xs
xsm
sm
md
lg

เวียดนามจัดหนัก ! ให้เช่าที่ดินสูงสุด 70 ปี ดึงนักธุนกิจไทย ลงทุนใน “ก่าเมา”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เวียดนาม” เสนอสารพัดสิทธิพิเศษ จูงใจนักลงทุนต่างชาติ ยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้าง ให้เช่าที่ดินได้นานสุดถึง 70 ปี ชี้ธุรกิจท่าเรือ ท่องเที่ยว ผลิต-ส่งออกอาหารทะเล และโรงไฟฟ้าพลังลม มาแรง ! “รองผู้ว่าฯก่าเมา” เผย ไทย-เวียดนาม-กัมพูชา จับมือร่วมพัฒนา “เส้นทางอาร์สิก” เชื่อมการค้า 3 ประเทศ เร่งขยายท่าเรือที่ “นำกัง” รองรับการเดินเรือจาก จ.ตราด ขณะที่ 2 ธุรกิจยักษฺใหญ่ของไทย บุกลงทุนแล้ว

กล่าวได้ว่าการค้าการลงทุนในเวียดนามเป็นสิ่งที่นักลงทุนจากทั่วโลก โดยเฉพาะนักลงทุนไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะขณะที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจขาลง แต่การค้าการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามกลับยังคงคึกคัก โดยปีนี้ (2562) เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตราว 6.8% และคาดว่าในปีหน้า (2563) อัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 6.7% โดยมีปัจจัยจากการส่งออกและความต้องการบริโภคภายในประเทศเป็นแรงหนุน โดยเฉพาะการบริโภคของภาคเอกชนที่ได้อานิสงส์จากตลาดแรงงานภายในประเทศ ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับปานกลางซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี อีกทั้งนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลเวียดนามยังเป็นเงื่อนไขสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติอีกด้วย

ซึ่งหมุดหมายใหม่ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทยในขณะนี้ก็คือ “จังหวัดก่าเมา” จังหวัดที่อยู่ใต้สุดของประเทศเวียดนามและมีพื้นที่ติดทะเลทั้งด้านทิศตะวันตกและทิศตะวันออก ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะอาหารทะเล เช่น กุ้ง และปูซึ่งมีการส่งออกไปยัง 87 ประเทศทั่วโลก การคมนาคมที่สะดวกสบาย ทั้งทางรถ ทางเรือ และเครื่องบิน เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากสนามเกิ่นเทอซึ่งมีสายการบินของไทยบินตรงไปลงด้วย ที่สำคัญยังเป็นพื้นที่ซึ่งรัฐบาลเวียดนามเล็งเห็นว่ามีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงจึงมุ่งส่งเสริมการลงทุนอย่างเต็มที่โดยได้ออกมาตรการต่างๆเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก

นายเล วัน สือ รองผู้ว่าราชการจังหวัดก่าเมา
นายเล วัน สือ รองผู้ว่าราชการจังหวัดก่าเมา เปิดเผยว่า จังหวัดก่าเมามีความตื่นตัวอย่างมากในการส่งเสริมการลงทุน และอยากให้นักลงทุนต่างชาติเห็นถึงศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจในก่าเมา โดยสิทธิพิเศษสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนนั้นจะมีทั้งสิทธิเรื่องภาษี การเช่าที่ดิน รวมถึงการอำนวยความสะดวกต่างๆเพื่อผลักดันให้โครงการของผู้ประกอบการต่างชาติที่เข้ามาลงทุนเกิดขึ้นได้จริง

สิทธิพิเศษสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในก่าเมา ได้แก่

1.อัตราภาษีพิเศษ และการยกเว้นภาษี โดยระยะเวลาในการลดหย่อนและยกเว้นภาษีนั้นขึ้นอยู่กับว่าลงทุนในธุรกิจอะไร ลงทุนในเขตไหนของก่าเมา ที่สำคัญจะมีการยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้างให้ด้วย

2.สิทธิพิเศษในการเช่าที่ดิน โดยนักลงทุนจะได้รับการยกเว้นหรือลดค่าเช่าที่ดินและเช่าพื้นที่ผิวน้ำ รวมถึงค่าธรรมเนียมในการใช้ที่ดิน ซึ่งการยกเว้นหรือลดหย่อนค่าเช่าที่ดินนั้นจะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดในแต่ละเขตการลงทุนและพื้นที่การลงทุน โดยระยะเวลาการเช่าที่ดินนั้นจะพิจารณาบนพื้นฐานของโครงการที่ลงทุน แต่ทั้งนี้ไม่เกิน 50 ปี

“ อย่างไรก็ดี มีข้อยกเว้นสำหรับโครงการที่ใช้เงินลงทุนจำนวนมาก แต่คืนทุนช้า หรือโครงการที่ลงทุนในพื้นที่ที่ยากลำบาก ซึ่งแน่นอนว่าย่อมต้องใช้เวลาในการสร้างธุรกิจ ทางจังหวัดก็ขยายระยะเวลาการเช่าที่ดินให้ แต่ไม่เกิน 70 ปี ทั้งนี้หากระยะเวลาการใช้ที่ดินสิ้นสุดลง แต่ผู้ลงทุนยังประสงค์ที่จะใช้ที่ดินต่อ รัฐก็จะพิจารณาขยายระยะเวลาการใช้ที่ดินให้เป็นกรณีไป ” รองผู้ว่าราชการจังหวัดก่าเมา กล่าว

แหลมก่าเมา ใต้สุดของประเทศเวียดนาม
สำหรับมาตรการในการส่งเสริมการลงทุนและอำนวยความสะดวกจากภาครัฐนั้น นายเล วัน สือ อธิบายว่า ทางจังหวัดจะอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆเพื่อให้นักลงทุนสามารถดำเนินโครงการได้อย่างรวดเร็ว มีการสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเช่น ถนน ระบบไฟฟ้าในเขตอุตสาหกรรม และในพื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการของผู้ลงทุน ในระหว่างการดำเนินงานหน่วยงานท้องถิ่นพร้อมที่จะรับข้อเสนอแนะจากนักลงทุน และจะนำข้อเสนอดังกล่าวรายงานต่อคณะกรรมการจังหวัดก่าเมา และหน่วยงานที่มีอำนาจเพื่อพิจารณาต่อไป

นอกจากนั้นผู้บริหารในหน่วยงานต่างๆของก่าเมาได้มีการจัดประชุมร่วมกับบริษัทที่มาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อรับฟังความคิดเห็นและนำมาพัฒนา แก้ไขปัญหาอุปสรรคให้แก่นักลงทุนได้อย่างรวดเร็ว ผู้นำของก่าเมาสนับสนุนการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอย่างเต็มที่ มีการติดตาม พูดคุยและแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งได้มีการตั้ง “ศูนย์สนับสนุนการค้าและการลงทุน” ซึ่งมีหน้าที่สนับสนุนนักลงทุนตั้งแต่เริ่มมีไอเดียที่จะมาลงทุนในก่าเมา และช่วยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บริษัทนั้นๆมีโปรเจคเกิดขึ้นให้ได้

เนื่องจากก่าเมาเป็นพื้นที่ที่มีความสวยงาม ติดทะเลทั้งด้านตะวันออกและตะวันตก รัฐจึงสนับสนุนให้ก่าเมาพัฒนาการค้าการลงทุนด้านต่างๆ โดยเฉพาะกิจการท่าเรือ ธุรกิจท่องเที่ยว การผลิตและส่งออกอาหารทะเล พลังงานทางเลือก เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าจากสิ่งเหลือใช้

ทั้งนี้ในส่วนของพลังงานลมนั้น เวียดนามได้รับการประเมินจากธนาคารโลก ว่า มีศักยภาพในการพัฒนาไฟฟ้าจากพลังงานลมถึง 27 กิกะวัตต์ ณ ระดับความเร็วลม 7-9 เมตร/วินาที ที่ระดับความสูง 65 เมตร โดยปัจจุบัน มีโครงการไฟฟ้าพลังงานลมที่ได้รับการอนุมัติและดำเนินการผลิตแล้วไม่ต่ำกว่า 7 โครงการ โดยกระจายอยู่ในหลายจังหวัด ซึ่ง จ.ก่าเมาก็เป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีศักยภาพลมสูงเช่นกัน

“ธุรกิจหลักๆที่มีการลงทุนในก่าเมาในขณะนี้ได้แก่ ธุรกิจเกี่ยวกับอาหารทะเล ธุรกิจการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในเส้นทางทางทะเล แต่ก็ยังไม่เป็นที่พึงพอใจของคณะทำงานจังหวัดเท่าใดนัก เพราะยังล่าช้าอยู่ เราอยากให้มีการพัฒนาได้รวดเร็วกว่านี้” นายเล วัน สือ กล่าว


ทั้งนี้ปัจจุบันมีนักธุรกิจไทยเที่เห็นโอกาสและเข้าไปลงทุนในจังหวัดก่าเมาบ้างแล้ว อีกทั้งยังเป็นธุรกิจยักษ์ใหญ่ซึ่งคนไทยรู้จักดี โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดก่าเมา ระบุว่า ขณะนี้หลักๆมีธุรกิจรายใหญ่ของไทยที่เข้าไปลงทุนใน จ.ก่าเมา 2 บริษัทด้วยกัน โดยบริษัทแรกเป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจเกษตร เข้าไปลงทุนใน 2 กิจการ ได้แก่ ฟาร์มแม่พันธุ์กุ้ง ซึ่งลงทุนในเขตนำกัง บนพื้นที่ถึง 32 เฮกต้า หรือ 192 ไร่ (1 เฮกต้าเท่ากับ 6 ไร่) และโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ในเขตอุตสาหกรรมคั้น อาน ซึ่งอยู่ในเขตอู มินห์ จังหวัดก่าเมา โดยทั้ง 2 โครงการยังอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง

ส่วนอีกบริษัทหนึ่งดำเนินกิจการด้านการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม ซึ่งโครงการนี้คณะกรรมการการค้าการลงทุนของ จังหวัดก่าเมากำลังส่งเรื่องให้คณะกรรมการระดับชาติพิจารณา นอกจากนั้นทางบริษัทยังได้เสนอเรื่องการพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากแก๊สธรรมชาติต่อคณะกรรมการฯจังหวัดก่าเมาด้วย ขณะที่จังหวัดก่าเมาก็ได้สร้างระบบการคมนาคมขนส่งเพื่อรองรับและสนับกนุนให้โครงการดังกล่าวสามารถขับเคลื่อนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

ในแง่ของการการคมนาคมขนส่งนั้นจังหวัดก่าเมาก็มีศักยภาพไม่น้อยทีเดียว เพราะนอกจากถนนหนทางในแถบเวียดนามตอนใต้ซึ่งได้รับการพัฒนาอย่างมากแล้ว ยังมีความร่วมมือในการพัฒนาเส้นทางระหว่างประเทศไทย เวียดนาม และกัมพูชาด้วย

การผลิตและส่งออกกุ้ง หนึ่งในธุรกิจหลักของ จ.ก่าเมา
นายเล วัน สือ เปิดเผยว่า ล่าสุดรัฐบาลไทย เวียดนาม และกัมพูชา ได้ตกลงที่จะร่วมกันในการสร้างและพัฒนา “เส้นทางอาร์สิก” ซึ่งเป็นเส้นทางที่จะนำไปสู่การเชื่อมโยงการค้า การพัฒนาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจร่วมกันของทั้ง 3 ประเทศ นอกจากนั้นรัฐบาลของทั้ง 3 ประเทศยังได้มีหารือร่วมกันอย่างต่อเนื่องในเรื่องของการพัฒนาเส้นทางเพื่อส่งเสริมธุรกิจทางทะเล ที่สำคัญประเทศไทยและกัมพูชาต่างก็มีท่าเรือที่มีความพร้อมอยู่แล้ว เวียดนามเองก็มีท่าเรือที่มีความพร้อมโดยอยู่ที่ เกาะฟุก๊วก

สำหรับจังหวัดก่าเมานั้นมีท่าเรืออยู่ที่เขตนำกัง แต่เป็นท่าเรือที่อยู่ลึกเข้าไปในผืนดิน ไม่ได้อยู่บริเวณอ่าวหรือทะเล ซึ่งหากเดินเรือจากอ่าวไทยมาขึ้นที่ท่าเรือที่นำกังก็ดูจะค่อนข้างลำบาก ดังนั้นรัฐบาลทั้ง 3 ประเทศจึงเสนอให้ก่าเมาเร่งดำเนินการขยายท่าเรือในเขตนำกังเพื่อรองรับการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เชื่อว่าหากก่าเมามีการก่อสร้างท่าเรือด้านทิศตะวันตกจะทำให้สามารถรองรับเรือท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆทั่วโลก ซึ่งจะช่วยพัฒนาธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและการค้าของก่าเมาให้ดียิ่งขึ้น

“ หากพิจารณาถึงระยะทางในการเดินเรือระหว่างประเทศไทยกับจังหวัดก่าเมา ของเวียดนาม จุดที่ไทยใกล้กับก่าเมามากที่สุดก็คือจังหวัดตราด และปัจจุบัน จ.ตราด และ จ.ก่าเมา ก็มีการเซ็นข้อตกลงความร่วมมือในหลายๆด้าน อย่างไรก็ดีก่าเมายังต้องปรับปรุงพัฒนาท่าเรือซึ่งอยู่ในเขตนำกังเพื่อให้สามารถรองรับการค้าและการลงทุนที่จะมาจาก จ.ตราด ของไทย และจากกัมพูชา โดยทางจังหวัดก่าเมาได้แจ้งไปยังรัฐบาลเวียดนามให้ช่วยสนับสนุนในการสร้างท่าเรือดังกล่าวด้วย ก่าเมาเตรียมการอย่างจริงจังเพื่อรองรับแผนการพัฒนาและการลงทุนของทั้ง 3 ประเทศ รวมถึงการพัฒนาในอนาคตที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในก่าเมา” รองผู้ว่าราชการจังหวัดก่าเมา ระบุ


กำลังโหลดความคิดเห็น