เดินเครื่องไม่หยุดเครือข่ายธรรมกาย ล่าสุดสายอ้อมอย่างสมาพันธ์ชาวพุทธฯ ของ ดร.บรรจบ บรรณรุจิ เริ่มปลุกกระแสพระไทยแข็งข้อมหาเถรสมาคม ยกกรณีพระวีระธุของพม่าเป็นต้นแบบ แถมแทรกความขัดแย้งทางศาสนา ด้านภาณุ อุทัยรัตน์ ยันไม่มีความขัดแย้งพุทธ-มุสลิม 3 จังหวัดชายแดนใต้ ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงรับจับตาสายธรรมกาย ยกระดับคดีธัมมชโยให้เป็นวิกฤตพุทธศาสนา หากเกินเลยเตรียมดำเนินการ
ทัพใหญ่อย่างวัดพระธรรมกายจะยังคงอยู่ในสถานะสงบเงียบต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ถือว่าทางวัดยังไม่เพลี่ยงพล้ำแต่อย่างใด เนื่องจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ว่าทางการจะปิดวัดค้นหาแต่ก็ไม่สามารถนำท่านมาดำเนินคดีฟอกเงิน รับของโจร จากกรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นได้
ส่วนคดีทางสงฆ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ส่งเรื่องให้ดำเนินการสึกพระธัมมชโยตามลำดับชั้นจากเจ้าคณะใหญ่หนกลางลงไปตามลำดับชั้น แต่ทุกอย่างนิ่งอยู่ที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
ขณะเดียวกันขบวนการของศิษย์ทั้งสายตรงและสายอ้อม ยังคงเดินหน้าเคลื่อนไหวตามเป้าหมายของแต่ละส่วนงาน เช่น สายของนายแพทย์พรชัย พิญญพงษ์ สายตรงของวัดพระธรรมกาย ที่ถูกขับออกจากตำแหน่งประธานองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (ย.พ.ส.ล.) พยายามที่จะให้มูลนิธิวัดพระธรรมกายขอกลับเข้ามาเป็นสมาชิกในองค์การยุวพุทธฯ โลกอีกครั้ง เนื่องจากมีผลต่อการขยายสาขาของวัดพระธรรมกาย
สมาพันธ์ชาวพุทธฯปลุกพระแข็งข้อ
ส่วนสายอ้อมอย่างสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทยที่เดินไปในแนวทางเดียวกับเจ้าคุณประสาร ในการหนุนสมเด็จช่วงฯ ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช ได้ปรับบทบาทมาเป็นกองหนุนของวัดพระธรรมกายอีกแรง โดยมี ผศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ประธานและนายกรณ์ มีดี เลขาธิการสมาพันธ์ฯ อดีตแกนนำเสื้อแดง นนทบุรี เพิ่งเปิดรับสมาชิกทั่วประเทศอ้างเหตุผลเรื่องการปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา
คราวนี้กลุ่มของสมาพันธ์ชาวพุทธได้ออกมาเคลื่อนไหวด้วยการเสนอบทความผ่านเฟซบุ๊กของสมาพันธ์ฯ ยกตัวอย่างกรณีของพระพม่าที่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของมหาเถรสมาคม
“ทึ่ง! กลุ่มมะพะตะ ไม่ฟังมหาเถรสมาคมของพม่า เพราะอ่อนข้อให้รัฐบาลมากเกินไปจนมองข้ามความมั่นคงของพระพุทธศาสนาและชาติพม่า พระไทยล่ะ! น่าศึกษา....จะอ่อนข้อกันไปถึงไหน?”
เนื้อหาเป็นการกล่าวถึงพระวีระธุ พระชาวพม่าที่เคยมีบทบาทสำคัญในเรื่องเหตุการณ์ความรุนแรงกับชาวโรฮิงญาในประเทศพม่า และเคยได้รับรางวัลจากเครือข่ายของวัดพระธรรมกาย โดยชื่นชมการแข็งข้อของพระวีระธุว่า
ท่านวีระธุประกาศไม่ยอมสยบมหาเถรสมาคมพม่า แรงหนุนจากพระและฆราวาสอุดมการณ์เดียวกันเพียบ เพราะอยู่ใกล้ปัญหาเห็นสภาพปัญหา ซึ่งผิดจากพระมหาเถระที่อยู่ไกลปัญหาและเอาใจรัฐบาล
ความจริงพระพม่าก็คงไม่สนใจสายตาชาวโลกเท่าไร เพราะท่านอยู่ในโลกของท่านเหมือนเถรสมาคมไทย แต่คนที่ทนสายตาชาวโลกไม่ไหวคือ รัฐบาลของอองซาน ซูจี ที่ทนโลกมุสลิมบีบไม่ไหว เพราะนางได้รับยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็นนักสิทธิมนุษยชนจนได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ฉะนั้นโลกมุสลิมจึงเอาจุดแข็งตัวนี้มาทำให้อองซานกลายเป็นมีจุดอ่อนและโจมตีถึงขั้นเสนอให้ยึดรางวัลโนเบลคืน
อองซาน ในที่สุดนางก็เลือกที่จะอ่อนข้อให้เพราะกลัวเสียรางวัลโนเบลและเป็นนักสิทธิมนุษยชนไม่สง่างาม จึงติดต่อกับมหาเถรสมาคมให้ช่วยจัดการกลุ่มมะพะตะและท่านวีระธุ
นับเป็นอีกหนึ่งความพยายามที่จะกระตุ้นให้พระสงฆ์ไม่ต้องปฏิบัติตามมติของมหาเถรสมาคม แม้จะเป็นการยกตัวอย่างจากพระในพม่า แต่จุดประสงค์คือการถามถึงความกล้าของพระสงฆ์ไทย
นอกจากนี้ยังนำเอาประวัติพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาตอกย้ำถึงเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน
นิยมแนวทางพระพม่า
เป้าหมายคือการปลุกพระในสายของวัดพระธรรมกายให้ลุกขึ้นมาต่อกรกับคณะสงฆ์ชั้นปกครองของไทย หลังจากที่พระธัมมชโยถูกดำเนินคดีและถูกปลดสมณศักดิ์ ด้วยการยกตัวอย่างเรื่องของพระวีระธุของพม่ามาเป็นตัวจุดชนวน
ประการแรก สายของธรรมกายส่วนใหญ่มีความใกล้ชิดกับพระวีระธุอยู่แล้ว และชื่นชอบแนวทางของพระจากพม่ารายนี้
ประการที่สอง สายของธรรมกายจำนวนหนึ่งทั้งกลุ่มสมาพันธ์ฯ และกลุ่มตื่นเถิดชาวพุทธ ล้วนแล้วแต่มีมุมมองว่าศาสนาอื่นมีส่วนในการทำลายพุทธศาสนา
ประกอบกับเหตุการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ที่มีพระสงฆ์มรณภาพจากเหตุรุนแรงยิ่งทำให้มีการกระพือข่าวในเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เสนอแนวทางในการตอบโต้ที่รุนแรง จนถูกคำสั่งห้ามและปิดเพซบุ๊กส่วนตัวเป็นการชั่วคราว
งัดคลิป 49 สร้างกระแส
ในเพจของตื่นเถิดชาวพุทธมีการนำเอาคลิปสัมภาษณ์พระบุญมา อาทโร พระสงฆ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ถูกข่มขู่มาโพสต์ รวมถึงข่าวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงทั้งภาคใต้ของไทยและเหตุไม่สงบในประเทศฟิลิปปินส์ ทั้งนี้คลิปพระสงฆ์ไทยนั้นเป็นคลิปเก่าเมื่อปี 2549 ซึ่งหลังจากเกิดเหตุพระรูปดังกล่าวได้ย้ายเข้าไปจำวัดที่ในเมืองแทนเรื่องก็ยุติลง
สิ่งที่เกิดขึ้นนับเป็นการแสดงเจตนาของทางเครือข่ายของทางวัดพระธรรมกาย ที่ใช้มุมมองในด้านลบต่อศาสนาอื่น เพื่อหวังนำมาขยายผล และย่อมเป็นเรื่องง่ายที่ศิษย์วัดนี้จะเห็นคล้อยตาม ซึ่งจะทำให้การสร้างเครือข่ายของเขาทำได้ง่ายขึ้น โดยอาศัยเรื่องการปกป้องพระพุทธศาสนา
ความสัมพันธ์ในส่วนนี้มีกิจกรรมที่สอดคล้องกันแม้จะต่างองค์กร อย่างเช่นกลุ่มนายแพทย์พรชัย ที่หันไปตั้งองค์กรผู้นำพุทธโลก(WABL) ที่ศรีลังกา มักจัดงานเสวนาวิกฤตพระพุทธศาสนาในประเทศไทยมาโดยตลอด
ไม่มีความขัดแย้ง
นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้และอดีตเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) กล่าวถึงกลุ่มที่มีการปลุกระดมให้เกิดความไม่เข้าใจกันระหว่างศาสนาพุทธกับศาสนาอิสลามว่า ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ไม่มีเรื่องความขัดแย้งกันระหว่างศาสนา แม้จะมีความพยายามเชื่อมโยงสถานการณ์
ที่เราห่วงจังหวัดชายแดนใต้ ไมใช่เรื่องศาสนา แต่เป็นเรื่องภายในประเทศ 13 ปีของเหตุการณ์พี่น้องมุสลิมเสียชีวิตมากกวาคนพุทธ ทั้งหมดเป็นเรื่องของคนไม่ดีและเกิดจากกลุ่มผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เรื่องของศาสนาอย่างที่กล่าวอ้าง
ข้อข้องใจที่กลุ่มคนที่ไม่หวังดีนำมาปลุกระดมนั้น เราตอบข้อสงสัยได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องพระราชบัญญัติอิสลามหรือเรื่องอื่น พี่น้องในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้เข้าใจเรื่องนี้ดีไม่มีปัญหาความไม่เข้าใจกัน และทราบดีว่าเป็นเรื่องเท็จ
จับตา ดร.บรรจบ
ด้านแหล่งข่าวความมั่นคง คำกล่าวอ้างที่ว่าพุทธศาสนากำลังมีภัย โดยอ้างเรื่องของศาสนาอื่นมีส่วนหรือกล่าวหาว่าภาครัฐให้การสนับสนุนศาสนาอื่น ยกเรื่องของกฎหมายหรือการอนุญาตสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งรัฐบาลส่งเสริมทุกศาสนา เช่นเดียวกับการที่วัดไทยไปเปิดสาขาในต่างประเทศ
อย่างวัดพระธรรมกายถือว่าเป็นวัดที่มีสาขาในต่างประเทศมากที่สุด เปิดสาขาในประเทศที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ก็มีหลายประเทศ
“ไม่ปฏิเสธว่าเราก็ติดตามดูความเคลื่อนไหวกลุ่มที่นำเอาเรื่องของศาสนาเข้ามาสร้างความขัดแย้งหรือปลุกระดม หากมากไปก็คงต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่าง ดร.บรรจบ ก็คลาดกันหลายโอกาสที่จะทำความเข้าใจกันในเรื่องนี้”
การหยิบยกเอาเรื่องของศาสนาขึ้นมาเป็นประเด็นในการต่อสู้นั้น ถือเป็นเรื่องไม่สมควร เพราะศาสนาพุทธไม่ได้มีภัยหรือเกิดวิกฤตตามที่กล่าวอ้าง และการยกระดับของคดีวัดพระธรรมกายให้ขึ้นมาเป็นวิกฤตของพุทธศาสนานั้นย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาส เกี่ยวข้องกับคดียักยอกเงินในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจริง มีหลักฐานชัดเจน
ทัพใหญ่อย่างวัดพระธรรมกายจะยังคงอยู่ในสถานะสงบเงียบต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ถือว่าทางวัดยังไม่เพลี่ยงพล้ำแต่อย่างใด เนื่องจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ว่าทางการจะปิดวัดค้นหาแต่ก็ไม่สามารถนำท่านมาดำเนินคดีฟอกเงิน รับของโจร จากกรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นได้
ส่วนคดีทางสงฆ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ส่งเรื่องให้ดำเนินการสึกพระธัมมชโยตามลำดับชั้นจากเจ้าคณะใหญ่หนกลางลงไปตามลำดับชั้น แต่ทุกอย่างนิ่งอยู่ที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
ขณะเดียวกันขบวนการของศิษย์ทั้งสายตรงและสายอ้อม ยังคงเดินหน้าเคลื่อนไหวตามเป้าหมายของแต่ละส่วนงาน เช่น สายของนายแพทย์พรชัย พิญญพงษ์ สายตรงของวัดพระธรรมกาย ที่ถูกขับออกจากตำแหน่งประธานองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (ย.พ.ส.ล.) พยายามที่จะให้มูลนิธิวัดพระธรรมกายขอกลับเข้ามาเป็นสมาชิกในองค์การยุวพุทธฯ โลกอีกครั้ง เนื่องจากมีผลต่อการขยายสาขาของวัดพระธรรมกาย
สมาพันธ์ชาวพุทธฯปลุกพระแข็งข้อ
ส่วนสายอ้อมอย่างสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทยที่เดินไปในแนวทางเดียวกับเจ้าคุณประสาร ในการหนุนสมเด็จช่วงฯ ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช ได้ปรับบทบาทมาเป็นกองหนุนของวัดพระธรรมกายอีกแรง โดยมี ผศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ประธานและนายกรณ์ มีดี เลขาธิการสมาพันธ์ฯ อดีตแกนนำเสื้อแดง นนทบุรี เพิ่งเปิดรับสมาชิกทั่วประเทศอ้างเหตุผลเรื่องการปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา
คราวนี้กลุ่มของสมาพันธ์ชาวพุทธได้ออกมาเคลื่อนไหวด้วยการเสนอบทความผ่านเฟซบุ๊กของสมาพันธ์ฯ ยกตัวอย่างกรณีของพระพม่าที่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของมหาเถรสมาคม
“ทึ่ง! กลุ่มมะพะตะ ไม่ฟังมหาเถรสมาคมของพม่า เพราะอ่อนข้อให้รัฐบาลมากเกินไปจนมองข้ามความมั่นคงของพระพุทธศาสนาและชาติพม่า พระไทยล่ะ! น่าศึกษา....จะอ่อนข้อกันไปถึงไหน?”
เนื้อหาเป็นการกล่าวถึงพระวีระธุ พระชาวพม่าที่เคยมีบทบาทสำคัญในเรื่องเหตุการณ์ความรุนแรงกับชาวโรฮิงญาในประเทศพม่า และเคยได้รับรางวัลจากเครือข่ายของวัดพระธรรมกาย โดยชื่นชมการแข็งข้อของพระวีระธุว่า
ท่านวีระธุประกาศไม่ยอมสยบมหาเถรสมาคมพม่า แรงหนุนจากพระและฆราวาสอุดมการณ์เดียวกันเพียบ เพราะอยู่ใกล้ปัญหาเห็นสภาพปัญหา ซึ่งผิดจากพระมหาเถระที่อยู่ไกลปัญหาและเอาใจรัฐบาล
ความจริงพระพม่าก็คงไม่สนใจสายตาชาวโลกเท่าไร เพราะท่านอยู่ในโลกของท่านเหมือนเถรสมาคมไทย แต่คนที่ทนสายตาชาวโลกไม่ไหวคือ รัฐบาลของอองซาน ซูจี ที่ทนโลกมุสลิมบีบไม่ไหว เพราะนางได้รับยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็นนักสิทธิมนุษยชนจนได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ฉะนั้นโลกมุสลิมจึงเอาจุดแข็งตัวนี้มาทำให้อองซานกลายเป็นมีจุดอ่อนและโจมตีถึงขั้นเสนอให้ยึดรางวัลโนเบลคืน
อองซาน ในที่สุดนางก็เลือกที่จะอ่อนข้อให้เพราะกลัวเสียรางวัลโนเบลและเป็นนักสิทธิมนุษยชนไม่สง่างาม จึงติดต่อกับมหาเถรสมาคมให้ช่วยจัดการกลุ่มมะพะตะและท่านวีระธุ
นับเป็นอีกหนึ่งความพยายามที่จะกระตุ้นให้พระสงฆ์ไม่ต้องปฏิบัติตามมติของมหาเถรสมาคม แม้จะเป็นการยกตัวอย่างจากพระในพม่า แต่จุดประสงค์คือการถามถึงความกล้าของพระสงฆ์ไทย
นอกจากนี้ยังนำเอาประวัติพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาตอกย้ำถึงเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน
นิยมแนวทางพระพม่า
เป้าหมายคือการปลุกพระในสายของวัดพระธรรมกายให้ลุกขึ้นมาต่อกรกับคณะสงฆ์ชั้นปกครองของไทย หลังจากที่พระธัมมชโยถูกดำเนินคดีและถูกปลดสมณศักดิ์ ด้วยการยกตัวอย่างเรื่องของพระวีระธุของพม่ามาเป็นตัวจุดชนวน
ประการแรก สายของธรรมกายส่วนใหญ่มีความใกล้ชิดกับพระวีระธุอยู่แล้ว และชื่นชอบแนวทางของพระจากพม่ารายนี้
ประการที่สอง สายของธรรมกายจำนวนหนึ่งทั้งกลุ่มสมาพันธ์ฯ และกลุ่มตื่นเถิดชาวพุทธ ล้วนแล้วแต่มีมุมมองว่าศาสนาอื่นมีส่วนในการทำลายพุทธศาสนา
ประกอบกับเหตุการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ที่มีพระสงฆ์มรณภาพจากเหตุรุนแรงยิ่งทำให้มีการกระพือข่าวในเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เสนอแนวทางในการตอบโต้ที่รุนแรง จนถูกคำสั่งห้ามและปิดเพซบุ๊กส่วนตัวเป็นการชั่วคราว
งัดคลิป 49 สร้างกระแส
ในเพจของตื่นเถิดชาวพุทธมีการนำเอาคลิปสัมภาษณ์พระบุญมา อาทโร พระสงฆ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ถูกข่มขู่มาโพสต์ รวมถึงข่าวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงทั้งภาคใต้ของไทยและเหตุไม่สงบในประเทศฟิลิปปินส์ ทั้งนี้คลิปพระสงฆ์ไทยนั้นเป็นคลิปเก่าเมื่อปี 2549 ซึ่งหลังจากเกิดเหตุพระรูปดังกล่าวได้ย้ายเข้าไปจำวัดที่ในเมืองแทนเรื่องก็ยุติลง
สิ่งที่เกิดขึ้นนับเป็นการแสดงเจตนาของทางเครือข่ายของทางวัดพระธรรมกาย ที่ใช้มุมมองในด้านลบต่อศาสนาอื่น เพื่อหวังนำมาขยายผล และย่อมเป็นเรื่องง่ายที่ศิษย์วัดนี้จะเห็นคล้อยตาม ซึ่งจะทำให้การสร้างเครือข่ายของเขาทำได้ง่ายขึ้น โดยอาศัยเรื่องการปกป้องพระพุทธศาสนา
ความสัมพันธ์ในส่วนนี้มีกิจกรรมที่สอดคล้องกันแม้จะต่างองค์กร อย่างเช่นกลุ่มนายแพทย์พรชัย ที่หันไปตั้งองค์กรผู้นำพุทธโลก(WABL) ที่ศรีลังกา มักจัดงานเสวนาวิกฤตพระพุทธศาสนาในประเทศไทยมาโดยตลอด
ไม่มีความขัดแย้ง
นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้และอดีตเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) กล่าวถึงกลุ่มที่มีการปลุกระดมให้เกิดความไม่เข้าใจกันระหว่างศาสนาพุทธกับศาสนาอิสลามว่า ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ไม่มีเรื่องความขัดแย้งกันระหว่างศาสนา แม้จะมีความพยายามเชื่อมโยงสถานการณ์
ที่เราห่วงจังหวัดชายแดนใต้ ไมใช่เรื่องศาสนา แต่เป็นเรื่องภายในประเทศ 13 ปีของเหตุการณ์พี่น้องมุสลิมเสียชีวิตมากกวาคนพุทธ ทั้งหมดเป็นเรื่องของคนไม่ดีและเกิดจากกลุ่มผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เรื่องของศาสนาอย่างที่กล่าวอ้าง
ข้อข้องใจที่กลุ่มคนที่ไม่หวังดีนำมาปลุกระดมนั้น เราตอบข้อสงสัยได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องพระราชบัญญัติอิสลามหรือเรื่องอื่น พี่น้องในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้เข้าใจเรื่องนี้ดีไม่มีปัญหาความไม่เข้าใจกัน และทราบดีว่าเป็นเรื่องเท็จ
จับตา ดร.บรรจบ
ด้านแหล่งข่าวความมั่นคง คำกล่าวอ้างที่ว่าพุทธศาสนากำลังมีภัย โดยอ้างเรื่องของศาสนาอื่นมีส่วนหรือกล่าวหาว่าภาครัฐให้การสนับสนุนศาสนาอื่น ยกเรื่องของกฎหมายหรือการอนุญาตสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งรัฐบาลส่งเสริมทุกศาสนา เช่นเดียวกับการที่วัดไทยไปเปิดสาขาในต่างประเทศ
อย่างวัดพระธรรมกายถือว่าเป็นวัดที่มีสาขาในต่างประเทศมากที่สุด เปิดสาขาในประเทศที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ก็มีหลายประเทศ
“ไม่ปฏิเสธว่าเราก็ติดตามดูความเคลื่อนไหวกลุ่มที่นำเอาเรื่องของศาสนาเข้ามาสร้างความขัดแย้งหรือปลุกระดม หากมากไปก็คงต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่าง ดร.บรรจบ ก็คลาดกันหลายโอกาสที่จะทำความเข้าใจกันในเรื่องนี้”
การหยิบยกเอาเรื่องของศาสนาขึ้นมาเป็นประเด็นในการต่อสู้นั้น ถือเป็นเรื่องไม่สมควร เพราะศาสนาพุทธไม่ได้มีภัยหรือเกิดวิกฤตตามที่กล่าวอ้าง และการยกระดับของคดีวัดพระธรรมกายให้ขึ้นมาเป็นวิกฤตของพุทธศาสนานั้นย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาส เกี่ยวข้องกับคดียักยอกเงินในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจริง มีหลักฐานชัดเจน