xs
xsm
sm
md
lg

กวาดเรียบศิษย์เอกธรรมกาย วัดพี่-วัดน้องสะเทือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กวาดเรียบศิษย์เอกกระเป๋าหนักของธรรมกายโดนคดีต่างกรรมต่างวาระ กระทบธรรมกายแน่ ส่วนคดีทุจริตงบสำนักพุทธฯ ไพบูลย์ชี้ยังมีอีกเยอะ ด้านคนวงการพุทธศาสนาระบุอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ อิงมหาเถรสมาคม ตั้งข้อสังเกตคดีตรงกับยุคสมเด็จช่วงฯ แถมหลังเกิดเหตุทนายวัดปากน้ำเตรียมฟ้องดีเอสไออ้างเรื่องอัยการยกฟ้องคดีเบนซ์หรู ทั้งที่เรื่องจบไปแล้วกว่า 5 เดือน

17 พฤษภาคม 2560 ออกหมายเรียกนายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์
แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มารับทราบข้อกล่าวหาความผิดฐานสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน ตามมาตรา 5 มาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 จึงแยกการสอบสวนเป็นอีกคดีหนึ่ง ตามคดีพิเศษที่ 10/2560

จากกรณีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 31344 เนื้อที่ 46 ไร่ 3 งาน 56.2 ตารางวา ของบริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด ที่ถูกเทกโอเวอร์โดยนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นในขณะนั้น โดยซื้อที่ราคา 93.78 ล้านบาท ต่ำกว่าราคาประเมินที่ 281 ล้านบาทแล้วขายต่อในราคา 303 ล้านบาท แล้วบริจาคให้กับมูลนิธิคุณยายจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งมีพระธัมมชโย เป็นองค์อุปถัมภ์

8 มิถุนายน 2560 ตำรวจกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สนธิกำลังตำรวจกองปราบปราม ทหาร ตรวจค้นบ้านตามหมายศาล ของเครือข่ายนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และบ้านพักของนางประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คดีทุจริตเงินซ่อมวัด 12 แห่ง

9 มิถุนายน 2560 กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และคณะ เข้าตรวจค้นบ้านพักตากอากาศ 2 หลัง ตั้งอยู่บนยอดเขา ตำบลคลองเคียน อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา หลังได้รับการร้องเรียนว่าบ้านหลังดังกล่าวสร้างโดยมีการบุกรุกพื้นที่ป่า และบ้านหลังดังกล่าวมีการสืบทราบว่าเป็นของศิษย์เอกวัดพระธรรมกาย จากการตรวจสอบพบว่าบัานหลังนั้นเป็นของนายบุญชัย เบญจรงคกุล แต่ได้โอนให้กับอดีตภรรยา

13 มิถุนายน 2560 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีมติอายัดที่ดิน 11 ไร่ของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ผู้รับซื้อที่ดินจากบริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด ซึ่งเป็นแปลงที่มีการปลูกสร้างอาคารบุญรักษาในพื้นที่ใกล้กับวัดพระธรรมกาย

ก่อนหน้านี้ทาง ปปง. ได้อายัดที่ดินของนางสาวอลิสา อัศวโภคิน ลูกสาวนายอนันต์ ที่ซื้อที่ดินจาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร จำนวน 8 แปลง รวมมูลค่ากว่า 114 ล้านบาท
บ้านหรู 2 หลังบนสันเขากลางป่าสงวนแห่งชาติป่าควนโต๊ะหลาและแหลมซำ จังหวัดพังงา ที่นายบุญชัย เบญจรงคกุล เคยเป็นผู้ครอบครอง
ศิษย์เอกธรรมกายโดนเรียบ

คดีที่เกิดขึ้นกรณีแยกได้เป็น 2 สายคือสายของศิษย์เอกวัดพระธรรมกาย ที่มีทั้งการแจ้งข้อกล่าวหากับนายอนันต์ อัศวโภคิน จากการมีส่วนเข้าร่วมในการซื้อที่ดินจากบริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด และในกรณีเดียวกันมีการสั่งอายัดที่ดินที่มีการเปลี่ยนมือไปกับนางสาวอลิสา อัศวโภคิน ลูกสาวนายอนันต์ อายัดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่บุญธรรมของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยาของทักษิณ ชินวัตร

ส่วนการเข้าตรวจค้นบ้านที่ปลูกสร้างบนภูเขาที่จังหวัดพังงา ที่ในทางปฏิบัติไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้ พบว่านายบุญชัย เบญจรงคกุล ศิษย์เอกวัดพระธรรมกายอีกราย เคยเป็นผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าว

อีกสายหนึ่ง ในเรื่องการตรวจค้นบ้านของเครือข่ายอดีตและข้าราชการในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่มีการทุจริตงบประมาณบูรณะซ่อมแซมวัด ด้วยการเรียกเงินคืนจากวัดในอัตรา 75-80% เบื้องต้นเป็นการตรวจสอบช่วงปี 2555-2559
ศิษย์เอกวัดพระธรรมกายที่ถูกดำเนินคดีและอายัดที่ดิน
12 วัดแค่จิ๊บๆ

ทั้งนี้กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ตรวจสอบข้อมูลเงินงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ปี 2555-2559 ที่มีการเบิกจ่าย 33 วัด พบว่าวัดที่เข้าข่ายทุจริต 12 วัด ประกอบด้วยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1 วัด คือ วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดลำพูน 1 วัด คือ วัดพระพุทธบาทตากผ้า จังหวัดเพชรบุรี 1 วัด คือ วัดห้วยตาแกละ จังหวัดชุมพร 1 วัด คือ วัดราชบุรณะ (วัดนอก) จังหวัดอำนาจเจริญ 3 วัด คือ วัดโพธิ์ศรี วัดโคกเลาะ วัดพระศรีเจริญ และจังหวัดลำปาง 5 วัด คือ วัดวัฒนาราม วัดหาดปู่ด้าย วัดทุ่งต๋ำ วัดบ้านอ้อและวัดอุมลอง

โดยมีการตรวจค้นบ้านของเครือข่ายนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และนางประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่มีการทุจริตเงินงบประมาณกว่า 60 ล้านบาท

นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ตอนที่ยังรับหน้าที่อยู่ปี 2558 ได้เสนอให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของวัดนั้น โดยมีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเข้ามาร่วมด้วย แต่การดำเนินงานค่อนข้างช้า แต่สุดท้ายก็เจอเรื่องการทุจริต

“สิ่งที่เห็นนั้นเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น สิ่งที่ยังไม่เห็นยังมีอีกมาก การยุติปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการมีบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายของวัด”
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
สำนักพุทธฯ-ยุคสมเด็จช่วงฯ

ขณะที่แหล่งข่าวจากวงการพระพุทธศาสนากล่าวว่า ที่จริงเรื่องการรับเงินทอนจากวัดมีมานานแล้ว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เขาจะเรียกกันที่ 50% แต่ตอนนี้ได้ขยับขึ้นเป็น 75-80% อย่างในปี 2558 เคยมีการจับกุมนายเสถียร ดำรงคดีราษฎร์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดสงขลา ที่ถูกกล่าวหาว่าเรียกรับเงินจากวัด จำนวน 3.2 ล้านบาท

ในครั้งนั้นนางประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้การยืนยันว่า การกระทำของผู้ต้องหาเป็นการกระทำไปตามอำนาจหน้าที่ อัยการจังหวัดสงขลาจึงสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ

สายของสำนักพุทธฯ มักจะขึ้นกับมหาเถรสมาคมเป็นหลัก พูดง่าย ๆ ว่าอยู่สายสมเด็จช่วงฯ อาจพบนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ไปร่วมงานที่วัดพระธรรมกายบ่อยครั้ง นั่นเป็นเพราะสมเด็จช่วงฯ เคยกล่าวไว้ว่าวัดปากน้ำกับวัดพระธรรมกายถือว่าเป็นวัดพี่วัดน้อง เสมือนว่าเป็นวัดเดียวกัน

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า การตรวจสอบการทุจริตดังกล่าว ระบุว่าอยู่ในช่วงปี 2555-2559 ขณะนั้นสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) อยู่ในคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และเป็นประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ปี 2556 จนขึ้นเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชปี 3 มกราคม 2557-12 กุมภาพันธ์ 2560

การทุจริตดังกล่าวก็อยู่ในช่วงเดียวกัน แม้ว่าในทางปฏิบัติการอนุมัติงบอุดหนุนบูรณะวัดต่าง ๆ จะเป็นอำนาจของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่าต้องให้ผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคมเห็นชอบด้วยเช่นกัน

“ตอนนี้ต้องรอให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ถูกกล่าวหาว่า นำไปเป็นการส่วนตัวหรือส่งต่อไปที่ไหน”

กวาดศิษย์เอกกระทบธรรมกาย

ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากคดีที่เกิดขึ้นกับศิษย์เอกของวัดพระธรรมกายทั้งนายอนันต์ อัศวโภคินและลูกสาว นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ และนายบุญชัย เบญจรงคกุล ย่อมส่งผลกระทบต่อวัดพระธรรมกายไม่น้อย เพราะจากนี้การทำธุรกรรมต่าง ๆ ในวัดพระธรรมกายคงไม่สะดวกเหมือนเดิม อีกทั้งศิษย์เอกเหล่านี้ถือว่าเป็นผู้บริจาครายใหญ่ของวัด

ส่วนกรณีการทุจริตงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แม้ยังไม่พบความเชื่อมโยงมาถึงวัดพระธรรมกายโดยตรง แต่ก็กระเทือนไปยังเสียงข้างมากในมหาเถรสมาคมอยู่ไม่น้อย
อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีรถเบนซ์โบราณ ที่มีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เป็นผู้ครอบครอง
วัดปากน้ำเปิดเกม

มีข้อที่น่าสังเกตว่า คดีรถเบนซ์ของสมเด็จช่วงฯ แม้อัยการสั่งไม่ฟ้องพระมหาศาสนมุนีหรือหลวงพี่แป๊ะ เลขานุการสมเด็จช่วงฯ และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ตั้งแต่ 12 มกราคม 2560 และเรื่องดังกล่าวได้เงียบไประยะหนึ่ง จู่ๆ กลับมีข่าวออกมาว่าสมเด็จช่วงฯ ได้ให้อภัยเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทนายความของวัดกลับออกมาเรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงความรับผิดชอบต่อกรณีการดำเนินคดีเรื่องรถเบนซ์ โดยให้เวลา 15 วันนับตั้งแต่ 10 มิถุนายน 2560 หากไม่ดำเนินการอาจมีการฟ้องกลับกรมสอบสวนคดีพิเศษ

หากมองผ่าน ๆ ดูเหมือนเป็นการปกป้องเกียรติยศและศักดิ์ศรีของทางวัดปากน้ำ แต่น่าคิดว่าคดีจบไปเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว อัยการไม่ฟ้องพระแต่ฟ้องฆราวาสและเอกชน เพียงแต่กรมสอบสวนคดีพิเศษมีหนังสือแจ้งคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องหลวงพี่แป๊ะไปยังวัดปากน้ำเมื่อ 5 มิถุนายน 2560 เป็นเพียงการแจ้งคำสั่งเดิมของอัยการเท่านั้น และบังเอิญที่มีเหตุการณ์ตรวจสอบคดีทุจริตเงินอุดหนุนบูรณะวัด 12 แห่งของอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา

กำลังโหลดความคิดเห็น