xs
xsm
sm
md
lg

“แก้วสรร”พาเจ้าหนี้สหกรณ์คลองจั่นฯ ร้องก.อ.หลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง “อนันต์ อัศวโภคิน” หนุนธรรมกายฟอกเงิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



- “แก้วสรร” มอบตัวแทนพาเจ้าหนี้สหกรณ์คลองจั่นฯ ร้อง ก.อ. ตรวจสอบ อัยการสั่งไม่ฟ้อง “อนันต์ อัศวโภคิน” บิ๊กแลนด์แอนด์เฮ้าส์ หนุนวัดพระธรรมกาย คดีฟอกเงิน อัยการแจงเหตุไม่ฟ้อง เนื่องจากไม่มีจุดเชื่อมโยงฟอกเงิน แต่คดียังไม่สิ้นสุด

วันนี้ ( 28 พ.ย.) ที่ห้องประชุม 303 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ ชมรมคุ้มครองสิทธิสมาชิกเจ้าหนี้รายย่อยสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งประกอบด้วยผู้เสียหายคดีฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่นฯ นำโดยนายธรรมนูญ อัตโชติ ผู้รับมอบอำนาจแทนผู้เสียหาย กับนายแก้วสรร อติโพธิ ที่ปรึกษากฎหมายชมรมฯ เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)พิจารณาตรวจสอบการสั่งคดี นายอนันต์ อัศวโภคิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้สนับสนุนวัดพระธรรมกาย ในคดีฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่นฯ โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้แทนรับเรื่อง

นายแก้วสรร กล่าวว่า คดีนี้พบการส่งเงิน 321 ล้านบาท เข้ามูลนิธิวัดพระธรรมกาย เป็นเงินจากบัญชีนายอนันต์ที่อ้างว่าขายที่ดินได้ 1 แปลง จึงแบ่งมาถวายทำบุญ

นายแก้วสรร กล่าวต่อไปว่า ดีเอสไอสรุปสำนวนว่าเป็นการฟอกเงิน 3 ครั้ง กลายเป็นเงินถวายวัดทำบุญ แต่อัยการกลับสั่งไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าหลักฐานการกระทำของนายอนันต์ไม่เพียงพอให้ฟังได้ว่าร่วมฟอกเงินกับนายศุภชัย ผู้เสียหายเห็นว่าแม้ความจริงอาจจะตกลงกันให้นายอนันต์ทำเพียงเซ็นใบมอบฉันทะซื้อขายที่ดินและใบฝากถอนเงินธนาคาร ก็ถือเป็นการสมคบแบ่งงานกันทำได้ ส่วนคดีแพ่งที่ยุติไป เพราะนายศุภชัยขายที่ดินเอ็มโฮมแปลงหนึ่ง แล้วนำเงินมาชำระคืนผู้เสียหายครบ 321 ล้านบาท ทำให้อัยการเห็นว่าผู้เสียหายได้เงินครบจากการขายที่ดินแล้ว ที่ดินที่เหลือจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของเอ็มโฮม

ขณะที่นายแก้วสรร ยังเรียกร้องให้นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ในฐานะอดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ มอบอำนาจให้แก่รองอัยการสูงสุดในการสั่งสำนวนคดีนี้แทน เนื่องจากมองว่านายวงศ์สกุลในฐานะอดีตอธิบดีฯ อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการให้คำปรึกษาแนะนำแก่อัยการผู้รับผิดชอบสำนวนมาก่อน ถ้าขณะนั้นเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง ปัจจุบันเป็นอัยการสูงสุดก็ต้องสั่งไม่ฟ้องอีก และตั้งข้อสงสัยประเด็นเหตุผลสั่งไม่ฟ้องที่ว่าคืนเงินไปแล้วที่ดินที่เหลือจึงไม่ใช่ของโจร มีในสำนวนดีเอสไอมาตั้งแต่แรก เมื่ออัยการรับสำนวนแล้วก็สั่งไม่ฟ้องได้เลย แต่กลับมีการสั่งสอบเพิ่มเติม ทำให้คลางแคลงใจว่าวางแผนดึงรอจังหวะกันหรือไม่

ด้านนายประยุทธ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจงว่า คดีนี้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 สั่งไม่ฟ้องตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน แต่กระบวนการยังไม่จบ ขณะนี้เสนอไปยังอธิบดีดีเอสไอพิจารณา ยังไม่ถึงที่สุด จะถึงที่สุดเมื่ออธิบดีดีเอสไอเห็นพ้องด้วย แต่ถ้าดีเอสไอเห็นแย้ง จะส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาด ประเด็นที่อัยการคณะทำงานสั่งไม่ฟ้องนั้น คณะทำงานรายงานว่าศาลแพ่งพิพากษาตามยอมให้คืนเงิน นายอนันต์ถือที่ดิน ก็เห็นว่าไม่มีจุดเชื่อมโยงนายอนันต์ หากดีเอสไอเห็นไม่ตรงกับอัยการ ก็เป็นเรื่องที่ดีเอสไอจะแย้งได้

ส่วนประเด็นอัยการที่สั่งสำนวนนั้น นายประยุทธ ชี้แจงว่า คนสั่งสำนวนคดีนี้คือนายธนวรรษ ว่องไวทวีวงศ์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ไม่ใช่นายวงศ์สกุล โดยหลักการทำงานมีกฎหมายรองรับ มีหน่วยงานตรวจสอบ ออกแบบให้ถ่วงดุลตรวจสอบอยู่แล้ว อย่าเอาความรู้สึกมาประกอบ ส่วนดีเอสไอก็มีอิสระในการพิจารณา ตนไม่รู้ข้อเท็จจริงในสำนวน ทั้งหมดเป็นประเด็นที่ต้องรับฟัง ตนไม่สามารถสรุปได้ โดยหลังจากนี้เมื่อได้รับหนังสือแล้วตนก็จะเสนออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น