“ไม่รู้จักศุภชัย ศรีศุภอักษร” หมอมโนชี้เป็นสูตรสำเร็จของคนธรรมกาย ทั้งอนันต์ อัศวโภคินและพระธัมมชโยพูดเหมือนกัน ศิษย์วัดนี้ต้องทำทุกอย่างเพื่อหลวงพ่อ ทั้งเสี่ยงต่อคุก-ถึงขั้นประกาศยอมตาย แฉช่อง DMC ทำมิวสิกวิดีโอเพลง‘เพื่อพ่อ’ล้างสมอง ไม่ต่างจากลัทธิยึดแต่ผู้นำองค์กร อันตรายหากใช้ในทางที่ผิด
การเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษของนายอนันต์ อัศวโภคิน อดีตประธานเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เมื่อ 5 มิถุนายน 2560 ต่อคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน หลังเกี่ยวข้องกับการทุจริตของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอเวลา 60 วัน เพื่อเตรียมเอกสารหลักฐานเพื่อการชี้แจงกรณีซื้อขายที่ดินกับบริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี 2 จำกัด ที่เกี่ยวข้องกับอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
หลังจากก่อนหน้านี้ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีมติอายัดที่ดิน 8 แปลง มูลค่า 298 ล้านบาทของนางสาวอลิสา อัศวโภคิน ลูกสาวนายอนันต์ ปัจจุบันนางสาวอลิสายินยอมให้มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ ปลูกสร้างอาคารบุญรักษา หรือ อาคารโรงพยาบาลของวัดพระธรรมกาย โดยที่ดิน 8 แปลงดังกล่าว มีที่มาจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งถูกดำเนินคดีจากพฤติกรรมยักยอกทรัพย์สินและฟอกเงิน
สูตรสำเร็จ-ไม่รู้จัก
นับเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อธัมมชโยอีกราย ที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ต่อจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ ต้องโทษในเรือนจำ และอีกรายคือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอยู่ระหว่างหลบหนีคดี
การเข้าพบพนักงานสอบสวนในครั้งนี้ให้เวลานายอนันต์ 60 วัน เพื่อส่งหลักฐานชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา หากหลักฐานที่ฝ่ายผู้ต้องหาชี้แจงฟังไม่ขึ้น หรือไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ จะนัดนายอนันต์ มาพบเพื่อส่งตัวและสำนวนให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษมีความเห็นสั่งฟ้องต่อไป
อดีตประธานเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า การมาพบพนักงานสอบสวนครั้งนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และยืนยันว่าส่วนตัวไม่เคยรู้จักกับนายศุภชัย
“ถือว่าเป็นสูตรสำเร็จของคนวัดพระธรรมกาย ที่นายอนันต์อ้างว่าไม่รู้จักกับนายศุภชัย อย่างกรณีของพระธัมมชโยก็เคยอ้างแบบนี้เช่นกันว่าไม่รู้จักกับนายศุภชัยเมื่อครั้งที่เกิดคดีในช่วงแรก” นายแพทย์มโน เลาหวนิช อดีตพระวัดพระธรรมกายกล่าว
ยอมตายเพื่อหลวงพ่อ
ไม่ใช่เพียง 2 กรณีอย่างที่เราเห็นเท่านั้น แต่ใครที่เป็นศิษย์วัดพระธรรมกายทั้งฆราวาสหรือพระลูกวัด ก็ต้องพร้อมที่จะยอมเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องพระธัมมชโยทั้งสิ้น
เห็นได้จากการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายในปี 2559 ที่ศิษย์วัดพระธรรมกายอ้างว่ามาสวดมนต์แล้วนั่งขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษพร้อมด้วยป้ายยอมตายเพื่อหลวงพ่อ โดยกลุ่มลูกศิษย์ดังกล่าวถูกดำเนินคดี
ตามมาด้วยโฆษกศิษยานุศิษย์หน้าใสของวัดพระธรรมกายอย่างนายองอาจ ธรรมนิทา ที่ให้สัมภาษณ์ตอบโต้บุคคลต่าง ๆ จนถูกดำเนินคดีหมิ่นประมาทบุคคล ไปจนถึงคดีในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (2) และได้เข้ามอบตัวสู้คดี
เสี่ยงต่อคุกเพื่อธัมมชโย
จากนั้นบทบาทของนายองอาจจึงลดลง การแถลงข่าวตอบโต้จึงเป็นหน้าที่ของพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ยิ่งในช่วงที่มีการใช้มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายที่สถานการณ์เข้มข้นขึ้น จึงมีการปลุกระดมพระในเครือข่ายของวัดพระธรรมกายทั่วโลกให้เข้ามาช่วย
จนพระสนิทวงศ์ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
ตามมาด้วยการใช้อำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่งเรียกให้บุคคลมารายงานตัวกับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ณ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ประกอบด้วย 1.พระธัมมชโย หรือ พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ธัมมชโย) 2.พระทัตตชีโว หรือ เผด็จ ทตตชีโว 3.พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ 4.พระปลัดสุธรรม สุธัมโม หรือ พระวิเทศ ภาวนาจารย์ 5.พระครูถวัลศักดิ์ ยติสโก 6.พระครูใบฎีกา อำนวยศักดิ์ มุนิสโก 7.พระครูสังฆรักษ์ อนุรักษ์ โสตถิโก หรือ พระครูแอ 8.พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส 9.พระมหานพพร ปุญญชโย 10.พระภาสุระ ทนตมโน (ใจวงศ์) 11.พระนภดล สิริวโส 12.พระมหาบุญชัย จารุทัตโต 13.พระครูสุวิทย์ สุวิชชาโก 14.พระแสนพล เทพเทพา หรือ สิบเอกแสนพล เทพเทพา
เป็นอันว่าพระระดับแกนนำของวัดพระธรรมกายและลูกศิษย์ต้องต่อสู้คดีที่ถูกกล่าวโทษจากการร่วมกันปกป้องพระธัมมชโย ผู้นำของวัดพระธรรมกาย ที่ยังหลบหนีการจับกุมอยู่
ยอมรับผิดแทนทุกกรณี
อีกกรณีที่สะท้อนถึงแนวปฏิบัติของศิษย์วัดพระธรรมกายนั่นคือ การขอกลับเข้าไปเป็นสมาชิกในองค์กรยุวพุทธโลก ที่เดิมนายแพทย์พรชัย พิญญพงษ์ เคยเป็นประธานอยู่แต่ถูกปลดพร้อมด้วยการระงับการเป็นสมาชิกของมูลนิธิวัดพระธรรมกาย
การเจรจามีพระภาสุระ ทนตมโน 1 ใน 14 รูปที่ต้องไปรายงานตัวต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพร้อมด้วยนายแพทย์พรชัย ทั้งเรื่องการมอบรางวัลให้กับพระพม่าหรือการสนับสนุนกิจกรรมของพระในพม่าที่เคยมีการใช้ความรุนแรงกับชาวโรฮิงญาที่นับถือศาสนาอิสลาม
“ทุกอย่างถูกโยนให้เป็นความผิดของหมอพรชัยทั้งหมด ว่ากระทำไปโดยพลการ โดยที่ทางวัดไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือสนับสนุน ดังนั้นการเป็นศิษย์ธรรมกายก็ต้องรับสภาพ ยอมทำทุกอย่าง ต้องทำเพื่อหลวงพ่อเป็นหลัก” แหล่งข่าวในยุวพุทธโลกกล่าว
ล้างสมอง-ไม่ต่างกับลัทธิ
แหล่งข่าวกล่าวว่า ลูกศิษย์หรือพระลูกวัดในธรรมกายจะต้องทำหน้าที่ในการปกป้องหลวงพ่อของพวกเขา นั่นคือพระธัมมชโย ที่ถือว่าเป็นต้นตำรับของธรรมกาย ไม่ว่าตัวเองจะถูกดำเนินคดีก็ต้องพร้อมปกป้องพระเดชพระคุณหลวงพ่อของพวกเขา
แนวคิดลักษณะนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะช่วงที่เกิดวิกฤตกับวัด แต่มีการปลูกฝังกันมาอย่างต่อเนื่องผ่านคำสอน มีการทำมิวสิกวิดีโอออกมาเพลง เพื่อพ่อ ในช่อง DMC ของวัดพระธรรมกาย เนื้อหาของเพลงเป็นการยกย่องพระธัมมชโย หนึ่งในเนื้อหาของเพลงมีข้อความที่น่าสนใจคือ “เพื่อพ่อลูกทำได้ทุกสิ่ง” และ “หากเป็นความฝันของพ่อ จะทำฝันนั้นให้เป็นจริง”
จึงไม่แปลกใจที่ป้ายข้อความ เรายอมตายเพื่อหลวงพ่อของเรา ช่วงที่มีการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย หรือมีการสร้างเพจพิทักษ์หลวงพ่อด้วยชีวิตขึ้นมา
อย่างกรณีที่มีเช็คที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นโอนเงินมาในบัญชีของพระธัมมชโย ซึ่งในทางกฎหมายนั้นถือว่าท่านมีส่วนร่วมในการฟอกเงิน แต่บรรดาลูกศิษย์กลับรวมตัวกันเรี่ยไรเพื่อนำเงินไปคืนสหกรณ์
รวมไปถึงกรณีการซื้อขายที่ดินของบริษัทเอ็มโฮมเอสพีวี 2 จำนวน 46 ไร่ 3 งาน 56.2 ตารางวา ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ใกล้กับวัดพระธรรมกาย ที่เชื่อมโยงระหว่างนายศุภชัย ศรีศุภอักษร พระธัมมชโย และนายอนันต์ อัศวโภคิน ทางวัดได้นำเงิน 321 ล้านบาทไปคืนให้กับสหกรณ์
“จะเห็นได้ว่ากลุ่มลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกายทำทุกวิถีทาง เพื่อช่วยหรือทำให้สถานการณ์ของพระธัมมชโยดีขึ้น โดยไม่แยกแยะว่าสิ่งที่พระธัมมชโยกระทำนั้นถูกผิด“
รูปแบบนี้ไม่ต่างไปจากองค์กรในต่างประเทศ ที่สมาชิกขององค์กรยอมทำทุกอย่าง เพื่อผู้นำของพวกเขา ไม่ต่างกับลัทธิ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก หากผู้นำองค์กรนั้นทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผิดศีลธรรมหรือผิดกฎหมายบ้านเมือง นับว่าเป็นเรื่องที่น่าห่วงมากสำหรับวงการพระพุทธศาสนา
การเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษของนายอนันต์ อัศวโภคิน อดีตประธานเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เมื่อ 5 มิถุนายน 2560 ต่อคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน หลังเกี่ยวข้องกับการทุจริตของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอเวลา 60 วัน เพื่อเตรียมเอกสารหลักฐานเพื่อการชี้แจงกรณีซื้อขายที่ดินกับบริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี 2 จำกัด ที่เกี่ยวข้องกับอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
หลังจากก่อนหน้านี้ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีมติอายัดที่ดิน 8 แปลง มูลค่า 298 ล้านบาทของนางสาวอลิสา อัศวโภคิน ลูกสาวนายอนันต์ ปัจจุบันนางสาวอลิสายินยอมให้มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ ปลูกสร้างอาคารบุญรักษา หรือ อาคารโรงพยาบาลของวัดพระธรรมกาย โดยที่ดิน 8 แปลงดังกล่าว มีที่มาจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งถูกดำเนินคดีจากพฤติกรรมยักยอกทรัพย์สินและฟอกเงิน
สูตรสำเร็จ-ไม่รู้จัก
นับเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อธัมมชโยอีกราย ที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ต่อจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ ต้องโทษในเรือนจำ และอีกรายคือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอยู่ระหว่างหลบหนีคดี
การเข้าพบพนักงานสอบสวนในครั้งนี้ให้เวลานายอนันต์ 60 วัน เพื่อส่งหลักฐานชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา หากหลักฐานที่ฝ่ายผู้ต้องหาชี้แจงฟังไม่ขึ้น หรือไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ จะนัดนายอนันต์ มาพบเพื่อส่งตัวและสำนวนให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษมีความเห็นสั่งฟ้องต่อไป
อดีตประธานเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า การมาพบพนักงานสอบสวนครั้งนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และยืนยันว่าส่วนตัวไม่เคยรู้จักกับนายศุภชัย
“ถือว่าเป็นสูตรสำเร็จของคนวัดพระธรรมกาย ที่นายอนันต์อ้างว่าไม่รู้จักกับนายศุภชัย อย่างกรณีของพระธัมมชโยก็เคยอ้างแบบนี้เช่นกันว่าไม่รู้จักกับนายศุภชัยเมื่อครั้งที่เกิดคดีในช่วงแรก” นายแพทย์มโน เลาหวนิช อดีตพระวัดพระธรรมกายกล่าว
ยอมตายเพื่อหลวงพ่อ
ไม่ใช่เพียง 2 กรณีอย่างที่เราเห็นเท่านั้น แต่ใครที่เป็นศิษย์วัดพระธรรมกายทั้งฆราวาสหรือพระลูกวัด ก็ต้องพร้อมที่จะยอมเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องพระธัมมชโยทั้งสิ้น
เห็นได้จากการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายในปี 2559 ที่ศิษย์วัดพระธรรมกายอ้างว่ามาสวดมนต์แล้วนั่งขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษพร้อมด้วยป้ายยอมตายเพื่อหลวงพ่อ โดยกลุ่มลูกศิษย์ดังกล่าวถูกดำเนินคดี
ตามมาด้วยโฆษกศิษยานุศิษย์หน้าใสของวัดพระธรรมกายอย่างนายองอาจ ธรรมนิทา ที่ให้สัมภาษณ์ตอบโต้บุคคลต่าง ๆ จนถูกดำเนินคดีหมิ่นประมาทบุคคล ไปจนถึงคดีในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (2) และได้เข้ามอบตัวสู้คดี
เสี่ยงต่อคุกเพื่อธัมมชโย
จากนั้นบทบาทของนายองอาจจึงลดลง การแถลงข่าวตอบโต้จึงเป็นหน้าที่ของพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ยิ่งในช่วงที่มีการใช้มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายที่สถานการณ์เข้มข้นขึ้น จึงมีการปลุกระดมพระในเครือข่ายของวัดพระธรรมกายทั่วโลกให้เข้ามาช่วย
จนพระสนิทวงศ์ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
ตามมาด้วยการใช้อำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่งเรียกให้บุคคลมารายงานตัวกับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ณ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ประกอบด้วย 1.พระธัมมชโย หรือ พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ธัมมชโย) 2.พระทัตตชีโว หรือ เผด็จ ทตตชีโว 3.พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ 4.พระปลัดสุธรรม สุธัมโม หรือ พระวิเทศ ภาวนาจารย์ 5.พระครูถวัลศักดิ์ ยติสโก 6.พระครูใบฎีกา อำนวยศักดิ์ มุนิสโก 7.พระครูสังฆรักษ์ อนุรักษ์ โสตถิโก หรือ พระครูแอ 8.พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส 9.พระมหานพพร ปุญญชโย 10.พระภาสุระ ทนตมโน (ใจวงศ์) 11.พระนภดล สิริวโส 12.พระมหาบุญชัย จารุทัตโต 13.พระครูสุวิทย์ สุวิชชาโก 14.พระแสนพล เทพเทพา หรือ สิบเอกแสนพล เทพเทพา
เป็นอันว่าพระระดับแกนนำของวัดพระธรรมกายและลูกศิษย์ต้องต่อสู้คดีที่ถูกกล่าวโทษจากการร่วมกันปกป้องพระธัมมชโย ผู้นำของวัดพระธรรมกาย ที่ยังหลบหนีการจับกุมอยู่
ยอมรับผิดแทนทุกกรณี
อีกกรณีที่สะท้อนถึงแนวปฏิบัติของศิษย์วัดพระธรรมกายนั่นคือ การขอกลับเข้าไปเป็นสมาชิกในองค์กรยุวพุทธโลก ที่เดิมนายแพทย์พรชัย พิญญพงษ์ เคยเป็นประธานอยู่แต่ถูกปลดพร้อมด้วยการระงับการเป็นสมาชิกของมูลนิธิวัดพระธรรมกาย
การเจรจามีพระภาสุระ ทนตมโน 1 ใน 14 รูปที่ต้องไปรายงานตัวต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพร้อมด้วยนายแพทย์พรชัย ทั้งเรื่องการมอบรางวัลให้กับพระพม่าหรือการสนับสนุนกิจกรรมของพระในพม่าที่เคยมีการใช้ความรุนแรงกับชาวโรฮิงญาที่นับถือศาสนาอิสลาม
“ทุกอย่างถูกโยนให้เป็นความผิดของหมอพรชัยทั้งหมด ว่ากระทำไปโดยพลการ โดยที่ทางวัดไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือสนับสนุน ดังนั้นการเป็นศิษย์ธรรมกายก็ต้องรับสภาพ ยอมทำทุกอย่าง ต้องทำเพื่อหลวงพ่อเป็นหลัก” แหล่งข่าวในยุวพุทธโลกกล่าว
ล้างสมอง-ไม่ต่างกับลัทธิ
แหล่งข่าวกล่าวว่า ลูกศิษย์หรือพระลูกวัดในธรรมกายจะต้องทำหน้าที่ในการปกป้องหลวงพ่อของพวกเขา นั่นคือพระธัมมชโย ที่ถือว่าเป็นต้นตำรับของธรรมกาย ไม่ว่าตัวเองจะถูกดำเนินคดีก็ต้องพร้อมปกป้องพระเดชพระคุณหลวงพ่อของพวกเขา
แนวคิดลักษณะนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะช่วงที่เกิดวิกฤตกับวัด แต่มีการปลูกฝังกันมาอย่างต่อเนื่องผ่านคำสอน มีการทำมิวสิกวิดีโอออกมาเพลง เพื่อพ่อ ในช่อง DMC ของวัดพระธรรมกาย เนื้อหาของเพลงเป็นการยกย่องพระธัมมชโย หนึ่งในเนื้อหาของเพลงมีข้อความที่น่าสนใจคือ “เพื่อพ่อลูกทำได้ทุกสิ่ง” และ “หากเป็นความฝันของพ่อ จะทำฝันนั้นให้เป็นจริง”
จึงไม่แปลกใจที่ป้ายข้อความ เรายอมตายเพื่อหลวงพ่อของเรา ช่วงที่มีการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย หรือมีการสร้างเพจพิทักษ์หลวงพ่อด้วยชีวิตขึ้นมา
อย่างกรณีที่มีเช็คที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นโอนเงินมาในบัญชีของพระธัมมชโย ซึ่งในทางกฎหมายนั้นถือว่าท่านมีส่วนร่วมในการฟอกเงิน แต่บรรดาลูกศิษย์กลับรวมตัวกันเรี่ยไรเพื่อนำเงินไปคืนสหกรณ์
รวมไปถึงกรณีการซื้อขายที่ดินของบริษัทเอ็มโฮมเอสพีวี 2 จำนวน 46 ไร่ 3 งาน 56.2 ตารางวา ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ใกล้กับวัดพระธรรมกาย ที่เชื่อมโยงระหว่างนายศุภชัย ศรีศุภอักษร พระธัมมชโย และนายอนันต์ อัศวโภคิน ทางวัดได้นำเงิน 321 ล้านบาทไปคืนให้กับสหกรณ์
“จะเห็นได้ว่ากลุ่มลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกายทำทุกวิถีทาง เพื่อช่วยหรือทำให้สถานการณ์ของพระธัมมชโยดีขึ้น โดยไม่แยกแยะว่าสิ่งที่พระธัมมชโยกระทำนั้นถูกผิด“
รูปแบบนี้ไม่ต่างไปจากองค์กรในต่างประเทศ ที่สมาชิกขององค์กรยอมทำทุกอย่าง เพื่อผู้นำของพวกเขา ไม่ต่างกับลัทธิ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก หากผู้นำองค์กรนั้นทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผิดศีลธรรมหรือผิดกฎหมายบ้านเมือง นับว่าเป็นเรื่องที่น่าห่วงมากสำหรับวงการพระพุทธศาสนา