xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กแดง” โค่นสลากแพงล้มหัวคิวการเมือง สังศิตชี้เฟสต่อไปตัดปีกหวยใต้ดิน!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สังศิต พิริยะรังสรรค์” ยอมรับฝีมือ “บิ๊กแดง” รู้จักผสมผสาน “อำนาจ-ความรู้-กำลัง-การยืดหยุ่น” จัดการมาเฟียกองสลากได้สำเร็จ ทั้งที่หลายยุคต่างเจรจาแต่คว้าน้ำเหลว มั่นใจ 80 บาทเกิดได้จริง ขณะเดียวกันได้นำเสนองานวิจัยต่อกองสลาก ถึงแนวทางแก้ปัญหาสลากแบบถาวร ขจัดการผูกขาด ด้วยการทำการตลาดแบบขายตรง ที่ร้านสะดวกซื้อ สถานีบริการน้ำมัน หรือธนาคารของรัฐทั่วประเทศ ปิดทาง 5 เสือกว้านซื้อได้แน่ พร้อมปัดฝุ่นตู้สลากออนไลน์ ล้มช่องทางหวยใต้ดิน สร้างรายได้เข้ารัฐอีกทางหนึ่ง เชื่อแนวทางนี้จะทำให้วงการสลากปลอดการเมือง และตัดวงจรการสืบทอดอำนาจปมสลากแพงทั้งระบบ

นับตั้งแต่ที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีในรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศอย่างชัดเจนว่า จะเข้ามาแก้ปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา ที่เป็นปัญหามานาน และรัฐบาลหลายยุคหลายสมัยก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ โดยเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2557 การประชุม คสช. ว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน ครั้งที่ 4/2557 ได้กำหนดราคาลอตเตอรี่ตามนโยบายของ คสช. แนวทางปฏิบัติจะมีการตั้งจุดขายลอตเตอรี่ในราคา 80 บาท โดยในกรุงเทพฯ จะอยู่ที่หน้าบริเวณสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ส่วนในต่างจังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้กำหนดจุดขายเท่าที่ทำได้ไปก่อน ที่เหลือจะอยู่ที่กลไกของตลาด

ส่วนในระยะที่ 2 ให้คณะกรรมการหาวิธีการที่เหมาะสมเพื่อให้ราคาจำหน่ายอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ทั้งหมด โดยจะพยายามจัดโควตาให้กับผู้ค้าระดับกลาง ระดับล่าง รวมถึงผู้ค้าคนพิการที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรให้มากขึ้น ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ โดยคำนึงถึงผู้ค้ารายย่อย กับผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้สามารถมีรายได้เลี้ยงชีพได้อย่างเหมาะสม และพอเพียง

นอกจากนั้นยังผ่าตัดใหญ่กองสลาก โดยเปลี่ยนประธานบอร์ดจากนายราฆพ ศรีศุภอรรถ เป็นนายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร โดยเหตุผลในการเปลี่ยนตัวบอร์ดครั้งนี้ คือ ไม่สามารถจัดการกับปัญหาการจำหน่ายสลากกินแบ่งเกินราคา ซึ่งถือเป็น “วาระเร่งด่วน” ของ คสช. ที่ต้องการเข้ามาคืนความสุขให้ประชาชนได้

อย่างไรก็ตามหลังจากที่นายสมชัยเข้ามานั่งเป็นบอร์ดสำนักงานสลากฯ แล้ว พลเอกประยุทธ์ยังไฟเขียวให้ พล.ท.พิชิต บุญญาธิการ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบกในสายการบริหาร เข้ามารับภารกิจแทนผู้อำนวยการเดิม คือ “พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร” ที่ยื่นใบลาออกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งการที่พลเอกประยุทธ์ เลือกให้ พล.ท.พิชิต เข้ามาปฏิรูประบบการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล น่าจะเป็นเพราะมีประสบการณ์การบริหารงานในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก รามอินทรา ดูแลกิจการสนามกอล์ฟ กองทัพบก บางเขน ซึ่งเป็นตำแหน่งก่อนจะได้รับการคัดเลือกให้เข้ามาดูแลกิจการของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

แต่เมื่อเวลาผ่านมาหลายเดือน ก็พบว่าแนวทางนี้ไม่สามารถทำให้สลากกินแบ่งฯ มีราคาขายอยู่ที่ 80 บาทได้ ทั้งๆ ที่ประธานบอร์ดเองก็พยายามเจรจากับยี่ปั๊วรายใหญ่ ที่ครองส่วนแบ่งมากกว่าครึ่งของสลากกินแบ่งฯ ทั้งระบบ 74 ล้านใบ ซึ่งถือว่านี่เป็นอีกหนึ่งต้นตอสำคัญของปัญหา นอกจากนั้นการใช้มาตรการหลายๆ อย่าง ทั้งการเปลี่ยนโครงสร้างของกองสลากทั้งบอร์ด ผู้บริหาร ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา รัฐบาลบิ๊กตู่ได้ใช้มาตรา 44 แต่งตั้ง “บิิ๊กแดง” หรือ พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล แทนนายสมชัย ซึ่งหลังจากที่ บิ๊กแดง เข้ามาเป็นบอร์ดสลากคนใหม่ กล่าวภายหลังได้รับการแต่งตั้งว่า “มีความจริงจังที่จะเข้ามาทำหน้าที่และไม่มีวันที่จะทรยศ มีความปรารถนาดีที่นายกรัฐมนตรีมีต่อประเทศชาติในการแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งราคาแพง”

นอกจากนั้นยังขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาลอตเตอรี่แพงทันที โดยขีดเส้นตาย สลากกินแบ่งฯ งวด 16 มิ.ย.นี้ ต้องขายฉบับละ 80 บาท หากยังไม่ยอมทำตามก็ต้องใช้ “มาตรา 44” จัดการเด็ดขาดกับพวกขายเกินราคา 80 บาท อีกทั้งยังได้วางนโยบายในการแก้ปัญหาสลากแพง โดยแบ่งเวลาการทำงานเป็น ระยะแรก คือ การแก้ปัญหาเผชิญหน้าตั้งแต่เดือน มิ.ย.ถึง ธ.ค. 2558 เพราะเป็นช่วงที่โควตาทั้งหมดจะหมดสัญญา จะไม่มีการต่อสัญญาให้ใคร โดยจะมีการพิจารณา หากยี่ปั๊วรายใดปฎิบัติตามนโยบายของกองสลากจะต่อสัญญาให้

นโยบายแก้ปัญหาในระยะที่ 2 ตั้งแต่ต้นปี 2559 ไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งในช่วงนี้อาจมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของกองสลากออกมา โดยอาจจะใช้วิธีการจำหน่ายเองที่จะสามารถควบคุมราคาได้มากที่สุด รวมถึงการกระจายไปสู่ลูกค้ารายย่อย และใช้กลไกจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความร่วมมือให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ส่วนหลังจากเลือกตั้งไปแล้วจะมีหวยออนไลน์หรือไม่ หรือจะซื้อผ่านตู้เอทีเอ็มได้หรือไม่ ขายในร้านสะดวกซื้อ ก็เป็นเรื่องระยะยาวที่ต้องมีการหารือกันต่อไป

ทั้งนี้การก้าวเข้ามาของ “บิ๊กแดง” ครั้งนี้ก็จัดการกับต้นตอของปัญหาที่เกี่ยวข้องกับขบวนการ 5 เสือกองสลากที่ผูกขาดและสะสมปัญหามายาวนาน โดยแบ่งเป็นกลุ่ม “เจ๊แดง” นางปลื้มจิตต์ กนิษฐ์สุด และอีกกลุ่มคือ “เจ๊สะเรียง” น.ส.สะเรียง อัศววุฒิพงศ์ และล่าสุดคือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นอีกรายที่เกี่ยวข้อง ที่หลังจากมีการหารือกับบิ๊กแดง เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ออกมาประกาศว่าพร้อมให้ความร่วมมือไม่ขายสลากกินแบ่งฯ เกินใบละ 80 บาท

อย่างไรก็ดี Special Scoop ได้สัมภาษณ์ "ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์" คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งเป็นนักวิชาการที่มีผลงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องการคอร์รัปชัน การพนันเสี่ยงโชคหวยใต้ดินและสลากกินแบ่งรัฐบาลมาตลอด โดยเฉพาะงานวิจัยเรื่องการเสี่ยงโชค และพนันในปี 2557 พบว่าหวยใต้ดินมีเงินหมุนเวียนถึง 4-5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 10 ปีก่อนที่เคยสำรวจไว้มีมูลค่า 3-4 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่ามีอัตราการเติบโตขึ้นมาก
“บิ๊๊กแดง” แก้สลากมีเดิมพันสูง

ดร.สังศิต อธิบายถึงสถานการณ์การแก้ปัญหาสลากฯ ที่กำลังเกิดขึ้นของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น เชื่อว่ามาเฟียกองสลากที่เป็นเสือนอนกินมายาวนาน จะต้องถูกเด็ดปีกจากรัฐบาลบิ๊กตู่ ผ่านฝีมือการทำงานของพล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ หรือบิ๊กแดง ที่ส่งเข้ามานั่งเป็นประธานบอร์ดกองสลาก ถือว่ามาถูกทางแล้ว และการกระทำของบิ๊กแดงที่สื่อออกมาต่อสาธารณชนนั้น แสดงให้เห็นถึงผู้ที่มีความกล้าหาญมาก เพราะทุกๆ รัฐบาลที่ผ่านมาพยายามแก้ปัญหาสลากกินแบ่งฯ ราคา 80 บาททั้งนั้น แต่ไม่เคยสำเร็จ

แม้กระทั่งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีอำนาจเด็ดขาดในช่วงแรก ได้ส่งข้าราชการระดับอธิบดี 'สมชัย สัจจพงษ์' เข้ามาแก้ก็ไม่สำเร็จ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นและต้นเหตุให้สลากมีราคาแพงเป็นปัญหาที่แก้ยากจริงๆ

“แต่เมื่อได้ผู้การแดง กล้าเข้ามาสางปัญหา ตามที่พลเอกประยุทธ์ มอบหมาย ก็ต้องแก้ปัญหานี้ใหใด้ เพราะหากว่าไม่สำเร็จ อนาคตคงไม่ได้ดี ถือว่าผู้การแดงมีเดิมพันสูง เกี่ยวพันกับอนาคตของบิ๊กแดง และปัญหาสลากก็ไม่ใช่งานทหารด้วย เป็นงานบริหารแท้ๆ ความเสี่ยงถือว่าสูงมาก เพราะถ้าพลาดอนาคตทางการทหารกระทบกระเทือนแน่นอน” ดร.สังศิต ย้ำ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการเจรจากับยี่ปั๊วรายสำคัญๆ เพื่อให้เขาให้ความร่วมมือนั้นก็เป็นเรื่องท้าทาย แต่การจัดการของผู้การแดงนั้น ถือว่ามีการวางแผนมีขั้นมีตอน โดยมีการเตรียมแผนการเปิดตลาดให้มีการแข่งขัน เป็นวิธีการแก้ปัญหาแบบไม้แข็งสำรองเอาไว้หากการเจรจาไม่ได้ผล

ทั้งหมดนี้ก็อยู่ในวิสัยที่ทำได้ เพราะด้วยบุคลิกที่ยืดหยุ่นและพร้อมจะยอมปรับตัว ทั้งๆ ที่ประธานบอร์ดก่อนหน้านี้ได้พยายามไปเจรจากับยี่ปั๊วแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ ซึ่งตรงนี้บิ๊กแดงก็พร้อมจะเจรจาอีกรอบ แถมยังบอกอีกว่าอะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้ยกเลิก ไม่ต้องคิดแล้ว มาคิดกันใหม่ในวันนี้ดีกว่าว่าจะทำอย่างไรให้ราคาสลากขาย 80 บาท
ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ
ดร.สังศิต บอกว่า วิธีคิดของผู้การแดงแสดงให้เห็นชัดเจนเพราะคนที่จะคิดอย่างนี้ได้ ถือเป็นคนที่ยืดหยุ่นและพร้อมจะประนีประนอม อีกทั้งจุดแข็งที่สำคัญในการแก้ปัญหาครั้งนี้ เชื่อว่าเกิดจากความเป็นทหารจึงทำให้รู้มือกัน คุยกันได้ง่ายกว่า ขณะที่ประธานบอร์ดก่อนหน้านี้เป็นพลเรือนมาจากกระทรวงการคลัง ยี่ปั๊วคนที่เคยเป็นทหารก็อาจจะไม่เกรงกลัวนัก

ที่สำคัญการแก้ปัญหาสลากนั้นผู้การแดงเองก็ไม่ได้ลงมาแก้ปัญหานี้เพียงคนเดียว แต่เข้ามาในนามของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมถึงมีผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีศาสตร์ในการสู้รบด้วย เพราะฉะนั้นมองกันก็รู้แล้วว่า ควรเกรงใจหรือไม่เกรงใจ

อย่างไรก็ดี สิ่งที่เป็นจุดอ่อนที่จะทำให้ บิ๊กแดง เจรจาแก้ปัญหาสลากขายเกินราคาไม่สำเร็จไม่ใช่เป็นเพราะเป็นทหารหรือพลเรือน และต้องระลึกไว้เสมอว่า อำนาจ หรือ อำนาจตามกฏหมายแก้ปัญหาไม่ได้ทุกเรื่อง แต่ความรู้ต่างหากที่แก้ปัญหาได้ และหากความรู้บวกกับอำนาจตามกฎหมาย ยิ่งแก้ปัญหาได้ง่าย

จัดสรรโควตาใหม่แก้ทั้งระบบ

ดร.สังศิต กล่าวว่า ได้ทำงานวิจัยให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลล่าสุด โดย 1 ใน 10 ของงานวิจัยนี้จะมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการแก้ปัญหาการขายสลากกินแบ่งเกินราคา ซึ่งจะให้ประโยชน์กับการแก้ปัญหาครั้งนี้ได้มาก โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับกลไกการแข่งขันของตลาด จึงเสนอแนะให้สำนักงานสลากฯนำโควตาสลากที่จะหมดอายุในเดือนมิถุนายน 2558 จำนวน 48 ล้านฉบับไปจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ สถานีบริการน้ำมัน หรือเข้าธนาคารของรัฐ อาทิ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ที่มีสาขาทั่วประเทศ เพราะหากนำสลากกินแบ่งฯ มาขายผ่านช่องทางดังกล่าวนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าราคาขายจะอยู่ที่ 80 บาท เพราะเป็นระบบการขายตรง

ทั้งนี้เพราะต้นทุนของทุกแห่งราคา 70 บาท นั่นหมายถึงจะได้กำไรใบละ 10 บาท และหากว่าขายไม่หมดยังสามารถนำมาคืนที่สำนักงานสลากฯ ได้อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่และมีสัดส่วนเกินครึ่งของตลาดรวมสลากกินแบ่งทั้งหมด 74 ล้านฉบับ แนวทางลักษณะนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ทำให้ราคาขายสลากกินแบ่งฯ ขายในราคา 80 บาทได้แน่ เพราะที่ไหนขายเกินราคา 90 บาท 100 บาทจะรู้เลยว่ายอดขายลดหายไป ซึ่งร้านสะดวกซื้อเปิด 24 ชั่วโมงด้วย

ดร.สังศิตย้ำว่า วิธีนี้จะไม่ทำให้มีการผูกขาด ด้วยวิธีเพิ่มช่องทางการจำหน่าย เพื่อให้เกิดการแข่งขัน คือ 3 ยี่ปั๊วรายใหญ่ไม่สามารถจะผูกขาดได้อีกต่อไป เพราะรัฐได้ไปเปิดอีกตลาดมาแข่งขันแล้ว

ส่วนความเป็นไปได้ที่ยี่ปั๊วรายเก่าจะไปกว้านซื้อสลากกินแบ่งฯ จากขายตรงมา เพื่อนำมาขายในช่องทางของตนเองนั้น เชื่อว่ายี่ปั๊วรายใหญ่จะกว้านซื้อในลักษณะนี้ลำบากมาก เพราะร้านสะดวกซื้อ ธนาคารของรัฐ แต่ละแห่งอยู่กระจัดกระจายในพื้นที่ทั่วประเทศ ดังนั้นการจะไปรวบรวมแล้วนำมารวมชุดนั้น ยากมาก!

สลากออนไลน์ช่วยคนพิการและด้อยโอกาส

อย่างไรก็ดี เมื่อปรากฎข่าวว่าจะมีนโยบายขายสลากกินแบ่งฯ ผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อนั้น ปรากฏว่ามีกลุ่มองค์การต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน ดร.สังศิต บอกว่า รัฐจะต้องมองที่เป้าหมายซึ่งต้องการขายสลากราคา 80 บาทได้จริง แต่แนวทางนี้ก็อาจจะทำให้คนหลักหมื่นเกิดความไม่พอใจ เพราะตกงานไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ เกิดความไม่พอใจเพราะอยากจะประกอบอาชีพต่อไป แต่คนจำนวน 22 ล้านคนที่เป็นลูกค้าของสำนักงานสลากฯ พอใจ และคนที่เดินขายแบบค้าปลีกพอใจด้วย

ดังนั้นทางแก้ปัญหาจึงต้องมาคิดทบทวนกันใหม่ หาวิธีที่ไม่ให้กลุ่มเหล่านี้เดือดร้อน โดยสำนักงานสลากฯ มีตู้ออนไลน์ (ไม่ใช่ของบริษัทเอกชน) ประมาณ 6,000 - 7,000 ตู้ น่าจะมีการสำรวจว่าตู้ที่ใช้งานได้จริงขณะนี้มีกี่ตู้ ประเมินว่ามีที่ใช้งานได้จริงๆ 2 พันตู้ ทางสำนักงานสลากฯ ก็น่าจะตั้งเป้านำตู้สลากออนไลน์ล็อตแรกมาให้โควตากับสมาคมคนพิการ และกลุ่มคนที่ด้อยโอกาสในสังคม เป็นกลุ่มอันดับต้นที่จะได้รับโอกาสนี้ก่อน

จากนั้นกลุ่มที่จะได้โควตาสลากออนไลน์ ในอันดับต่อมา คือ สมาคมที่ไม่สามารถจะประกอบอาชีพอื่นๆ ได้นอกจากค้าสลากกินแบ่งฯ และกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะไม่สามารถกระจายให้ทุกๆ คนได้ในเวลาเดียวกัน

ดร.สังศิต ย้ำว่า วิธีการดำเนินการตู้สลากออนไลน์ 2,000 ตู้แรก ให้กระจายไปตั้งไว้ที่ศาลากลางจังหวัด ในพื้นที่ 76 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละสมาคมที่ได้โควตาตู้ออนไลน์ไปนั้น ก็นำไปแบ่งจัดสรรขายในนามสมาคม ใครขายได้เท่าไหร่นำมาแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์กันตามสัดส่วน

ส่วนที่เหลือขายในกรุงเทพฯ ซึ่งจากเดิมที่สลากในระบบทั้งหมด 74 ล้านฉบับ ร้อยละ 70 - 80 ขายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นสัดส่วนตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และแบ่งสัดส่วนอีกครึ่งประมาณ 37 ล้านฉบับ ในจำนวน 2 พันตู้ขายได้เท่าไหร่ก็ได้กำไรไปใบละ 10 บาท ไม่เช่นนั้นสมาคมบางแห่งหรือมูลนิธิก่อนหน้านี้ได้ตู้ออนไลน์มาแล้ว ไม่มีศักยภาพในการบริหารจัดการ ไม่มีเครือข่ายของคนที่จะไปเดินขาย สุดท้ายจึงต้องไปขายให้กับ 3 ยีปั๊วรายใหญ่ และสมาคมก็ได้คอมมิชชันไปเพียงร้อยละ 2-3 เท่านั้น เป็นการตัดอีกวงจรที่ทำให้สลากแพงและยังทำให้สมาคมได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ได้กำไรตามกฏหมายคือ ใบละ 10 บาท

นอกจากนี้ในเดือนถัดไปตู้สลากออนไลน์ที่เหลือซ่อมเสร็จทยอยกันออกมา 500 - 1,000 ตู้ ค่อยๆ เพิ่มเข้ามา ส่วนเหตุผลที่ต้องนำตู้สลากออนไลน์ 2,000 ตู้ออกมาก่อน เพื่อสร้างตลาดแข่งขันให้เกิดการแข่งขันให้ได้ ทั้งการขายผ่านช่องทางการขายใหม่ อย่างร้านสะดวกซื้อ หรือตู้สลากออนไลน์นั้น ไม่มีทางขายเกิน 80 บาทได้เลย

ที่สำคัญคือ อยากย้ำว่าราคาต้นทุนที่แท้จริงของสลากกินแบ่ง คือ 40 บาท ในอดีตที่ผ่านมาสามารถซื้อในราคา 40 บาทได้โดยการแบ่งขาย แต่เมื่อสำนักงานสลากไม่ได้ทำเป็นรอยปรุ ทำให้เป็นการบังคับซื้อเลยว่าต้องซื้อคู่ 80 บาท

ดังนั้นการขายผ่านตู้ออนไลน์น่าจะเพิ่มทางเลือกใหม่ ให้ผู้ซื้อสามารถซื้อสลากกินแบ่งฯ ในราคา 40 บาทได้ และจะช่วยดึงราคาไม่ให้เกิน 80 บาทได้มาก เพราะทันทีที่มีการขายเกินราคา 85 บาท คนจะเดินเข้าตู้ออนไลน์แทน

ปมปัญหาสลากกินแบ่งฯ ราคาแพง

ดร.สังศิต ย้ำว่าวิธีการดังกล่าวจะมีข้อดีในระยะยาว คือ ยี่ปั๊วรายใหญ่ที่ได้โควตาสลากไปจะไม่มีเงินเหลือที่จะไปจ่ายเงินใต้โต๊ะให้นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมา นักการเมืองที่เข้ามาบริหารสำนักงานสลากฯ จะกินหัวคิว โดยใครที่ได้โควตาจะถูกกินหัวคิวไปก่อน พอกินหัวคิวไปก่อน พวกยี่ปั๊วก็ไปขายเกินราคา เพราะราคาที่ได้จากสำนักงานสลากฯ ต่อใบเกินราคา 80 บาทไปแล้ว เพราะหัวคิวจากนักการเมือง ไปขาย 110 - 120 บาท แล้วในทุกๆ 6 เดือนก็นำเงินไปจ่ายให้นักการเมืองอีก

วิธีการนี้เป็นการตัดวงจรที่ไม่ให้เงินไปถึงมือนักการเมือง ไม่มีโอกาสได้อีกแล้ว เพราะเหลือกำไรปกติเพียงใบละ 10 บาท จึงไม่มีกำไรที่จะเป็นส่วนเกินที่ยี่ปั๊วจะนำไปจ่ายให้นักการเมืองอีกต่อไป หรือถ้ายังมีการจ่ายส่วยให้นักการเมืองก็คงมีเงินเหลือไม่มากนัก

“นักการเมืองจึงเกี่ยวพันกับปัญหาสลากกินแบ่งขายเกินราคาว่า ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะวงจรนี้มีนักการเมืองให้โควตาแล้วเก็บเงินกับทุกคน แต่ไม่ได้หมายความว่า นักการเมืองคนนั้นจะได้เงินเสมอไป เพราะนักการเมืองบางคนต้องนำไปจ่ายให้กับคนที่ให้โอกาสเข้ามานั่งตำแหน่งรัฐมนตรี บางคนไม่ได้เงินเลยเพราะคนที่อยู่เบื้องหลังใหญ่กว่าก็รับเงินไปแทน”

ดร.สังศิต ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องหวยบอกว่า เมื่อก่อนเราจะเรียกว่า 5 เสือที่เป็นยี่ปั๊วรายใหญ่ซึ่งได้รับโควตาสลากกินแบ่งฯ ไป แต่ในความเป็นจริงแล้วในปัจจุบันมีเพียงแค่ 3 เสือเท่านั้น ซึ่งมี 2 เสือที่รวมกันแล้วมีถึง 5 บริษัท ที่ลูกหลานเครือญาติตั้งขึ้นมาอีกเยอะแยะ โดยแบ่งเป็นสุภาพสตรี 2 คนที่ขายๆ กันอยู่กับอีก 1 เสือเป็นอดีตทหารที่เข้ามาทำธุรกิจค้าสลากกินแบ่งฯ

“การทำธุรกิจสลากกินแบ่งฯ ต้องวางเงินสดล่วงหน้า 2 สัปดาห์ นั่นหมายถึงจะต้องเป็นคนที่มีเงินหนามั่งคั่งหลักพันล้านบาท เวลาขายปลีกถ้าเป็นคนธรรมดาจะหาเงินสดที่ไหนไปวางให้สำนักงานสลากฯ ล่วงหน้าถึง 2 อาทิตย์”

ขณะเดียวกันเขาเชื่อมั่นว่า บิ๊กแดงจะสามารถแก้ปัญหาสลากเกินราคาได้สำเร็จเกินร้อยละ 50 โดยดูจากขั้นตอนการทำงานที่มีการวางแนวทางไว้ และยังมีการเตรียมแผนที่จะมีการขายผ่านตู้สลากออนไลน์ เพื่อความรวดเร็วประกาศดีเดย์วันหวยออกวันที่ 16 มิถุนายนนี้ และการมีตู้สลากออนไลน์จะกระทบกับวงการหวยใต้ดินบ้าง เพราะราคาขาย 40 บาทจะทำให้คนอยากซื้อมากขึ้น เพราะโอกาสถูกรางวัลมีมากขึ้นเพราะราคาถูกลง ถ้าซื้อสลากคู่ 80 บาท โอกาสถูกคือ 1 ใน 100 และมีเงิน 80 บาทซื้อหวยใต้ดิน 10 ตัว โอกาสจะถูกรางวัลเป็น 10 ใน 100

ดันหวยออนไลน์ 2 ตัว 3 ตัวแข่งหวยใต้ดิน

อีกทั้งการซื้อผ่านตู้ยังมีข้อได้เปรียบ คือ คนที่ซื้อสามารถเลือกตัวเลขที่ต้องการจะซื้อได้ สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนซื้อสลากกินแบ่งฯ จะซื้อแค่ 2 ตัวหรือ 3 ตัวท้ายเท่านั้น ความหวังของคนที่ซื้อเพื่อจะได้รางวัลนี้หวังจะถูก 2 ตัว เพื่อได้เงิน 2 พันกว่าบาท หรือ 3 ตัว เพียง 3 พันกว่าบาท ความหวังของคนมีอยู่แค่นั้นเอง

“สลากกินแบ่งรัฐบาลธรรมดา บางทีมันไม่ตอบโจทย์คนเพราะว่าหาตัวเลขที่อยากซื้อไม่ได้ แต่หากว่าเป็นสลากออนไลน์นี้ 2 ตัว 3 ตัวท้ายนี้หาได้เลย ซึ่งข้อได้เปรียบอยู่ตรงนี้หากว่าตัวเลขเต็มก็มีข้อมูลออกมาเลยว่า ตัวเลขนี้เต็มแล้ว และในอนาคตถ้าหากว่าสลากกินแบ่งฯ นำมาขายจะทำเป็น 2 ตัว หรือ 3 ตัวก็ได้ แข่งกับหวยใต้ดินในอนาคต ก็สามารถทำได้ ซึ่งถึงตอนนั้นจะกระทบกับหวยใต้ดินจริงๆ”

ดังนั้นการจะออกสลากออนไลน์ 2 ตัว 3 ตัวก็ต้องมีขั้นตอนในการแก้ พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งฯ ปี 2517 ซึ่งก็น่าจะใช้มาตรา 44 กระทำได้เฉกเช่นเดียวกับการที่ พ.ร.บ.สลากฯ ระบุว่าประธานบอร์ดต้องมาจากกระทรวงการคลัง แต่ด้วยอำนาจตามมาตรา 44 ก็สามารถตั้ง พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 เข้ามานั่งเป็นประธานได้ และให้คนกระทรวงการคลังมานั่งเป็นเพียงกรรมการเท่านั้น

รวมไปถึงในระยะเวลาอันใกล้นี้ หากแจ้งเกิดตู้สลากออนไลน์ได้แล้ว รัฐบาลยังต้องการจะขยายออกมาเป็นสลากออนไลน์ 2 ตัว 3 ตัว เพื่อแข่งขันกับหวยใต้ดินก็สามารถดำเนินการได้ทันที โดยระหว่างนี้รัฐบาลพิจารณาและส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฏีกา พิจารณาแก้ไข พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งฯ ปี 2517 เมื่อทบทวนเรียบร้อยก็ส่งต่อไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาออกกฎหมาย และถ้าเสร็จภายใน 4 เดือนข้างหน้ารัฐบาลก็ดำเนินการขายสลากออนไลน์ 2 ตัว 3 ตัวได้ทันที

แต่ขณะนี้หากต้องการจะขายสลากออนไลน์ 2 ตัว 3 ตัวเพื่อแก้ปัญหาสลากเกินราคา รวมไปถึงแก้ปัญหาหวยใต้ดิน ก็ต้องใช้มาตรา 44 ที่ให้อำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำเนินการได้เช่นกัน

กำลังโหลดความคิดเห็น