xs
xsm
sm
md
lg

Fake News เสี้ยมขัดแย้งศาสนาต้นตอจากธรรมกาย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดวิธีการสร้างข่าวเท็จของกลุ่มศิษย์ธรรมกาย เสี้ยมความขัดแย้งทางศาสนา อ้างอิสลามยึดครองประเทศ ทำลายวัดพระธรรมกายเท่ากับทำลายพุทธ ใครเป็นโต้โผโดนหมด ตั้งแต่เปลี่ยนข้อมูลศาสนา บิดข้อมูลกระทรวงศึกษาบังคับเรียนอิสลามทั่วประเทศ อ้างภรรยานายกฯ เป็นเลขาธิการใหญ่ สำนักงานอิสลามภาคพื้นเอเชียใต้ กุเรื่องพลเอกอภิรัชต์เตรียมถล่ม BRN จนถึงห้องละหมาดในรัฐสภา เป้าหมายหลักลดความน่าเชื่อถือรัฐบาล

ขบวนการสร้างข่าวเท็จหรือ Fake News นั้นมีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสายงานที่เกี่ยวข้องกับคดีความที่เกิดขึ้นกับพุทธศาสนา ปฏิเสธไม่ได้ว่าการสร้างข่าวเท็จหรือการบิดเบือนข้อมูลเพื่อลดความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้ามนั้น เริ่มเห็นเพิ่มขึ้นจากกรณีของวัดพระธรรมกายที่เกิดคดีของพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาส ที่ไปเกี่ยวข้องกับกรณีการทุจริตในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โดยนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานสหกรณ์และเป็นอดีตไวยาวัจกรของวัดพระธรรมกาย

ฝ่ายที่เดินเครื่องรุกเอาผิดกับวัดพระธรรมกายอย่างนายไพบูลย์ นิติตะวัน ในรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาสภาปฏิรูปแห่งชาติ ช่วงปี 2558 ได้ตรวจสอบกรณีของวัดพระธรรมกาย ในเรื่องการปราชิกจากคดีความในอดีต รวมถึงคำสอนของวัดที่ไม่ได้เป็นไปตามพระไตรปิฎก จนถูกฝ่ายตรงข้ามถล่มนายไพบูลย์ในโซเชียลอย่างหนัก ด้วยการกล่าวหาว่านายไพบูลย์นับถือศาสนาอิสลามแล้วจะมาแก้ปัญหาให้กับชาวพุทธ

นายไพบูลย์ นิติตะวัน - นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ
ครั้งนั้นมีทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านสื่อออนไลน์เข้าไปแก้ไขข้อมูลเรื่องการนับถือศาสนาของนายไพบูลย์ในเว็บไซต์ wikipedia เปลี่ยนจากนับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาอิสลาม รวมถึงคณะทำงานด้านศาสนาก็ถูกเปลี่ยนเช่นเดียวกัน เพื่อนำมาใช้โจมตีว่าบุคคลเหล่านี้เข้ามาทำงานเพื่อทำลายพระพุทธศาสนาแล้วแชร์ข้อมูลเท็จเหล่านี้ไปยังสมาชิกในทุกช่องทางของสื่อออนไลน์

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่มีพันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ เป็นผู้อำนวยการฯ ที่รุกคืบคดีความของวัดพระธรรมกาย นายสุวพันธุ์ก็ถูกเปลี่ยนข้อมูลว่านับถือศาสนาอิสลาม และนำมาใช้โจมตีบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ของกลุ่มลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย

กรณีของนายสุวพันธุ์นั้นอาจไม่เผยแพร่กว้างขวางเหมือนกับนายไพบูลย์ เพราะไม่ใช่เป้าหมายใหญ่เหมือนนายไพบูลย์ และได้โจมตีการทำงานของพันตำรวจโทพงศ์พรและภรรยา


ปลอมข่าวบังคับเรียนอิสลามทั่วประเทศ

กรณีต่อมาเป็นการบิดเบือนข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้การทำงานของคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะบรรจุวิชาอิสลามศึกษาไว้ในโรงเรียนทั่วประเทศ กลุ่มอปพส. เพื่อสันติภาพ ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อ 3 พฤศจิกายน 2562 ขอให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้ทบทวนและยกเลิก การนำ วิชาอิสลามศึกษาเข้ามาบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนของทุกโรงเรียนในสังกัดในทันที

ด้วยการนำเอกสารหนังสือที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ต้องการสำรวจโรงเรียนที่สอนศาสนาอิสลามเพื่อนำมาประกอบการทำงานงบประมาณปีต่อไป เพื่อต้องการทราบว่ามีทั้งหมดกี่โรงเรียน มาบิดเบือนข้อมูล

ทีมงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวว่า เรามองว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคง เพราะจะมีการสร้างความแตกแยกระหว่างสองศาสนา ทั้งนี้เป็นข้อมูลการสำรวจโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่สังกัดสพฐ. โดยมีเงื่อนไขว่าถ้ามีนักเรียนมุสลิมเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปให้ห้องเรียนสอนศาสนาอิสลามโดยเฉพาะให้กับเด็ก โดยให้เฉพาะนักเรียนที่เป็นมุสลิมมาเรียนเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับนักเรียนที่เป็นไทยพุทธ
แต่มีการนำไปเผยแพร่ว่าคุณหญิงกัลยาบังคับให้เรียน และยุยุงปลุกปั่นให้คนที่นับถือศาสนาพุทธมาร่วมลงชื่อคัดค้าน ซึ่งสิ่งที่กระทำนี้ถือว่าเข้าข่ายมีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560

กระทรวงศึกษาธิการได้ยื่นหนังสือถึง พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เรื่องขอความร่วมมือตรวจสอบและระงับข่าวปลอมเรื่องการบังคับใช้หลักสูตรอิสลามในโรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด และกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และได้ส่งเรื่องต่อให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตรวจสอบกรณีมีผู้นำข้อมูลที่บิดเบือนไปเผยแพร่


ผบ.ทบ.ยังโดน

เมื่อกระทรวงศึกษาธิการได้ยื่นเรื่องการปลอมข่าวบังคับเรียนวิชาอิสลามทั่วประเทศ ต่อพลเอกอภิรัชต์ได้ไม่นาน พบว่ามีการทำ  Infographic ด้วยการนำภาพของพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยการใส่ข้อความ“ผมจะไปถล่มกลุ่ม BRN ด้วยมือผมเอง.....” เมื่อ 15 พฤศจิกายน 2562 โดยทางกองทัพบกได้ยืนยันว่า พลเอกอภิรัชต์ ไม่เคยให้ความคิดเห็นในลักษณะนี้ ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อหรือส่งต่อ เพราะเป็นการสร้างข้อความเท็จ และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

“เราประเมินว่าเป้าหมายของพวกเขาเพื่อเพิ่มความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนระหว่างกองทัพบกกับกลุ่มก่อความไม่สงบ เพราะต้องการนำมาใช้เพื่อโจมตีรัฐบาลถึงความล้มเหลวในการแก้ปัญหาพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา”

โจมตีภรรยาพลเอกประยุทธ์

จากนั้นมีการปล่อยข่าวว่ารองศาสตราจารย์นราพร จันทร์โอชา ภรรยาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ สำนักงานอิสลามภาคพื้นเอเชียใต้ เครื่องหมายพระจันทร์เสี้ยวเพชร เมื่อ 18 ธันวาคม 2562

ครั้งนั้นพลเอกประยุทธ์ ได้ออกมาตำหนิข่าวปลอมดังกล่าว พร้อมทั้งยืนยันว่าครอบครัวนับถือศาสนาพุทธ และเครื่องประดับตัว C ย่อมาจากจันทร์โอชา ไม่ใช่เครื่องหมายพระจันทร์เสี้ยวแต่อย่างใด

กรณีของพลเอกประยุทธ์และครอบครัว ตกเป็นเป้าในการบิดเบือนข่าวว่าเป็นอิสลามหรือให้การสนับสนุนอิสลามมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ รวมถึงการโจมตีว่าออกนโยบายที่เอื้อต่อศาสนาอิสลาม


แค่ป้ายเดียวก็ป่วนได้

หนึ่งในคณะทำงานของ อปพส.เพื่อสันติภาพ ได้โพสต์ข้อความเมื่อ 21 ธันวาคม 2562 ว่า ทำไมต้องมีห้องละหมาดใน รัฐสภา ทุกชั้น? ต้องการจะยึดสถานที่ราชการแล้วใช่ไม่? ต้องการให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเคยชินกับอิสลาม เป็นอิสลามกันหมด จะได้เผยแพร่อิสลามไปทุกหน่วยงานทั่วประเทศได้ง่ายๆ ใช่หรือไม่? เอาสถานที่ เอาเวลา ของทางราชการมาใช้ส่วนตัว ถูกต้องหรือไม่? ต้องการครอบงำจิตใจคนไทยพุทธให้นับถืออิสลามใช่ไม่? ต้องการทำให้ไทย กลายเป็นรัฐอิสลามแล้วใช่ไม่?

ครั้งนั้นกลุ่มอปพส.เข้ายื่นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการชุดต่าง ๆ และได้ถ่ายภาพห้องละหมาดที่รัฐสภา และได้นำมาขยายความผ่านเครือข่ายออนไลน์ของทางกลุ่ม


เมื่อแตะธรรมกาย

สำหรับ Fake News ของกลุ่มที่เคลื่อนไหวด้านพุทธศาสนานั้น ในทางปฏิบัติไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นผู้ออกมาเผยแพร่เป็นรายแรกหรือไม่ แต่มักพบว่าเครือข่ายสังคมออนไลน์ของทางกลุ่มนี้มักเป็นผู้นำมาเผยแพร่ในลำดับต้น ๆ ด้วยจำนวนสมาชิกของเครือข่ายที่ค่อนข้างกว้างขวาง ทำให้สมาชิกหลายคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นในทิศทางเดียวกับข่าวปลอมที่นำเสนอ

รูปแบบที่ใช้ทำ Fake News มีหลายรายรูปแบบ ตั้งแต่การใช้ภาพเพียงภาพเดียวแล้วนำไปบรรยายเพื่อทำให้สมาชิกในเครือข่ายคล้อยตามว่าเป็นจริงตามการนำเสนอ หรือการเข้าไปเปลี่ยนข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม ด้วยวิธีการที่ไม่ยากนัก แล้วบันทึกภาพไว้นำมาเผยแพร่โจมตี อีกรูปแบบหนึ่งต้องใช้งานด้านกราฟิกเข้ามาด้วยการตัดภาพแล้วใส่ข้อความเท็จบิดเบือนหรือเสี้ยมทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ฝ่ายเขาต้องการ

อีกวิธีหนึ่งที่สร้างความน่าเชื่อถือได้มาก นั่นคือการนำเอกสารทางราชการบางส่วนมาเป็นตัวอ้างอิง แต่เป็นการนำเอามาเพียงบางส่วน หรือคัดเลือกเฉพาะข้อความมาอ้างเพื่อสนับสนุนให้ผู้อ่านเห็นว่าเป็นข้อมูลและหลักฐานจริง วิธีนี้จะได้ผลมากเพราะมีความน่าเชื่อถือและกว่าที่จะมีการออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง คนในเครือข่ายเขาก็เห็นคล้อยตามกันไปเกือบทั้งหมดแล้ว

เราพบว่าการสร้างข่าวเท็จที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา เกิดขึ้นหลังจากที่ภาครัฐเข้าไปดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกาย โดยกลุ่มศิษย์วัดกลุ่มหนึ่งที่สร้างเครือข่ายศิษย์วัดด้วยกันผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ แม้กระทั่งพระระดับสูงในวัดพระธรรมกายด้วยกัน ก็ถูกโจมตีว่าเป็นคนที่นับถือศาสนาอิสลามปลอมเข้ามาบวชและดำเนินการให้ร้ายกับพระธัมมชโยจนถูกดำเนินคดี

ขนาดพระในวัดพระธรรมกายยังโดน คนภายนอกที่ถูกมองว่าเป็นคู่กรณีกับวัดพระธรรมกายย่อมต้องถูกโจมตีไปด้วย

อย่าสร้างความขัดแย้ง

ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามที่ติดตามสถานการณ์นี้กล่าวว่า กลุ่มลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกายได้พยายามสร้างภาพใหญ่ให้คนพุทธทั่วไปเห็นว่าศาสนาอิสลามเข้ามาครอบครองประเทศไทย ทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศที่นับถือศาสนาพุทธหวาดกลัว และสร้างความไม่เข้าใจต่อกัน

พวกเขาอ้างเสมอว่าการทำลายวัดพระธรรมกายเท่ากับเป็นการทำลายศาสนาพุทธ ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากผู้นับถือศาสนาอิสลามเป็นเพียงส่วนน้อยของประเทศและที่ผ่านมาทุกศาสนาในประเทศไทยก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ จนมาเกิดเหตุความรุนแรงในชายแดนใต้จึงถูกปลุกเอาเรื่องดังกล่าวมาสร้างความขัดแย้ง

ที่จริงคนพุทธและคนมุสลิมในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนก็ยังอยู่ร่วมกันอย่างสงบ แม้จะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ทุกฝ่ายต่างเข้าใจสถานการณ์ คนในพื้นที่ก็ทราบดีว่าวัดพุทธส่วนใหญ่ในจังหวัดชายแดนใต้ล้วนได้รับการอุดหนุนจากวัดพระธรรมกายเกือบทุกแห่ง

การดึงเอาเหตุรุนแรงมาเป็นตัวจุดชนวนหรือการสร้างข่าวเท็จที่เชื่อมโยงมาที่ศาสนาอิสลาม เป้าหมายก็เพื่อต้องการลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลที่เข้ามาดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกายลง

ขณะที่ฝ่ายที่ติดตามสถานการณ์ของวัดพระธรรมกายกล่าวว่า หลายคนก็สงสัยว่าสิ่งที่ศิษย์วัดพระธรรมกายเกี่ยวข้องกับการสร้างข่าวปลอมนั้นผิดกฎหมาย แต่จากหลายกรณีที่ผ่านมาไม่พบการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ทำได้เพียงการสร้างทีมงานตรวจสอบว่าเป็นข่าวปลอมออกมาสกัดกั้นเท่านั้น



กำลังโหลดความคิดเห็น