จับตาหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ในสเปกของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ต้องรักษาพื้นที่อีสาน มุ่งชนะเลือกตั้ง ทำให้เพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ชี้ 3 รายชื่อแคนดิเดต ‘คุณหญิงหน่อย-พล.ต.อ.ชิดชัย-สมชาย’ ระบุ พล.ต.อ.ชิดชัย มาแรงสุด มีการเจรจากันแล้ว ตั้งเป้าดึง ‘ตำรวจหัวแตงโม-ท้องถิ่น’ หนุนเพื่อไทย แถมได้ ‘น้องชาย’ แกนนำแดงตัวพ่อร่วมด้วย ขณะที่ ‘สมชาย’แม้ศาลฯยกฟ้อง แต่มีจุดอ่อนที่ศรีภรรยา ‘เจ๊แดง’ถูก คสช.-พรรค ปชป.เก็บข้อมูลข่าวลือพัวพันธุรกิจรถหรู คอยถล่ม ส่วน ‘หญิงหน่อย’ ถึงจะสนิทกับสายบิ๊กป้อม แต่ยังคงเป็นมวยรอง!
คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยกฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. คดีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 51 ว่าไม่มีเจตนาให้เกิดความสูญเสียและไม่ได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น ได้สร้างพลังฮึกเหิมและเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถกลับมาทวงคืนอำนาจได้อีกครั้งหนึ่ง
นี่เป็นเพียงคดีแรก ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยมั่นใจและคาดหวังไปถึงคดีจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นจำเลยฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 สิงหาคม ที่จะถึงนี้
หากศาลฯ พิพากษา ยกฟ้อง คดีรับจำนำข้าว ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะยิ่งทำให้พรรคเพื่อไทยและคนในชินวัตรแข็งแกร่งขึ้นเป็นทวีคูณ
แต่หากคำพิพากษาของศาลฯ ออกมาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความผิด และไม่ว่าคำพิพากษาจะให้รอลงอาญาหรือไม่ต้องรอลงอาญาก็ตาม ถือว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ หมดโอกาสกลับเข้ามาสู่สนามการเมืองและนั่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแน่นอน ทั้งหมดนี้จึงอยู่ที่ดุลพินิจของศาลฯ ที่จะชี้ขาดในวันที่ 25 สิงหาคมนี้
“ถึงยกฟ้องคดีจำนำข้าว แต่ยิ่งลักษณ์ก็ยังมีคดีอื่น ๆ ตามมาให้ต้องลุ้นกันต่อไป ขณะที่ สมชาย มีเพียงคดีสลายพันธมิตรเท่านั้น ก็แปลว่า นายสมชาย สามารถดำเนินงานการเมืองได้อย่างคล่องตัว”
ดังนั้นสิ่งที่น่าจับตาต่อไปก็คือใครจะมาเป็น ‘หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่’ ซึ่งจะมีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยจะต้องรับภารกิจสำคัญคือต้องชนะการเลือกตั้งกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งให้ได้ โดยเฉพาะการกวาดพื้นที่ ส.ส.ในอีสานและอย่าให้พรรคใดหรืออำนาจใดมาเจาะไข่แดงได้ !
โดยก่อนหน้านี้มีข่าวร่ำลือกันมาตลอดว่า มีการวางตัว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นผู้นำทัพทำศึกเลือกตั้งครั้งต่อไปซึ่งคาดกันว่าจะประมาณปลายปี 2561
ว่าไปแล้ว คุณหญิงหน่อย ก็น่าสนใจถ้าไม่มีตัวเลือกใหม่ที่ถูกปิดไว้ และวางภารกิจให้เดินสายคุมพื้นที่ภาคอีสานห้ามคนอื่นเจาะฐานได้ เนื่องเพราะคุณหญิงหน่อย เป็นนักการเมืองคู่บุญคู่บารมีกับนายทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่สมัยอยู่พรรคพลังธรรม และทั้งคู่ก็เลือกที่จะเดินออกมาตั้งพรรคใหม่คือ ‘พรรคไทยรักไทย’ พร้อมดึงบรรดาหัวกะทิจากทั่วสารทิศมาสร้างจุดขาย ด้วยการชูยุทธศาสตร์สไตล์ทักษิณ ‘คิดใหม่ ทำใหม่’ ในราวปี 2541 จาก ไทยรักไทย ไปสู่พลังประชาชน และเพื่อไทย ซึ่งสามารถชนะเลือกตั้งมาทุกครั้ง
อีกทั้งคุณหญิงหน่อย จะได้ตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลมาตลอด เพราะด้วยบทบาทในพรรคเป็นที่รับรู้กันว่าเธอมีอิทธิพลสูง มีสมาชิกซึ่งเป็น ส.ส.ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งหมด และจุดเด่นในการเลือกผู้สมัครของเธอคือจะเลือกบรรดา คนรุ่นใหม่ มีการศึกษาสูง ชาติตระกูลดี เข้ามาเป็น ส.ส.และรู้จักที่จะใช้คน รู้จักบริหารสื่อเพื่อสร้างผลงานและทำให้เธอโดดเด่นได้ตลอด
แต่ด้วยวัฒนธรรมองค์กรของพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย ผู้ที่กุมชะตาพรรคก็คือคนในตระกูล ‘ชินวัตร’ ซึ่งเป็นเจ้าของพรรคแต่เพียงผู้เดียว ทำให้ถนนทุกสายต่างวิ่งเข้าหาทุกมุ้งที่เป็นชินวัตร ส่งผลให้ คุณหญิงหน่อย ซึ่งไม่ใช่เลือดชินวัตร ทำงานได้ยากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะปิดโอกาสไปทั้งหมด หากคนชินวัตรต้องคดีและไม่สามารถลงสู่สนามการเมืองได้
ส่วนที่หลายคนมองว่ายังมี ‘เจ๊แดง’ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เจ้าแม่วังบัวบาน ภรรยานายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น่าจะก้าวขึ้นสู่หัวหน้าพรรคได้ เพราะมีแกนนำและสมาชิกในมุ้งนี้จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นายวราเทพ รัตนากร สันติ พร้อมพัฒน์ ธนุศักดิ์ เล็กอุทัย เป็นต้น แต่ข้อเท็จจริงกลับเป็นว่า เจ๊แดง กลายเป็นชินวัตรที่มีจุดอ่อนที่สุด ที่ คสช.และพรรคประชาธิปัตย์เก็บข้อมูลที่พร้อมจะถล่มหรือจัดการได้ตลอดเวลา
แหล่งข่าวบอกว่า ตรงนี้นายทักษิณ ชินวัตร รู้ดี ว่าเจ๊แดงเป็นจุดอ่อนของพรรค และมักจะมีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับความไม่โปร่งใสในการบริหารรวมทั้งผลประโยชน์ต่าง ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องรถหรู ที่หลายคนเชื่อว่าเป็นธุรกิจสีเทา ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีหลักฐานที่พร้อมจะเอาผิดได้เช่นกัน เป็นผลให้เจ๊แดงไม่มีโอกาสที่จะถูกวางตัวเป็นผู้นำพรรคแน่นอน
“เจ๊หน่อย จึงถูกดึงชื่อขึ้นมาเป็นตัวเลือกในการเป็นผู้นำทัพ เพราะด้วยบุคลิกเป็นนักประสานสิบทิศคนหนึ่งที่สามารถต่อสายกับพรรคการเมืองอื่น ๆ และทหารได้ ยังเป็นที่รู้กันว่าเจ๊หน่อยมีความสนิทกับสายพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่จะเป็นตัวช่วยเกื้อหนุนพรรคได้ดีเมื่อถึงเวลาที่ คสช.วางมือ”
คุณหญิงหน่อย จึงถือเป็นเพียงตัวเลือกหนึ่งเท่านั้น!
ขณะที่แหล่งข่าวในภาคอีสาน ระบุว่า คนที่ถูกวางให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตัวจริงกรณีที่คนในชินวัตรไม่สามารถเป็นได้ ก็คือ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับนายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดย พล.ต.อ.ชิดชัย เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 23 ส่วนนายทักษิณ รุ่นที่ 26 และทั้งคู่ยังไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาในช่วงเดียวกันและพักอยู่ด้วยกัน และ พล.ต.อ.ชิดชัย ยังเป็นอดีตรองนายกฯ เบอร์ 1 ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
“พล.ต.อ.ชิดชัย เป็นคนมีความรู้ ความสามารถหลังมีการปฏิวัติรัฐประหาร ปี 2549 ได้กลับไปพัฒนาเมืองอุบลราชธานี ซึ่งเป็นบ้านเกิด มีบทบาทเป็นผู้นำภาคประชาสังคม และยังมีบารมีที่ทำให้บรรดาตำรวจในภาคอีสานให้ความเกรงใจ แม้ว่าบิ๊กป้อม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) จะได้เข้าไปจัดระเบียบตำรวจในภาคอีสานใหม่แล้วก็ตาม แต่พรรคก็ยังเชื่อว่าตำรวจที่มีฉายาว่าหัวแตงโม จะกลับมาอยู่กับพรรคเรา”
อย่างไรก็ดีต้องยอมรับว่าในการเลือกตั้งทุกครั้ง ตำรวจและท้องถิ่นมีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้ง และจากการประเมินและติดตามของพรรคอยู่เป็นประจำทำให้นายทักษิณมีความมั่นใจว่าจะสามารถรักษาฐานเสียงในภาคอีสานไว้ได้ ขณะที่ภาคเหนือก็มั่นใจว่าแกนนำของพรรค รวมไปถึงคนในตระกูลชินวัตร จะช่วยกันรักษาฐานเสียงไว้ให้ใกล้เคียงหรือมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
“พล.ต.อ.ชิดชัย เป็นคนที่นายทักษิณ เชื่อว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคได้ มีการพูดคุยกันแล้ว และยังสนิทกับคุณหญิงอ้อ ที่สำคัญเป็นคนที่รับฟังคำสั่ง ไม่ทะเยอทะยานที่จะสร้างความขัดแย้งและเล่นใต้ดินทำลายคนในชินวัตร และต้องไม่ลืมว่าฐานเสียงไม่ใช่มาจากแค่ตำรวจ หรือท้องถิ่น เขายังมี ‘น้องชาย’ นายแพทย์เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ที่อยู่ขอนแก่น ซึ่งเป็นแกนนำ นปช.อีสานตัวพ่อช่วยในการเลือกตั้งได้ดี”
แหล่งข่าวกล่าวว่า จำนวน ส.ส. เขต 350 คน เมื่อแบ่งตามภาค ภาคเหนือจะมีจำนวน 62 คน ภาคอีสาน 116 คน ภาคกลาง 59 คน ตะวันออก 34 คน ตะวันตก 29 คน ภาคใต้ 50คน หากสามารถรักษาฐานเหนือกับอีสานไว้ได้ ส่วนภาคกลาง พรรคชาติไทยพัฒนา และอดีต ส.ส.ของพรรคอื่น ๆ ที่เซ้งพรรคเข้ามาสังกัดพรรคเพื่อไทยช่วยกันดูแล รวมกับพื้นที่ กทม.ซึ่งแม้จะได้จำนวนต่ำ 10 ที่นั่ง หรือภาคใต้ได้เพียง 1-2 ที่นั่ง ก็น่าจะทำให้โอกาสของพรรคเพื่อไทยเป็นจริงได้
ขณะเดียวกันเมื่อศาลฎีกาฯ ยกฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ทำให้คนในพรรคจำนวนหนึ่งเชื่อว่า นายทักษิณ อาจจะเลือกนายสมชายขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพราะถึงอย่างไร นายสมชาย ก็เป็นสามีของเจ๊แดง ซึ่งถือเป็นชินวัตรสายตรงเช่นกัน แต่ต้องไม่ลืมว่าในพรรคเพื่อไทยนั้นไม่ได้มีแค่นายทักษิณ เป็นผู้ชี้ขาด ยังมีบุคคลสำคัญคือคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร แม้จะบอกว่าไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองก็ตาม
“ถ้าได้สมชายขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค จะเป็นที่ถูกอกถูกใจพรรคประชาธิปัตย์มาก เพราะพรรคนี้เชื่อว่า ชื่อ สมชาย ปลุกกระแสคนอีสานไม่ได้ แถมสมชายเป็นคนใต้ จึงไม่สามารถด่าคนใต้ได้ รวมไปถึงความเป็นสามีเจ๊แดง ซึ่งเป็นจุดอ่อนของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้ง่ายต่อการขุดคุ้ย”
จากนี้ไปต้องจับตาดูว่านายทักษิณ ชินวัตร จะเลือกใครขึ้นมานำทัพในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า จะเป็น 1ใน 3 แคนดิเดต หรือ จะมีตัวเลือกใหม่เข้ามานั่ง แต่ที่แน่ ๆ ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะกลับมาเป็นรัฐบาลใหม่ อาจจะได้เห็นเหตุการณ์ ‘เอาคืน’ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและบรรดา คสช. ตามที่ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทยที่โพสต์ข้อความฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์
“หลังเลือกตั้งตนไม่ปล่อยไว้แน่ ขอให้จำไว้”!