xs
xsm
sm
md
lg

'อว.' เร่งผลักดัน ศก.ใหม่! ดึง 'แพทย์-วิศวะ' ผลิตอุปกรณ์แพทย์ขายทั่วโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรี อว. ชี้สถานการณ์โควิด-19 สะท้อนภาพชัดเจน 'อาหารจะขาดแคลนทั่วโลก' Supply Chain จะเปลี่ยนไป แจง 75% ในจีนจะกลับถิ่นและบางรายจะไหลเข้าไทย ขณะที่ไทยมีความพร้อมทั้งการเป็น 'ครัวโลก' และการแพทย์ชั้นเยี่ยม เร่งวิจัยและขับเคลื่อน 4 มิติ ตาม 'BCG Model' สร้างเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะมิติทางการแพทย์ ที่บรรดา 22 คณะแพทยศาสตร์ และ 65 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สังกัด อว.ผนึกกำลังถอดรหัสและผลิตเครื่องมือแพทย์เข้าสู่อุตสาหกรรมได้!

ผลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ประเทศไทยต้องปรับยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนประเทศเพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจสังคม และสิ่งแวดล้อม ที่จะนำสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนใน 4 มิติ ซึ่งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) บอกว่า วิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้ภาครัฐและกระทรวง อว.ต้องหันมาปรับยุทธศาสตร์การพัฒนาจากการที่รัฐบาลมี BCG Model (Bio-Circular-Green Model) เป็นตัวขับเคลื่อนโลกอนาคตอยู่แล้ว ก็จะสามารถผลักดันเศรษฐกิจใหม่ให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรมและจะสามารถตอบโจทย์ในการสร้างความมั่นคงของมนุษย์ใน 4 มิติได้แน่นอน

โดยทั้ง 4 มิติจะเป็น 4 สาขายุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่ที่จะสร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศได้ ประกอบด้วย 1.ความมั่นคงด้านอาหารและการเกษตร 2.ความมั่นคงด้านสุขภาพและการแพทย์ 3.ความมั่นคงด้านพลังงาน ที่ไม่ใช่พึ่งพาการนำเข้าน้ำมันแต่จะเป็น Green Energy ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่ได้จากธรรมชาติ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานชีวมวล เป็นต้น 4.ด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ที่จะมีบทบาทสำคัญให้เกิดการจ้างงาน

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
วันนี้โจทย์ใหญ่ที่ อว.ต้องดำเนินการก็คือจะสร้างความมั่นคงทั้ง 4 ด้านได้อย่างไร!

“หลังโควิด-19 ทั่วโลกจะเริ่มมองเห็นเรื่องของปัจจัย 4 จะเห็นชัดว่า 2-3 ปีนี้อาหารจะขาดแคลนทั่วโลก เพราะช่วงที่โควิด-19 ระบาดการเพาะปลูกในยุโรปหยุดหมด Supply Chain ที่จะทำให้เกิดสินค้าขึ้นมา มันขาดหมด การขนส่งก็จะยาก เพราะไม่ยอมให้มีการส่งออก”

ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็น “ครัวของโลก” เป็นแหล่งการเกษตรที่ดี แม้จะเจอภัยแล้งบ้างแต่ก็สามารถพัฒนาด้านการเกษตรให้เป็นแหล่งมั่นคงทางอาหารได้เช่นกัน

อีกทั้งสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นนั้นสังคมไทยได้เห็นถึงความร่วมมือ ร่วมใจของภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษาและองค์กรต่างๆ ทำให้เห็นว่าวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 ซึ่งกำลังขาดแคลนทั่วโลก แต่ประเทศไทยก็สามารถคิดค้นและสร้างนวัตกรรมต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมาได้

ในเรื่องของห้องตรวจและคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยง (Modular Screening & Swab Unit) อุปกรณ์ทางการแพทย์ ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 เช่น แคปซูลความดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อ (Isolation Capsule) ห้องตรวจเชื้อความดันลบแบบเคลื่อนที่ (Isolation Chamber)





ขณะที่มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ซึ่งคิดค้นดัดแปลงและผลิตหมวกอัดอากาศป้องกันการติดเชื้อความดันบวก (PAPR) และหน้ากากป้องกันการติดเชื้อชนิดใช้ซ้ำ (Reusable) ซึ่งผลิตจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ มาตรฐานการกรอง N99 ซึ่งสูงกว่า N95 และสามารถนำมาใช้ซ้ำได้ ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสูงสามารถทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศที่กำลังขาดแคลนอย่างรุนแรง

สำหรับสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย ก็ยังร่วมกันผลิตหน้ากากอนามัยและชุด PPE เพื่อการแพทย์ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ได้ใช้เช่นกัน เพียงแต่ว่าชุด PPE ที่ผลิตออกมานั้นยังเป็นเพียงชุดที่กันน้ำใช้สำหรับแพทย์ที่ดูแลภายนอก ส่วนชุด PPE ที่ป้องกันเชื้อไวรัส และแบคทีเรียนั้นยังต้องมีการพัฒนาและต้องสร้างห้องแล็บสำหรับทดสอบต่อไป

รัฐมนตรี อว. ย้ำว่า จากสถานการณ์ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยจะสามารถสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพและการแพทย์ได้แน่นอน และจะต้องสร้างความมั่นคงให้ได้ทั้ง 4 มิติ โจทย์ที่มีอยู่ทำให้ อว.ต้องมุ่งเน้นไปที่การวิจัย แต่เป็นการวิจัยที่มีเป้าหมายที่จะนำไปสู่การต่อยอด กระบวนการพัฒนา กระบวนการผลิต เพื่อทดแทนการนำเข้า หรือการผลิตเพื่อใช้ในประเทศ รวมไปถึงการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ แต่จะไม่ใช่เป็นการวิจัยเพียงเพื่อการวิจัยเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว

“ทุกวันนี้เรามีแค่ต้นน้ำ แต่กลางน้ำเราไม่มี เมื่อมีเหตุฉุกเฉินเราก็ไม่สามารถจัดการได้ เราจึงควรผลักดันให้เกิดความยั่งยืน คือยืนบนขาที่แข็งแรงได้มั่นคง”

โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นหลังการระบาดของเชื้อโควิด-19 จบลง เพราะ Cover Supply Chain 75% จะอยู่ที่ประเทศจีน ก็จะมีการเคลื่อนย้ายกลับไปประเทศของตัวเองและมีโอกาสที่จะย้ายฐานเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งไทยก็ควรจะใช้โอกาสนี้ดึงการผลิตเหล่านี้เข้ามาในประเทศแต่จะต้องเลือกการผลิตที่ประเทศไทยต้องการเท่านั้น

“อว.จะเชิญเลขาฯ บีโอไอ เพื่อทบทวน Supply Chain กันใหม่ว่าอุตสาหกรรมหลักใน 4 มิติใน BCG Model ที่เป็นข้อต่อ และประเทศไทยหายไป เช่น มีกลางน้ำ ปลายน้ำ แต่ไม่มีต้นน้ำ หรือเรามีแต่ต้นน้ำ แต่กลางน้ำไม่มี ทั้งที่กระจายอยู่ทั่วโลก GLobal Supply Chain ก็ต้องมาดูกันใหม่”

มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ดัดแปลงและผลิตหมวกอัดอากาศป้องกันการติดเชื้อความดันบวก(PAPR)
ข้อมูลที่ได้มานั้นจะทำให้เราผลักดันได้ถูกต้อง เช่น เรื่องของอาหาร ประเทศไทยควรมีทั้งต้นน้ำ และกลางน้ำ จึงจะพึ่งพาตัวเองได้ ส่วนในเรื่องการแพทย์และสาธารณสุข Medical Supply หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ เวชภัณฑ์ ตัวไหนที่สำคัญที่ประเทศไทยต้องมีครบวงจร

ดร.สุวิทย์ บอกว่า การจะไปถึงตรงนั้นได้ ต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการวิจัย ซึ่งเดิมการวิจัยที่มีอยู่จะไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนา การผลิต การทดแทนการนำเข้า และการส่งออก แต่การวิจัยจากนี้ไปต้องตอบโจทย์ที่เราต้องการได้จริง

ที่สำคัญจะต้องเปลี่ยนการทำงานวิจัยให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่นำไปสู่การสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้ได้!

“การวิจัยที่ อว.จะดำเนินการจะต้องออกมาเป็นนวัตกรรม อย่างน้อยก็เพื่อตลาดในประเทศ ทดแทนนำเข้า เช่น เครื่องมือแพทย์ ยา วัคซีน เพื่อให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงบริการทางการแพทย์ ไม่งั้นโครงการบัตรทอง เจ๊งแน่ๆ และหากผลิตมาได้ก็เท่ากับยืนบนขาตัวเองได้“

สำหรับงบประมาณของ อว.ปี 2564 จำนวน 2 หมื่นกว่าล้าน และยังมีส่วนของมหาวิทยาลัยต่างๆ จะเน้นไปที่การทำวิจัย Research เพื่อนำไปสู่ R&D คือการวิจัยและพัฒนา จากนั้นต้องนำไปสู่อุตสาหกรรม Manufacturing ซึ่งหมายถึงต้องผลิตให้ได้ เพื่อเข้าสู่ตลาดการค้าในอนาคต

“อว.ร่วมกับ บริษัท SCG บริษัทโตโยต้า และอีกหลายองค์กร ร่วมกันถอดรหัสเครื่องช่วยหายใจและยังมีเรื่องของ N95 ที่ รพ.วชิระ และจุฬาฯ ร่วมกันทำเพื่อผลิตมาใช้”

นอกจากนี้ บริษัท สยามไบโอโซเอนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยาชีววัตถุแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย ที่สามารถผลิตยาได้ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำจนปลายน้ำ ได้ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวง อว.และมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้พัฒนาและผลิตชุดตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบ RT-PCR เพื่อตรวจว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ และรู้ผลด้วยเวลารวดเร็ว

“อว.ได้ให้ทุนในการวิจัย ร่วมกับบริษัท สยามไบโอโซเอนซ์ รพ.รามาฯ วิจัย RT-PCR จนออกมาเป็น Gold Standard เป็นมาตรฐานโลกแล้ว นายกฯ ยังได้มอบชุด RT-PCR ที่ไทยผลิตได้เอง ให้แก่ทุกประเทศสมาชิกอาเซียนประเทศละ 10,000 ชุด”

ขณะเดียวกัน กระทรวง อว.ได้นำคณะวิศวกรรมศาสตร์ 65 แห่ง และคณะแพทยศาสตร์ 22 แห่ง ที่สังกัดกระทรวง มาประชุมหารือ แล้วไปร่วมทุนกับเอกชน จนทำให้มีเครื่องมือ RT-PCR ออกมา แล้วก็ยังมีอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ เช่นกัน

ชุดตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบ RT-PCR

นายกรัฐมนตรี  ได้มอบชุด RT-PCR ที่ไทยผลิตได้เอง ให้กับทุกประเทศสมาชิกอาเซียนประเทศละ 10,000 ชุด”
“อุปกรณ์ทางการแพทย์บางอย่างเรามีต้นแบบแล้ว แต่บางอุปกรณ์ยังต้องพัฒนาเทคโนโลยี บางเรื่องยังต้องแกะรหัส ถอดรหัสออกมา และบางอุปกรณ์เช่น เครื่องช่วยหายใจลิขสิทธิ์ของเขาสิ้นสุด ก็จะเข้าสู่ Open Innovation คือเปิดให้ใครก็ได้ทั้งโลกใช้นวัตกรรมนี้ เราก็จะเอามาทำ Reverse Engineer คือเราเอามาแกะแบบ แล้วทำออกมาให้ดี อีกไม่นานจะได้เห็นเครื่องมือแบบนี้เราจะถูกกว่าประเทศอื่นๆ ครึ่งหนึ่ง”

ตัวอย่างเช่น เครื่องกรองอากาศที่จัดส่งอากาศ (Powered Air Purifying Respirators : PAPR ที่แพทย์ใช้ติดต่อในห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 เพื่อป้องกันการสัมผัสกับเชื้อโรค ช่วยป้องกันและลดโอกาสติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นอุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ และมีการผลิตในอเมริกา และยุโรป เช่น 3M, Sundstrom, MSA, Uvex, Umatta เป็นต้น ก็เป็นอุปกรณ์สำคัญที่แพทย์และวิศวกรได้มีการนำมาช่วยกันถอดรหัส

“เราต้องดูมอเตอร์ ชิ้นส่วนต่างๆ การไหลของลม แล้วเราก็จะออกแบบกันใหม่ ซึ่งเครื่องนี้หลายมหาวิทยาลัยก็ถอดรหัสกันอยู่เพียงแต่ว่าจะเลือกของประเทศไหนเป็นต้นแบบเท่านั้น ถ้าทุกอย่างเสร็จก็จะมีการเปิดตัว และบริษัทในไทยที่สนใจจะผลิตก็ต้องแจ้งที่สถาบันที่ทำต้นแบบขึ้นมา”


รัฐมนตรี อว. ระบุว่า ไม่เพียงเรื่องของอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เราสามารถผลิตตัวต้นแบบออกมาได้แล้ว ก็จะนำไปสู่การลงทุน แต่ยังมีเรื่องของยา ที่จะต้องมีการวิจัยและพัฒนา เมื่อสำเร็จทั้งเรื่องของยาและอุปกรณ์ต่างๆ ก็จะให้บริษัทเอกชนไทยเป็นผู้ลงทุน หรือร่วมลงทุน และอาจมีการดึงต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนก็ได้ โดยที่รัฐไม่ควรเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด

ดังนั้น เรื่องของนวัตกรรมด้านสุขภาพและทางการแพทย์ จึงเป็นมิติสำคัญที่ทาง กระทรวง อว. เตรียมความพร้อมที่จะผลักดันเข้าสู่อุตสาหกรรมต่อไป ส่วนอีก 3 มิติ ทั้งด้านความมั่นคงด้านอาหารและการเกษตร ความมั่นคงด้านพลังงาน รวมทั้งด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ทุกอย่างจะนำไปสู่การวิจัยเชิงระบบที่จะต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ต่อไป!




กำลังโหลดความคิดเห็น