องการคำสรรเสริญเยินยอ ไม่ต้องการแนวร่วมมวลชน หรือให้คนตามมาเห็นด้วยจำนวนมาก เพราะผมผ่านเลยมาหมดแล้ว"
นายจตุพร กล่าวว่า หลังประกาศแยกทางกับนายทักษิณอย่างชัดเจน มานั่งจัดรายการ ถ้านั่งวิจารณ์วันเดียวแล้วหยุดจะกลายเป็นคนชั่วทันที เพราะคนจะเชื่อทักษิณ 99 คน เชื่อผมคนเดียว จึงต้องพูดทุกวัน ถ้าไม่จริงให้ออกมาชี้แจ้ง ให้เรียงหน้ากันมาตอบโต้ ซึ่งแกนนำสำคัญ คนใหญ่ๆ ของพรรคเพื่อไทยแทบไม่ตอบเลย
นายณัฐวุฒิ นึกอะไรไม่ออกก็เฉียดกรณีตั้งพรรคเพื่อชาติมาหลายครั้ง ตนก็อธิบายไปทุกครั้งและยอมรับว่าถูกทักษิณหลอก แล้วยังไม่เข้าใจอีกหรือว่า พรรคเพื่อไทย เพื่อชาติ และไทยรักษาชาติ เป็นเรื่องเดียวกันหมด ตัวแสดงสัมพันธ์กัน มีพ่อ-ลูกและน้องสาวโยกย้าย แยกกันลงสมัคร สส.พลัดเปลี่ยนกันไป แล้วมาอยู่ที่เพื่อไทยในขณะนี้
"ถ้าต้องการจะอธิบาย หลังจากนี้อยากจะรบกันก็เชิญตามสบาย ณัฐวุฒิไม่กลัวใคร และณัฐวุฒิก็รู้ว่าผมก็ไม่กลัวใครเหมือนกัน ก็มาเลยตามสบาย และหลังจากนี้ไป หากณัฐวุฒิยังจำคำพูดแรกๆ ของตัวเองในเวทีชุมนุมสนามหลวง ที่พูดว่า “ถ้าทักษิณ ไปสมคบคณะยึดอำนาจ จะออกมาไล่ทักษิณเอง" ได้หรือไม่? หากลืมยังมีแผ่นซีดีเอาให้ฟังได้”
นายจตุพร กล่าวว่า หลังจากนี้ไปนายณัฐวุฒิอยู่ในชุดปราศรัย พูดชัดเจนอยู่แล้ว และอย่าคิดเลี่ยงคำลุง เพราะปราศรัยทุกที่ระบุถึงแต่พรรคพลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ไล่หนูตีงูเห่า ไปยำประชาธิปัตย์ที่ภาคใต้ วันใดพรรคเพื่อไทยไปร่วมกับพรรคเหล่านี้ และนายณัฐวุฒิยังอยู่ก็ต้องวัดใจกัน
"เมื่อผมวิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองตระบัดสัตย์ ไม่ได้สนใจว่าเขาจะเป็นใคร ถ้าตระบัดสัตย์วันไหน ที่คุณโพสต์มาคำไหนคำนั้น ไม่ลืม ขณะนี้ก็เป็นเช่นนั้น เราต้องวัดใจกันว่า ถึงเวลาใครจะได้แสดงจุดยืน ซึ่งอาจหมายถึงส้นตีนด้วยก็ได้ แน่นอนการเสียสัจจะวาจาผมรับไม่ได้ ในฐานะประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์พฤษภา 2535 จนเป็นจุดชี้ขาดในเรื่องนายกฯ ตระบัดสัตย์" นายจตุพรกล่าว