xs
xsm
sm
md
lg

“เจ้าคุณประสาร-ทนายธัมมชโย” ผงาดอนุกรรมาธิการศาสนา

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

พรรคเพื่อไทยกุมอำนาจในกรรมาธิการศาสนา พรเพ็ญ บุญศิริวัฒนกุล ศิษย์เอกธรรมกาย นั่งรองประธานคนที่ 1 ในกรรมาธิการชุดใหญ่ แถมนั่งประธานในอนุกรรมาธิการ วางหมากสกัดฝ่ายตรงข้าม ที่รายล้อมไปด้วยเพื่อไทยและเครือข่ายเดียวกัน เซอร์ไพรส์แถมตั้ง“เจ้าคุณประสารและทนายความวัดพระธรรมกาย”ร่วมทีม ชี้แบบนี้ไม่ผิดแต่ไม่เหมาะ งานไม่เดิน รัฐจะทำอะไรรู้ล่วงหน้า-เตรียมการทัน


ฮือฮาไม่น้อยสำหรับรายชื่อคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ คณะทำงานชุดเล็กที่อยู่ภายใต้การแต่งตั้งของคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร โดยคำสั่งแต่งตั้งนั้น ชัดเจนให้คณะอนุกรรมาธิการชุดนี้ มีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้

1. พิจารณาศึกษาประเด็นปัญหาตามที่คณะกรรมาธิการมอบหมาย ในเรื่องเกี่ยวกับการอุปถัมภ์ทำนุบำรุงและคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ ที่ทางราชการให้การรับรอง รวมทั้งสร้างศาสนสัมพันธ์เพื่อความสามัคคีและศาสนิกชนสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสันติสุข

2. ให้คณะอนุกรรมาธิการรายงานผลการพิจารณาศึกษาต่อคณะกรรมาธิการทราบเป็นระยะ และจัดทำรายงานผลการพิจารณาศึกษาเสนอต่อคณะกรรมาธิการภายในระยะเวลาที่กำหนด

ทั้งนี้ถือเป็นเรื่องปกติที่คณะกรรมการธิการมักจะแต่งตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาอีกคณะหนึ่ง เพื่อรับมอบหมายงานและศึกษา เหลืองาน ตามที่ได้รับมอบหมาย

เจ้าคุณประสาร-สัมพันธ์ เสริมชีพ

สำหรับรายชื่ออนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ ประกอบด้วยนางพรเพ็ญ บุญศิริวัฒนกุล ประธานคณะอนุกรรมาธิการ นางมนพร เจริญศรี รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง นางสมหญิง บัวบุตร รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่สอง

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร), รศ. ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ นางเยาวนิตย์ เพียงเกษ อนุกรรมาธิการ นางดรัณภัทร วิชชาวุธ อนุกรรมาธิการ นายสัมพันธ์ เสริมชีพ อนุกรรมาธิการ นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ นายคมสรรค์ สุนนทราช ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ

คณะอนุกรรมาธิการชุดนี้เกือบทั้งหมดเป็นคนของพรรคเพื่อไทย นางเยาวนิตย์ เพียงเกษ ภรรยานายอดิศร เพียงเกษ นายเพชรวรรต แกนนำคนเสื้อแดง เชียงใหม่ จากพรรคเพื่อชาติ ถือว่าอยู่ในสายเดียวกัน เพียงแต่แตกพรรคออกมา ในชุดนี้มีเพียงนางดรัณภัทร วิชชาวุธ เท่านั้นที่เคยเป็นผู้สมัครส.ส.ของพรรคประชาชนปฏิรูป ที่ปัจจุบันได้ทำเรื่องขอยุบพรรคไปแล้ว

แต่ที่ประหลาดใจมากที่สุดคือเจ้าคุณประสารหรือพระเมธีธรรมาจารย์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ และนายสัมพันธ์ เสริมชีพ อนุกรรมาธิการ

การประชุมคณะอนุกรรมาธิการศาสนา
พระเป็นอนุกรรมาธิการได้

แม้จะมีเสียงท้วงติงการเข้ามารับตำแหน่งของเจ้าคุณประสาร แต่ได้รับคำตอบว่าก่อนที่จะรับมาเป็นอนุกรรมาธิการฯ ท่านได้ศึกษารายละเอียดมาพอสมควร สรุปได้ว่า ไม่ปรากฏในรัฐธรรมนูญว่าพระสงฆ์เป็นบุคคลต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งดังกล่าว ไม่ปรากฏว่ามีกฎหมายฉบับใด ๆ ของไทยในการห้ามพระสงฆ์เข้าไปดำรงตำแหน่งในอนุกรรมาธิการ โดยเฉพาะในอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ และไม่ปรากฏในกฎหมายสงฆ์และอื่นๆในการต้องห้ามในกรณีนี้

อาตมาปรารภว่าได้ทำการบ้านมาบ้างแล้ว เราจะต้องแยกแยะเรื่องบ้านเมืองกับเรื่องการเมืองให้ออก บ้านเมืองคือส่วนรวมของประเทศชาติ ทุกคนต้องมีส่วนร่วมรวมทั้งพระสงฆ์ก็ไม่เว้น ส่วนการเมืองเรื่องอำนาจ การหาเสียง และผลประโยชน์อื่นใดนั้น จะรวมทั้งการชี้นำทางการเมืองด้วยแล้ว แน่นอนพระสงฆ์ไม่ควรยุ่งเกี่ยว ไม่ควรเกี่ยวข้อง

นอกจากนี้คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ เป็นเสมือนที่ปรึกษาด้านวิชาการแก่คณะกรรมาธิการชุดใหญ่เท่านั้น ไม่มีอำนาจ หน้าที่อะไรมากไปกว่านี้

เป็นอันว่าด้วยคุณสมบัติดังกล่าวไม่มีข้อห้ามพระภิกษุเป็นอนุกรรมาธิการ ดังนั้นท่านจึงสามารถเป็นอนุกรรมาธิการได้ เพียงแต่ที่ผ่านมาแทบจะไม่มีพระภิกษุเข้ามาทำงานให้กับภาคการเมือง แต่ท่านเจ้าคุณประสารก็ได้ออกตัวไว้ก่อนแล้วว่าเป็นงานบ้านเมือง ไม่ใช่งานการเมือง

ถ้าเอาตัวกฎหมายหรือข้อกำหนดมาเป็นตัวชี้วัดสำหรับกรณีนี้นั้น ท่านไม่ได้ติดขัดในเรื่องคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่ง แต่ในแง่ของความเหมาะสมแล้วกรณีนี้อาจอยู่ในพื้นที่สีเทา เนื่องจากเป็นการทำงานร่วมกับนักการเมืองโดยตรง และหากผลของการทำงานชั้นอนุกรรมาธิการได้รับการตอบสนองต่อคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ เรื่องก็จะถูกเสนอเข้าไปสู่การหารือในระดับชาติต่อไป

การเข้าร่วมประชุมที่ผ่านมท่านเจ้าคุณประสารได้เสนอให้ศึกษาและเสนอต่อคณะกรรมาธิการฯ เมื่อ 20 พฤศจิกายน 2562 ใน 3 เรื่องคือ 1.พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา 2.พ.ร.บ.ธนาคารพระพุทธศาสนา และ 3.พ.ร.บ.แม่ชีไทย ซึ่งที่ประชุมอนุกรรมาธิการฯ มีมติรับไปดำเนินการทั้ง 3 เรื่อง

อีกท่านหนึ่งคือนายสัมพันธ์ เสริมชีพ ท่านนี้เป็นทนายความให้กับพระธัมมชโยเมื่อครั้งเกิดคดีที่เกี่ยวพันธ์กับการทุจริตในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โดยนายวิชัย ศรีรักอักษร ได้มีการสั่งจ่ายเช็คจำนวนหนึ่งมาที่พระธัมมชโย จนเป็นที่มาของการใช้มาตรา 44 ต่อวัดพระธรรมกายเพื่อนำตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดี

นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความพระธัมมชโย
ปลุกม็อบพระ-สายแดง

สำหรับเจ้าคุณประสารนั้นท่านเคยเคลื่อนไหวจัดชุมนุมพระจำนวนมากที่พุทธมณฑล เมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2559 เพื่อสนับสนุนให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์หรือสมเด็จช่วง ขึ้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช และยังเป็นคู่ปรับคนสำคัญของอดีตพระพุทธอิสระ เคยเข้าพบพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร การแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ออกไปในแนวทางเดียวกับกลุ่มคนเสื้อแดง และยังท้วงติงการทำงานของรัฐบาลของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี

ท่านเจ้าคุณไม่ชอบรัฐบาล คสช. เพราะแนวทางการทำงานของรัฐบาลไปกระทบกับขั้วอำนาจเดิมในคณะสงฆ์ ท่านหนุนสมเด็จช่วงขึ้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช จนเป็นที่มาของม็อบพระที่พุทธมณฑล

อีกทั้งท่านยังเป็นรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ และมีตำแหน่งเป็นเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ซึ่งงานที่ผ่านมาคนที่ติดตามคงพอทราบว่าท่าทีของศูนย์ฯ เป็นไปในทิศทางใด

นอกจากนี้ท่านยังเป็นคู่ปรับคนสำคัญของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ที่เดินแนวทางการปฏิรูปพระพุทธศาสนาในช่วงรัฐบาล คสช. ปัจจุบันแม้จะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เมื่อมีการแต่งตั้งนายไพบูลย์เป็นคณะกรรมาธิการศาสนา เจ้าคุณประสารได้แสดงความเห็นว่าต้องจับตาดูการทำงานของนายไพบูลย์

ม็อบพระเมื่อ 15 ก.พ. 2559 จากการนำของเจ้าคุณประสาร
วางหมาก-งานไม่เดิน

คณะกรรมาธิการศาสนานับได้ว่าเป็นคณะทำงานที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนหรือปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ได้ภายใต้อำนาจทางการเมือง แต่ภายใต้กรรมาธิการศาสนานายไพบูลย์เป็นเพียงรองประธานคนที่ 2 เท่านั้น รองประธานคนที่ 1 คือนางพรเพ็ญ บุญศิริวัฒนกุล ศิษย์วัดพระธรรมกายจากพรรคเพื่อไทย และเมื่อตั้งอนุกรรมาธิการนางพรเพ็ญได้เข้ามาเป็นประธานอนุกรรมาธิการ อีกตำแหน่งหนึ่ง

ดังนั้นคณะอนุกรรมาธิการชุดนี้จึงอยู่สายเดียวกันเกือบทั้งหมด แม้เจ้าคุณประสารจะปฏิเสธถึงความเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงที่ไม่เกี่ยวข้องกันโดยตรง เนื่องจากเจ้าคุณหนุนสายของพระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม แต่พระผู้ใหญ่ต่างก็หนุนวัดพระธรรมกาย ยิ่งสมเด็จช่วงวัดปากน้ำนั้นเคยประกาศไว้ว่าเป็นวัดพี่วัดน้องกับวัดพระธรรมกายที่นับถือหลวงพ่อสดเป็นครูบาอาจารย์

ขณะที่นายสัมพันธ์เป็นทนายความของวัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโยได้หลบหนีคดี หากรัฐบาลจะมีแนวทางใด ๆ ออกมาที่เกี่ยวข้องกับวงการสงฆ์หรือเร่งคดีความกับวัดพระธรรมกาย แน่นอนว่าพวกเขาย่อมทราบก่อน ทางหนึ่งคือการใช้เวทีสภาผู้แทนราษฎรคัดค้าน อีกทางคือการแจ้งข่าวสารให้ปลายทางได้ทราบเพื่อหาทางรับมือ

“ตอนนี้ในคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ก็แทบจะทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเอา 2 ขั้วมาทำงานร่วมกัน เสนออะไรก็ถูกสกัดหมด ยิ่งอนุกรรมาธิการเกือบทั้งชุดเป็นของเพื่อไทย เพื่อชาติ(เสื้อแดง) แถมมีสายหนุนพระผู้ใหญ่ และสายธรรมกายเข้ามาด้วย ยิ่งทำอะไรไม่ได้ อนุฯ ที่เป็นพวกเขาเสนออะไรมาก็รับลูกกันทั้งหมด แบบนี้ลำบาก”

สังคมจับตา

ท่านเจ้าคุณคงศึกษาเรื่องคุณสมบัติในการเข้ารับตำแหน่งมาเป็นอย่างดี เนื่องจากไม่ได้มีข้อห้ามตามที่ท่านได้กล่าวมา และตำแหน่งอนุกรรมาธิการ ไม่ถือว่าเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ดังนั้นจึงตัดเรื่องสงฆ์กับการเมืองออกไปได้

ทีมกฎหมายที่ให้คำปรึกษาท่านน่าจะเตรียมการมาเป็นอย่างดี จึงไม่มีผิดคุณสมบัติแต่อย่างใด แต่สิ่งที่บุคคลภายนอกมองคือความเหมาะสม ทั้งท่านและทนายอาจไมใช่ผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง แต่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เป็นปัญหาอยู่ การเข้ามาทำงานที่เกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐโดยตรงอย่างนี้ย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกจับตามองจากสังคม

ทั้งนี้เป็นผลมาจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง นักการเมืองที่รับการเลือกเข้ามาย่อมต้องมีโควต้าในการทำงานทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลในคณะกรรมาธิการชุดต่าง ๆ อย่างกรรมาธิการศาสนาก็เป็นอีกชุดหนึ่งที่ฝ่ายการเมืองที่เกื้อหนุนกับพระผู้ใหญ่หมายตาไว้ เพื่อสกัดฝ่ายตรงข้ามด้วยเกรงว่าจะถูกตรวจสอบ การที่มีคนของตัวเองเข้ามาอยู่ในกรรมาธิการหรืออนุฯ ย่อมเป็นเครื่องรับประกันความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี ถือว่าเป็นเกมที่ต่างฝ่ายต้องชิงจังหวะกันและกัน



กำลังโหลดความคิดเห็น