บัตรเครดิตโดดร่วมวง “ช้อปช่วยชาติ” แข่งกันให้ส่วนลดเพิ่ม งบ 15,000 บาทเพิ่มแต้มได้อีก 600 คะแนน เคทีซีแนะวิธีบริหารคะแนนสะสมบัตรเครดิต ชี้แต้มเข้า-แต้มออกมีความสำคัญ บางบัตรให้แต้มเข้าเยอะแต่แลกแพง เงื่อนไขมาก จัดอันดับแลกของใช้มาอันดับหนึ่ง สร้างมิติใหม่เปลี่ยนแต้มเป็นบุญผลตอบรับดีปีหน้าเปิดรูดบัตรทำบุญโดยตรง
มาตรการช้อปช่วยชาติระหว่างวันที่ 14-31 ธันวาคม 2559 ที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้ประชาชนที่จับจ่ายใช้สอยในช่วงท้ายปี สามารถนำเอายอดการใช้จ่าย นำมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ
มาตรการดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 59 ทันที เนื่องจากประชาชนมีแรงจูงใจที่จะใช้จ่ายมากขึ้น โดยกระทรวงการคลังคาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิ์ประมาณ 2 ล้านคน ซึ่งแม้จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีประมาณ 3.2 พันล้านบาท แต่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม เพราะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 0.2% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้นจากการดำเนินการเมื่อช่วงปลายปี 2558 ซึ่งออกมาตรการมาเพียง 7 วันมีผู้มาใช้สิทธิ์ประมาณ 1 ล้านคน ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 1 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตามการจับจ่ายใช้สอยผู้คนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะชำระค่าสินค้าและบริการผ่านบัตรเครดิต ที่ให้ความสะดวกในเรื่องที่ไม่ต้องเตรียมเงินสดไว้ล่วงหน้า และเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรแล้วยังได้คะแนนสะสมไว้แลกสินค้าที่ต้องการได้ในอนาคต
ยิ่งเมื่อใช้จ่ายในช่วงที่รัฐบาลมอบสิทธิ์จูงใจในการจับจ่ายใช้สอยด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เกิดประโยชน์กับผู้ซื้อมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ควรมั่นใจว่าเมื่อถึงกำหนดชำระเงิน ท่านจะสามารถชำระได้ตามเงื่อนไขของผู้ออกบัตร เพื่อให้การใช้จ่ายเกิดประโยชน์สูงสุดและไม่เป็นภาระกับตัวท่านเองในอนาคต
บัตรเครดิตโดดร่วมวง
สำหรับโครงการช้อปช่วยชาติระหว่างวันที่ 14-31 ธันวาคม 2559 มีผู้ออกบัตรเครดิตหลายรายที่โดดลงมาร่วมแคมเปญนี้ อย่างเช่น บัตรเครดิตของธนาคารกสิกรไทยที่เปิดให้ผู้ใช้บัตรใช้คะแนนสะสมเท่ากับยอดที่ซื้อ ยอดซื้อสินค้าในวันศุกร์ได้ส่วนลด 15% วันอื่นได้ส่วนลด 11%
บัตรกรุงศรีฯ ใช้จ่ายครบ 15,000 บาท รับเครดิตเงินคืน 500 บาท ส่วนบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า ให้ Cash Back 2 ต่อคือครบ 5,000 บาทได้คืน 100 บาท และได้ Cash Back อีกต่อเมื่อซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าที่ร่วมรายการ
บัตรเครดิตธนาคารกรุงได้ออกแคมเปญแฮปปี้ วีคเอนด์ มาก่อนที่มาตรการช้อปช่วยชาติออก โดยใช้คะแนนสะสมเท่ากับยอดซื้อ ทุกศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ได้ส่วนลด 18% ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ
ส่วนบัตรกรุงไทย หรือ KTC เปิดให้ผู้ถือบัตรใช้คะแนนสะสมเท่ากับยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป แลกส่วนลดเพิ่ม 20% โดยไม่มีเงื่อนไขยอดใช้จ่ายขั้นต่ำและไม่จำกัดยอดในการแลกคะแนน
วิธีบริหารแต้ม
สำหรับผู้ที่ชำระราคาสินค้าและบริการด้วยบัตรเครดิตอยู่เป็นประจำ ย่อมทราบดีว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของท่าน ทุก 25 บาทจะได้รับ 1 คะแนน หากใช้จ่ายได้เต็มจำนวนที่ได้รับสิทธิ์ 15,000 บาท ท่านจะได้รับ 600 คะแนน เก็บคะแนนสะสมไว้ใช้ตามที่ท่านต้องการ
นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจบัตรเครดิต บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KTC ให้คำแนะนำถึงการบริหารคะแนนจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตว่า ภาพรวมของบัตรเครดิตแข่งกันในเรื่องคะแนนกันเยอะมาก ขึ้นกับยุทธศาสตร์ของแต่ละราย ผู้ออกบัตรแต่ละรายจะเลือกลูกค้าที่ไม่เหมือนกัน บางแห่งเล่นกลุ่มบนที่มีอำนาจซื้อสูง เวลาให้คะแนนเยอะๆ ก็ต้องเล่นเกณฑ์สูงไป หรือการแลกรางวัลดี ๆ ก็ต้องมีเงื่อนไขในการจ่ายเหมือนกัน
ส่วนใหญ่ยอดใช้จ่ายที่ 25 บาทจะได้รับ 1 คะแนน บางแห่งก็ใช้ 20 บาท 1 คะแนน หรือมีโปรโมชันบางช่วงที่ให้คะแนนเพิ่มพิเศษ
สำหรับผู้ใช้บัตรที่ต้องการบริหารเรื่องคะแนนสะสมควบคู่ไปด้วยนั้น ประการแรกอย่าสะเปะสะปะ เลือกบัตรใดบัตรหนึ่ง พิจารณาว่าบัตรนั้นมีแนวโน้มในการทำโปรโมชันไปในแนวไหน บางบัตรเน้นไปที่ให้คะแนนมาก ๆ แต่ต้องดูเงื่อนไขว่าเวลาแลกคะแนนแล้วแลกแพงหรือไม่ บางบัตรเล่นทั้ง 2 ขาคือขาเข้าและขาออก แต่ของเคทีซีเราเห็นว่ายากในการควบคุม เวลาเราเล่นขาเดียวคือขาเข้า ส่วนมาก 25 บาท 1 คะแนน นอกเหนือจากนั้นเป็นโปรโมชันกับพาร์ตเนอร์แล้วพาร์ตเนอร์จะให้คะแนนเพิ่ม
ประการที่สอง พิจารณาว่าคุณเป็นคนใช้จ่ายมากหรือน้อยด้วย ถ้าใช้น้อยก็ต้องเก็บคะแนนนาน ท่านทนได้หรือไม่ หรืออาจดูว่ามีการเปิดให้ใช้คะแนนต่ำเพื่อการแลกสินค้าและบริการหรือไม่ รวมไปถึงเงื่อนไขในการใช้คะแนนรูปแบบต่าง ๆ เช่น ของ KTC เปิดให้ใช้ KTC Forever Rewards เท่ากับยอดบิล ได้รับส่วนลด 15%
ของใช้-บัตรอาหาร-สะสมไมล์
สำหรับคะแนนสะสมส่วนใหญ่จะให้มีการแลกเป็นสินค้าและบริการ หากมีแต้มมากก็เป็นการแลกเต็มจำนวน หากแต้มไม่พอก็อาจต้องเพิ่มเงิน อีกประเภทหนึ่งเป็นการสะสมคะแนนเพื่อแลกไมล์ตั๋วเครื่องบิน
อย่างกลุ่มบนชอบตั๋วเครื่องบิน ชอบที่พักโรงแรม ชอบทานอาหารในโรงแรม ถ้าเป็นกลุ่มย่อยลงมา ชอบร้านอาหารเชน เช่น เซน หรือบุฟเฟต์ต่าง ๆ เพราะใช้คะแนนไม่มาก หรือแลกตั๋วหนัง คนนิยมเช่น 1 แถม 1 หรือใช้ 999 คะแนนแลกตั๋ว 1 ใบ ใช้แต้มน้อยและเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของเขา เช่น กินข้าว ดูหนัง เป็นการจับตลาดคนอายุน้อย
คะแนนของ KTC เราพยายามทำเงื่อนไขให้ง่ายที่สุด คือ เงื่อนไขน้อย แล้วตอบโจทย์คนที่มีคะแนนน้อยและคะแนนมาก บางแห่งให้ 20 บาทหรือ 25 บาทได้ 2 คะแนน แต่ต้องดูตอนแลกด้วยว่าเป็นเท่าไหร่ ดังนั้นคนที่ชอบสะสมคะแนนต้องดูให้ดี ว่าเราใช้ชีวิตในแนวไหน ใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหน นานแค่ไหนกว่าเราจะแลกของ
สำหรับการใช้คะแนนแลกสินค้าและบริการนั้นอันดับหนึ่งเป็นการแลกสินค้าที่ห้างสรรพสินค้า รองลงมาเป็นบัตรรับประทานอาหาร 2 รายการนี้เป็นรายการหลักที่มีการใช้คะแนนมาแลก กลุ่มสินค้า Household ถือว่ามีการแลกมากที่สุด อย่าง ม็อบถูพื้น Gadget พวกของใช้ในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า เมื่อไหร่ที่มีวัตถุมงคล มาอันดับหนึ่ง ฐานเราอยู่ต่างจังหวัดและอายุเยอะ
เปลี่ยนแต้มเป็นบุญ
นอกเหนือจากการใช้คะแนนสะสมแลกสินค้าหรือบริการ และการแลกไมล์ตั๋วเครื่องบินแล้ว ยังมีการเปิดโอกาสให้สมาชิกบัตรเครดิตสามารถเปลี่ยนคะแนนเป็นเงินบริจาคได้
ทาง KTC เรามีมูลนิธิให้เลือกเปลี่ยนคะแนนเป็นเงินบริจาคได้มากกว่า 30 แห่ง โดยคะแนน 1,000 คะแนน เปลี่ยนเป็นเงินได้ 100 บาท คะแนนทำบุญยังเป็นส่วนที่ไม่มาก ประมาณปีละ 4-5 พันล้านคะแนน ถ้าเทียบกับการแลกสินค้าอื่น ๆ เดือนหนึ่งประมาณ 500 ล้านคะแนน
จริง ๆ แล้วจุดประสงค์ของเราแค่อยากให้คะแนนของเราแลกได้ทุก ๆ อย่าง เราก็คิดว่าคนไทยส่วนใหญ่ชอบทำอะไร ชอบกินข้าว ชอปปิ้ง ท่องเที่ยว และอีกอย่างหนึ่งคนไทยชอบทำบุญ เวลาที่เรามีกิจกรรมทำบุญ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างวัตถุมงคล สมาชิกบัตรเคทีซีจะทำบุญและสนใจเรื่องแบบนี้เยอะมาก
เราจะขยายจำนวนของมูลนิธิเพิ่มขึ้น ผู้ถือบัตรของเราที่ทำการบริจาคทาง KTC ออกใบเสร็จให้ด้วย ได้ใบอนุโมทนาจากมูลนิธิเหมือนการบริจาคด้วยเงิน
ปีหน้ารุกทำบุญด้วยบัตร
ในกรณีที่บางคนชอบบริจาคแล้วคิดว่าถ้าบริจาคเป็นเงินจะง่ายกว่าหรือไม่ คือบริจาค 100 หรือ 1,000 ก็เท่ากับยอดจำนวนที่บริจาคไป ตอนนี้เรากำลังดูเรื่องทำโปรโมชัน เช่น วันเกิด ทำให้คนรู้สึกว่าใช้เงินดีกว่า เพราะมูลค่าได้เต็มจำนวน ทำให้คนกลุ่มหนึ่งอยากจะใช้บัตรเครดิตในการบริจาคเงินมากกว่า
ปัญหาคือมูลนิธิต่าง ๆ ไม่มี payment gateway เมื่อไม่มีช่องทางในการบริจาคก็ต้องใช้วิธีการโอนเงินหรือต้องไปที่มูลนิธิเอง
พื้นที่ในการบริจาคคิดว่าเป็นพื้นที่ที่ขยายไปได้อีกเยอะ แล้วเราก็ต้องตอบโจทย์ อย่างมูลนิธิโรงพยาบาลใหญ่ ๆ บางทีไม่มีเว็บไซต์ ไม่มี payment gateway ตอนนี้เรากำลังทำระบบเพื่อให้ลูกค้าเข้ามาในฐานอย่าง โมบายแอปหรือบนเว็บไซต์แล้วสามารถบริจาคเงินผ่านบัตรเครดิตได้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าบริจาคได้ง่ายขึ้น มูลนิธิเองก็ได้รับเงินบริจาคง่ายขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ไม่ใช่มูลนิธิไม่รับบัตรเครดิต แต่คนบริจาคต้องไปที่มูลนิธิแล้วไปรูดบัตร ซึ่งบางครั้งเราอาจไม่สะดวก วันนี้ถ้าเราอยากทำก็สามารถทำผ่านออนไลน์ได้ ซึ่งลูกค้าของ KTC จะได้เห็นในปีหน้าอย่างแน่นอน โดยเราจะเป็นศูนย์กลางให้ลูกค้าในการบริจาคให้กับมูลนิธิต่าง ๆ อย่างวันนี้เป็นวันเกิดคุณ คุณอยากบริจาคให้กับมูลนิธิอะไรบ้างก็เข้ามาเลือกดูใน KTC ได้
สำหรับใบอนุโมทนาบัตร สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ ขึ้นกับมูลนิธินั้นได้รับอนุญาตให้นำเงินบริจาคมาหักลดหย่อนภาษีได้ ดังนั้นแม้ว่าเราจะบริจาคด้วยคะแนน ก็ไม่ต้องเป็นห่วง
มาตรการช้อปช่วยชาติระหว่างวันที่ 14-31 ธันวาคม 2559 ที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้ประชาชนที่จับจ่ายใช้สอยในช่วงท้ายปี สามารถนำเอายอดการใช้จ่าย นำมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ
มาตรการดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 59 ทันที เนื่องจากประชาชนมีแรงจูงใจที่จะใช้จ่ายมากขึ้น โดยกระทรวงการคลังคาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิ์ประมาณ 2 ล้านคน ซึ่งแม้จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีประมาณ 3.2 พันล้านบาท แต่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม เพราะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 0.2% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้นจากการดำเนินการเมื่อช่วงปลายปี 2558 ซึ่งออกมาตรการมาเพียง 7 วันมีผู้มาใช้สิทธิ์ประมาณ 1 ล้านคน ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 1 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตามการจับจ่ายใช้สอยผู้คนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะชำระค่าสินค้าและบริการผ่านบัตรเครดิต ที่ให้ความสะดวกในเรื่องที่ไม่ต้องเตรียมเงินสดไว้ล่วงหน้า และเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรแล้วยังได้คะแนนสะสมไว้แลกสินค้าที่ต้องการได้ในอนาคต
ยิ่งเมื่อใช้จ่ายในช่วงที่รัฐบาลมอบสิทธิ์จูงใจในการจับจ่ายใช้สอยด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เกิดประโยชน์กับผู้ซื้อมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ควรมั่นใจว่าเมื่อถึงกำหนดชำระเงิน ท่านจะสามารถชำระได้ตามเงื่อนไขของผู้ออกบัตร เพื่อให้การใช้จ่ายเกิดประโยชน์สูงสุดและไม่เป็นภาระกับตัวท่านเองในอนาคต
บัตรเครดิตโดดร่วมวง
สำหรับโครงการช้อปช่วยชาติระหว่างวันที่ 14-31 ธันวาคม 2559 มีผู้ออกบัตรเครดิตหลายรายที่โดดลงมาร่วมแคมเปญนี้ อย่างเช่น บัตรเครดิตของธนาคารกสิกรไทยที่เปิดให้ผู้ใช้บัตรใช้คะแนนสะสมเท่ากับยอดที่ซื้อ ยอดซื้อสินค้าในวันศุกร์ได้ส่วนลด 15% วันอื่นได้ส่วนลด 11%
บัตรกรุงศรีฯ ใช้จ่ายครบ 15,000 บาท รับเครดิตเงินคืน 500 บาท ส่วนบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า ให้ Cash Back 2 ต่อคือครบ 5,000 บาทได้คืน 100 บาท และได้ Cash Back อีกต่อเมื่อซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าที่ร่วมรายการ
บัตรเครดิตธนาคารกรุงได้ออกแคมเปญแฮปปี้ วีคเอนด์ มาก่อนที่มาตรการช้อปช่วยชาติออก โดยใช้คะแนนสะสมเท่ากับยอดซื้อ ทุกศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ได้ส่วนลด 18% ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ
ส่วนบัตรกรุงไทย หรือ KTC เปิดให้ผู้ถือบัตรใช้คะแนนสะสมเท่ากับยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป แลกส่วนลดเพิ่ม 20% โดยไม่มีเงื่อนไขยอดใช้จ่ายขั้นต่ำและไม่จำกัดยอดในการแลกคะแนน
วิธีบริหารแต้ม
สำหรับผู้ที่ชำระราคาสินค้าและบริการด้วยบัตรเครดิตอยู่เป็นประจำ ย่อมทราบดีว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของท่าน ทุก 25 บาทจะได้รับ 1 คะแนน หากใช้จ่ายได้เต็มจำนวนที่ได้รับสิทธิ์ 15,000 บาท ท่านจะได้รับ 600 คะแนน เก็บคะแนนสะสมไว้ใช้ตามที่ท่านต้องการ
นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจบัตรเครดิต บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KTC ให้คำแนะนำถึงการบริหารคะแนนจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตว่า ภาพรวมของบัตรเครดิตแข่งกันในเรื่องคะแนนกันเยอะมาก ขึ้นกับยุทธศาสตร์ของแต่ละราย ผู้ออกบัตรแต่ละรายจะเลือกลูกค้าที่ไม่เหมือนกัน บางแห่งเล่นกลุ่มบนที่มีอำนาจซื้อสูง เวลาให้คะแนนเยอะๆ ก็ต้องเล่นเกณฑ์สูงไป หรือการแลกรางวัลดี ๆ ก็ต้องมีเงื่อนไขในการจ่ายเหมือนกัน
ส่วนใหญ่ยอดใช้จ่ายที่ 25 บาทจะได้รับ 1 คะแนน บางแห่งก็ใช้ 20 บาท 1 คะแนน หรือมีโปรโมชันบางช่วงที่ให้คะแนนเพิ่มพิเศษ
สำหรับผู้ใช้บัตรที่ต้องการบริหารเรื่องคะแนนสะสมควบคู่ไปด้วยนั้น ประการแรกอย่าสะเปะสะปะ เลือกบัตรใดบัตรหนึ่ง พิจารณาว่าบัตรนั้นมีแนวโน้มในการทำโปรโมชันไปในแนวไหน บางบัตรเน้นไปที่ให้คะแนนมาก ๆ แต่ต้องดูเงื่อนไขว่าเวลาแลกคะแนนแล้วแลกแพงหรือไม่ บางบัตรเล่นทั้ง 2 ขาคือขาเข้าและขาออก แต่ของเคทีซีเราเห็นว่ายากในการควบคุม เวลาเราเล่นขาเดียวคือขาเข้า ส่วนมาก 25 บาท 1 คะแนน นอกเหนือจากนั้นเป็นโปรโมชันกับพาร์ตเนอร์แล้วพาร์ตเนอร์จะให้คะแนนเพิ่ม
ประการที่สอง พิจารณาว่าคุณเป็นคนใช้จ่ายมากหรือน้อยด้วย ถ้าใช้น้อยก็ต้องเก็บคะแนนนาน ท่านทนได้หรือไม่ หรืออาจดูว่ามีการเปิดให้ใช้คะแนนต่ำเพื่อการแลกสินค้าและบริการหรือไม่ รวมไปถึงเงื่อนไขในการใช้คะแนนรูปแบบต่าง ๆ เช่น ของ KTC เปิดให้ใช้ KTC Forever Rewards เท่ากับยอดบิล ได้รับส่วนลด 15%
ของใช้-บัตรอาหาร-สะสมไมล์
สำหรับคะแนนสะสมส่วนใหญ่จะให้มีการแลกเป็นสินค้าและบริการ หากมีแต้มมากก็เป็นการแลกเต็มจำนวน หากแต้มไม่พอก็อาจต้องเพิ่มเงิน อีกประเภทหนึ่งเป็นการสะสมคะแนนเพื่อแลกไมล์ตั๋วเครื่องบิน
อย่างกลุ่มบนชอบตั๋วเครื่องบิน ชอบที่พักโรงแรม ชอบทานอาหารในโรงแรม ถ้าเป็นกลุ่มย่อยลงมา ชอบร้านอาหารเชน เช่น เซน หรือบุฟเฟต์ต่าง ๆ เพราะใช้คะแนนไม่มาก หรือแลกตั๋วหนัง คนนิยมเช่น 1 แถม 1 หรือใช้ 999 คะแนนแลกตั๋ว 1 ใบ ใช้แต้มน้อยและเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของเขา เช่น กินข้าว ดูหนัง เป็นการจับตลาดคนอายุน้อย
คะแนนของ KTC เราพยายามทำเงื่อนไขให้ง่ายที่สุด คือ เงื่อนไขน้อย แล้วตอบโจทย์คนที่มีคะแนนน้อยและคะแนนมาก บางแห่งให้ 20 บาทหรือ 25 บาทได้ 2 คะแนน แต่ต้องดูตอนแลกด้วยว่าเป็นเท่าไหร่ ดังนั้นคนที่ชอบสะสมคะแนนต้องดูให้ดี ว่าเราใช้ชีวิตในแนวไหน ใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหน นานแค่ไหนกว่าเราจะแลกของ
สำหรับการใช้คะแนนแลกสินค้าและบริการนั้นอันดับหนึ่งเป็นการแลกสินค้าที่ห้างสรรพสินค้า รองลงมาเป็นบัตรรับประทานอาหาร 2 รายการนี้เป็นรายการหลักที่มีการใช้คะแนนมาแลก กลุ่มสินค้า Household ถือว่ามีการแลกมากที่สุด อย่าง ม็อบถูพื้น Gadget พวกของใช้ในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า เมื่อไหร่ที่มีวัตถุมงคล มาอันดับหนึ่ง ฐานเราอยู่ต่างจังหวัดและอายุเยอะ
เปลี่ยนแต้มเป็นบุญ
นอกเหนือจากการใช้คะแนนสะสมแลกสินค้าหรือบริการ และการแลกไมล์ตั๋วเครื่องบินแล้ว ยังมีการเปิดโอกาสให้สมาชิกบัตรเครดิตสามารถเปลี่ยนคะแนนเป็นเงินบริจาคได้
ทาง KTC เรามีมูลนิธิให้เลือกเปลี่ยนคะแนนเป็นเงินบริจาคได้มากกว่า 30 แห่ง โดยคะแนน 1,000 คะแนน เปลี่ยนเป็นเงินได้ 100 บาท คะแนนทำบุญยังเป็นส่วนที่ไม่มาก ประมาณปีละ 4-5 พันล้านคะแนน ถ้าเทียบกับการแลกสินค้าอื่น ๆ เดือนหนึ่งประมาณ 500 ล้านคะแนน
จริง ๆ แล้วจุดประสงค์ของเราแค่อยากให้คะแนนของเราแลกได้ทุก ๆ อย่าง เราก็คิดว่าคนไทยส่วนใหญ่ชอบทำอะไร ชอบกินข้าว ชอปปิ้ง ท่องเที่ยว และอีกอย่างหนึ่งคนไทยชอบทำบุญ เวลาที่เรามีกิจกรรมทำบุญ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างวัตถุมงคล สมาชิกบัตรเคทีซีจะทำบุญและสนใจเรื่องแบบนี้เยอะมาก
เราจะขยายจำนวนของมูลนิธิเพิ่มขึ้น ผู้ถือบัตรของเราที่ทำการบริจาคทาง KTC ออกใบเสร็จให้ด้วย ได้ใบอนุโมทนาจากมูลนิธิเหมือนการบริจาคด้วยเงิน
ปีหน้ารุกทำบุญด้วยบัตร
ในกรณีที่บางคนชอบบริจาคแล้วคิดว่าถ้าบริจาคเป็นเงินจะง่ายกว่าหรือไม่ คือบริจาค 100 หรือ 1,000 ก็เท่ากับยอดจำนวนที่บริจาคไป ตอนนี้เรากำลังดูเรื่องทำโปรโมชัน เช่น วันเกิด ทำให้คนรู้สึกว่าใช้เงินดีกว่า เพราะมูลค่าได้เต็มจำนวน ทำให้คนกลุ่มหนึ่งอยากจะใช้บัตรเครดิตในการบริจาคเงินมากกว่า
ปัญหาคือมูลนิธิต่าง ๆ ไม่มี payment gateway เมื่อไม่มีช่องทางในการบริจาคก็ต้องใช้วิธีการโอนเงินหรือต้องไปที่มูลนิธิเอง
พื้นที่ในการบริจาคคิดว่าเป็นพื้นที่ที่ขยายไปได้อีกเยอะ แล้วเราก็ต้องตอบโจทย์ อย่างมูลนิธิโรงพยาบาลใหญ่ ๆ บางทีไม่มีเว็บไซต์ ไม่มี payment gateway ตอนนี้เรากำลังทำระบบเพื่อให้ลูกค้าเข้ามาในฐานอย่าง โมบายแอปหรือบนเว็บไซต์แล้วสามารถบริจาคเงินผ่านบัตรเครดิตได้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าบริจาคได้ง่ายขึ้น มูลนิธิเองก็ได้รับเงินบริจาคง่ายขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ไม่ใช่มูลนิธิไม่รับบัตรเครดิต แต่คนบริจาคต้องไปที่มูลนิธิแล้วไปรูดบัตร ซึ่งบางครั้งเราอาจไม่สะดวก วันนี้ถ้าเราอยากทำก็สามารถทำผ่านออนไลน์ได้ ซึ่งลูกค้าของ KTC จะได้เห็นในปีหน้าอย่างแน่นอน โดยเราจะเป็นศูนย์กลางให้ลูกค้าในการบริจาคให้กับมูลนิธิต่าง ๆ อย่างวันนี้เป็นวันเกิดคุณ คุณอยากบริจาคให้กับมูลนิธิอะไรบ้างก็เข้ามาเลือกดูใน KTC ได้
สำหรับใบอนุโมทนาบัตร สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ ขึ้นกับมูลนิธินั้นได้รับอนุญาตให้นำเงินบริจาคมาหักลดหย่อนภาษีได้ ดังนั้นแม้ว่าเราจะบริจาคด้วยคะแนน ก็ไม่ต้องเป็นห่วง
