xs
xsm
sm
md
lg

ต่างชาติกว่า 20 กลุ่มใช้ไทยเป็นฐานก่อการร้าย-อาชญากรรมข้ามชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปณิธาน-ความมั่นคง” เผยปัญหาต่างชาติใช้ไทยเป็นฐานก่อการร้ายเป็นเรื่องจริง และมีถึง 20 กลุ่มที่ขึ้นบัญชีดำเฝ้าระวังพิเศษ ทั้งเจไอ-ฮิซบุลลอฮ์ ฯลฯ โดยไม่เพียงแต่ก่อการร้าย ยังมีหลายกลุ่มที่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งค้าอาวุธ ค้ามนุษย์ ค้ายาเสพติด ฯลฯ ที่ไทยยังอ่อนเรื่องการจัดการ และงบประมาณไม่พอ แนะรีบแก้ไขก่อนเสียหายหนัก

เป็นเรื่องขึ้นมา เมื่อสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ MH370 หายไปอย่างไร้ร่องรอยกว่า 48 ชั่วโมงแล้ว และแม้ว่าหลายประเทศจะระดมอุปกรณ์เทคโนโลยีระดับก้าวหน้าเข้าช่วยเหลือประเทศมาเลเซียในการค้นหา แต่นับจนถึงวินาทีนี้ยังไร้คำตอบ แต่เงื่อนงำบนไฟลต์เครื่องบินนี้กลับเป็นเรื่องที่มีข้อสงสัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะประเด็นพาสปอร์ตปลอมถึง 2 ราย ที่เจ้าของพาสปอร์ตตัวจริงออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง และดันมีประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับประเด็นการขโมยพาสปอร์ต และพาสปอร์ตปลอม

แม้วันนี้จะยังไม่เจอซากของเครื่องบินลำดังกล่าว และยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุครั้งนี้ รวมถึงการประเมินว่าผู้โดยสารทุกคนยังมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตแล้ว แต่ที่แน่ๆ ไทยกลายเป็นหนึ่งในส่วนที่ตำรวจสากลจะต้องเข้ามาสอบสวน อิงกับประเด็นที่ไทยถูกมองว่ากลายเป็นฐานก่อการร้ายสากลไปแล้ว!

ทั้งอาชญากรรมข้ามชาติ-ก่อการร้าย

รองศาสตราจารย์ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและเคยเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนร่วมในการร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 บอกว่าประเทศไทยกำลังมีปัญหา 2 อย่างที่ซ้อนกันอยู่ คือไทยเป็นทั้งฐานอาชญากรรมข้ามชาติ และการก่อการร้าย

โดยอาชญากรรมข้ามชาติเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งที่รวมปัญหาหลากหลายไว้ในนี้ ซึ่ง สมช.หรือสภาความมั่นคงแห่งชาติ เคยออกรายงานเรื่องภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ระบุว่าอาชญากรรมข้ามชาตินั้นมีเรื่องของการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย, การฟอกเงิน, การค้ามนุษย์, การค้าอาวุธ, การค้ายาเสพติด และหนึ่งในนี้มีเรื่องของขบวนการก่อการร้ายสากลรวมอยู่ในการก่ออาชญากรรมข้ามชาติรวมอยู่ด้วย

ส่วนเรื่องการก่อการร้ายสากลนั้น จะเป็นกรณีของกลุ่มก่อการร้ายสากลเดินทางเข้ามาใช้ไทยในการวางแผน รวมทั้งก่อความไม่สงบกับสถานทูตที่เป็นเป้าหมายได้ด้วย

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ประเทศไทยเป็นทั้งฐานของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการค้าอาวุธ หรือการค้ามนุษย์ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงของไทยมีความกังวลอยู่มาก และมีความพยายามในการแก้ปัญหานี้มาหลายรัฐบาลแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จ และประเทศไทยยังเป็นฐานของกลุ่มผู้ก่อการร้ายสากลด้วย

“ขบวนการก่อการร้ายสากลที่มาใช้ไทยเป็นฐานในการเข้ามาอยู่ เข้ามาวางแผน เป็นเรื่องค่อนข้างชัดเจน พอๆ กับมาเลเซีย โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน ถูกหยิบยกมาพูดคุยมากในเวทีความมั่นคงระหว่างประเทศว่า ไทยกับมาเลเซียถูกใช้เป็นฐานก่อการร้าย โดยเฉพาะช่วงนั้นที่คนก่อการร้ายไปอยู่ในมาเลเซียพอดี”

ส่วนนี้ทำให้ประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ค่อนข้างมีความกังวลใจมาก เพราะประเทศเหล่านี้มีกระบวนการตรวจสอบที่ดี แต่สำหรับไทยและหลายๆ ประเทศในเอเชีย ยังมีปัญหาเรื่องของการตรวจสอบพาสปอร์ต เรียกได้ว่าอยู่ในชั้นที่มีปัญหา รวมถึงมีการทำเอกสารปลอมได้ง่าย ทั้งพาสปอร์ต, เอกสารปลอม, ทุจริตเครดิตการ์ด ที่ทั้งหมดนี้อยู่ในกรอบของเรื่องการก่อการร้ายสากลทั้งสิ้น

กลุ่มก่อการร้ายสากลในไทยมีมากกว่า 20 กลุ่ม

ที่น่าตกใจคือ หน่วยความมั่นคงของไทยยอมรับว่า ในประเทศไทยมีกลุ่มผู้ก่อการร้ายสากลเข้ามาในไทยอย่างน้อย 20 กลุ่ม ที่มีการขึ้นทะเบียนเฝ้าระวังของฝ่ายความมั่นคงอยู่

“ฮิมบาลี หัวหน้าฝ่ายเจไอ ก็มาใช้เมืองไทยในการปฏิบัติการ นอกจากนี้ก็มีกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ กลุ่มก่อการร้ายในอิสราเอลที่มีความพยายามในการเข้ามาวางระเบิดสถานทูตอิสราเอลในประเทศไทย กลุ่มอัลเกดาห์ และกลุ่มอื่นๆ อีกกว่า 20 กลุ่ม”
แฟ้มภาพ
โดย ริดวน อิซามุดดิน หรือ “ฮัมบาลี” นี้เป็นแกนนำกลุ่มก่อการร้ายเจไอ และสมุนคู่กายอีก 2 คน ถูกทางการไทยและซีไอเอจับกุมได้ พร้อมระเบิดและคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีข้อมูลที่ทำให้เชื่อว่าเขาเป็นคนประสานงานระหว่างอัลเกดาห์กับเจไอ โดยมีการตั้งสำนักงานท่องเที่ยวขึ้นบังหน้า แต่เบื้องหลังจัดสมาชิกให้ขบวนการเจไอ ส่งไปฝึกและช่วยรบในพื้นที่ที่มีปัญหา เช่น อัฟกานิสถาน บอสเนีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ตอนใต้ มักจะเข้าๆ ออกๆ ระหว่างมาเลเซีย ไทย และเวียดนาม อยู่เป็นประจำ โดยฮัมบาลีลักลอบเข้ามาอยู่ในประเทศไทยที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ช่วงก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก (APEC) วันที่ 20-21 ตุลาคม 2546 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เขาวางแผนที่จะโจมตีสายการบินพาณิชย์และโรงแรมชื่อดัง 2 แห่งใน กทม.ที่บริหารโดยนักธุรกิจชาวอเมริกัน หลังการจับกุมทางการไทยได้ส่งตัวฮัมบาลีไปให้สหรัฐฯ สอบสวน และมีหลักฐานเชื่อว่าเขาเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรม 11 กันยายนด้วย

นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมก่อนหน้านี้ ฝ่ายตำรวจโดยเฉพาะสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) มีการจัดสัมมนาเรื่องนี้หลายครั้ง โดยเมื่อ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ก็มีการจัดสัมมนาเรื่องนี้ที่ห้องประชุมโรงแรมเซ็นทารา แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ขอนแก่น เพราะพบว่ากลุ่มก่อการร้ายมักจะเข้ามาประเทศไทยทางด่านตรวจคนเข้าเมืองและอยู่ในเมืองไทยราว 15-30 วัน ก่อนจะเดินทางไปประเทศอื่นๆ ซึ่งทาง สตม.มีการเปิดเผยด้วยว่ามีการขึ้นบัญชีดำชาวต่างชาติกว่า 4 หมื่นคนที่อาจจะเข้ามาใช้ไทยเป็นฐานก่อการร้ายด้วย

“มันเป็นเรื่องใหญ่ ที่ไทยถูกมองไม่ดีจากนานาชาติคือ มีเหตุการณ์ที่สืบต่อได้ว่ากระบวนการก่อการร้ายมาใช้ไทยเป็นฐาน ทั้งระเบิดในอิรัก, การที่นักศึกษาชาวพม่า 2 คน จี้เครื่องบินของสายการบินพม่าจากเมืองมะริดมาลงที่สนามบินอู่ตะเภา เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า หรือความพยายามในการวางระเบิดสถานทูตอิสราเอลในประเทศไทยหลายหน แต่ก็ผ่านมาได้”

รวมถึงเมื่อปี 2551 ที่ทางการไทยจับกุมนายวิคเตอร์ บูท ซึ่งถูกกล่าวหาจากทางการสหรัฐฯ ว่าเป็นราชาค้าอาวุธชาวรัสเซียได้ ขณะนำเครื่องบินแวะเติมน้ำมันที่สนามบินดอนเมืองด้วย

“จริงๆ ที่ผ่านมา มีความร่วมมือระหว่างชาติในการสนับสนุนให้ไทยแก้ปัญหานี้ โดยไทยก็มีความพยายามมาตลอด แต่เรื่องของอาชญากรรมข้ามชาติก็ต้องยอมรับว่ายังมีปัญหาอยู่มาก ทั้งการที่ไม่มีหน่วยงานกลาง, การประสานงานระหว่างหน่วยงานยังไม่ดีนัก รวมถึงเรื่องของงบประมาณที่ยังไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติการ ทำให้มีช่องว่างมาก จึงไม่แปลกที่ใครจะกังวลว่าไทยจะถูกใช้เป็นฐานของการก่อการร้ายของคนหลายกลุ่ม”

แต่ขณะนี้หน่วยงานของไทยทั้งสันติบาล ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยดูแลการก่อการร้ายของทหาร ก็เฝ้าระวังกันอยู่อย่างใกล้ชิด แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องการประสานงาน

รวมทั้งการประสานงานระหว่างประเทศ

“ที่ผ่านมาการประสานงานระหว่างประเทศก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องการตรวจสอบพาสปอร์ต แต่บริเวณรอยต่อ โดยเฉพาะเวียดนาม-จีน หรือบริเวณรอยต่อทางทะเล ก็ยังประสานงานยาก

“จีนมีปัญหาพลเมืองเยอะ ส่วนเวียดนามมีปัญหากังวลจีน การประสานงานจุดนี้ก็ต้องยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องประสานงานยาก ขณะที่มาเลเซียตอนนี้ถูกมองว่าแก้ปัญหาชักช้า ไม่มีประสิทธิภาพ ขณะที่ไทยได้ชื่อว่าเป็นแหล่งซ่องสุม วางแผนการก่อการร้าย”

แต่ที่ผ่านมาไทยก็มีความพยายามในการปรับกฎหมายเกี่ยวกับการดูแลการก่อการร้าย และอาชญากรรมข้ามชาติหลายตัว แต่ก็แสดงให้เห็นว่ายังไม่สามารถจัดการปัญหาได้ดีนัก

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวระบุว่า ปัญหาการก่อการร้ายสากลนี้เกี่ยวข้องกับความพยายามที่สหรัฐอเมริกามีท่าทีที่จะมาขอใช้ประเทศไทยทำโครงการการศึกษาการก่อตัวของเมฆมีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2555 ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

โดยประเทศสหรัฐอเมริกามีความพยายามที่จะใช้ไทยเป็นฐานทัพจริง แต่ต้องการจะเข้ามาในเชิงยุทธศาสตร์ เพราะที่ตั้งไทยเป็นที่ตั้งที่เหมาะเชิงยุทธศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น

ดังนั้นในส่วนของประเทศไทย ยังเป็นแหล่งที่หอมหวนสำหรับประเทศมหาอำนาจในเรื่องที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ และยังเป็นแหล่งให้กลุ่มก่อการร้ายเข้ามาวางแผนก่อการไม่สงบอย่างมาก ซึ่งต้องระวังทั้งคู่!

แนะไทยเร่งแก้ปัญหาแหล่งซื้อขายพาสปอร์ตปลอม

ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์เครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สหายไป และเกิดประเด็นพาสปอร์ตปลอมขึ้น ทั้งไทยและมาเลเซียก็ต้องหาทางแก้ปัญหา ทั้งในเรื่องของกระบวนการจัดการและการตรวจสอบพาสปอร์ตให้รัดกุม โดยเฉพาะไทยในประเด็นของการซื้อขายพาสปอร์ตปลอมเป็นเรื่องสำคัญมาก

“ระยะสั้นนี้ แม้พบหรือยังไม่พบเครื่องบินมาเลเซีย แต่ชื่อเสียงไทยเสียหายไปแล้ว ทำให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งประเทศที่มีปัญหา ดังนั้น ต้องใช้โอกาสนี้ทำให้เกิดมาตรฐานสากลขึ้นให้ได้”

ที่สำคัญท่าทีของไทยเวลานี้ต้องชัดเจน หนึ่งคือต้องให้ความร่วมมือกับต่างประเทศอย่างใกล้ชิดในการกู้ภัย ประสานงาน และการกวาดล้างกระบวนการทำผิดกฎหมายในประเทศไทย โดยเฉพาะกระบวนการทำพาสปอร์ตปลอมจะต้องจัดการให้ได้

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงกล่าวว่า การที่หนังสือเดินทางผู้โดยสารหายไป มีคนอื่นไปใช้แทนนี้ ถึงแม้ว่าจะถูกโยงข้อสงสัยไปถึงเรื่องขบวนการก่อการร้าย แต่อาชญากรรมข้ามชาติก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ และตัดประเด็นนี้ทิ้งไปไม่ได้ ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ซึ่งเมื่อมีผู้ขาย ย่อมมีกลุ่มผู้ซื้อ ที่เอาหนังสือเดินทางนี้ไปทำประโยชน์ แต่แน่นอนว่า เป็นเรื่องที่ไม่ดี และผิดกฎหมายแน่นอน เพราะคนที่จะใช้พาสปอร์ตปลอมย่อมเป็นคนที่มีปัญหาด้านกฎหมาย และต้องการปกปิดตัวเอง

“หนังสือเดินทางไทยปกติจะมีแก๊งที่ขโมยหนังสือเดินทางเพื่อไปขายต่อ แล้วจะมีแก๊งซื้อหนังสือเดินทางปลอมมาซื้อไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง เป็นขบวนการผิดกฎหมาย เป็นอาชญากรรมด้วย และเราก็ไม่รู้ว่าคนซื้อไป ซื้อไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ ทั้งการก่อการร้าย หรือจะเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ แต่ไม่ว่าเรื่องไหนก็ไม่ดีกับประเทศไทยทั้งนั้น”

เพราะฉะนั้น ประเทศไทยต้องรีบจัดการปัญหานี้!

กำลังโหลดความคิดเห็น