3 ธ.ค.รัฐบาลมาเหนือสั่งตำรวจเปิดแบร์ริเออร์ให้ม็อบเข้า บช.น.-ทำเนียบ แสดงสัญลักษณ์แบบง่ายๆ ทำให้ความชอบธรรมทางการเมืองพลิกมาอยู่ฝ่ายรัฐ-มวลชนเสียความชอบธรรม ซ้ำยังประกาศชัยชนะที่นักวิชาการรัฐศาสตร์เรียกว่า “ไม่ได้อะไรเลย” เผยปูยื้อเวลารอยุบสภา 14-15 ธ.ค. “สมชาย-นพดล” กลับมาผงาด ระบอบทักษิณฟื้นชีพเต็มรูปแบบ แนะ “สุเทพ” เร่งแก้เกมก่อนพ่าย ขณะที่นักสันติวิธีเชื่อมีการเจรจา 2 ฝ่ายลับตลอด ส่วนทักษิณหมดสิทธิกลับบ้าน 10 ปีก็ไม่ได้กลับ!
การต่อสู้ในรอบ 2 วันที่ผ่านมา คือวันที่ 1 และ 2 ธ.ค. ถือว่าเป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่ดุเดือดรุนแรงจากทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายมวลมหาประชาชนที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะตำรวจ ที่ต่อกรมวลชนที่จะบุกเข้าพังแบร์ริเออร์ด้วยแก๊สน้ำตา, น้ำผสมสารเคมี และกระสุนปลอม
ความรุนแรงลุกลามมากขึ้นต่อเนื่อง จนคืนวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายสุเทพได้ประกาศนำมวลชนเข้าบุกทำลายแบร์ริเออร์เข้ายึดกองบัญชาการตำรวจนครบาลให้ได้ภายใน 15.00 น.
“2 วันนี้พี่น้องเอ๋ย พรุ่งนี้ไปให้มันยิงอีก! พรุ่งนี้ต้องยึดกองบัญชาการตำรวจนครบาลให้ได้ รวมกำลังมหาประชาชนทุกสายให้ได้ พรุ่งนี้ยึดกองบัญชาการตำรวจนครบาลมาให้ได้ ให้ตำรวจเห็นว่าประชาชนที่มือเปล่าอย่างเราไม่มีอาวุธ สามารถต่อสู้กับสมุนทรราชที่ทำกับเราด้วยความรุนแรง และเอาชนะได้” นายสุเทพ กล่าว ณ เวทีแจ้งวัฒนะ 2 ธ.ค. 56
“พรุ่งนี้แต่เช้า ไปเช้าๆ ลงมือตั้งแต่เช้า เพราะฉะนั้นพี่น้องประชาชนที่ยังติดใจกองบัญชาการตำรวจนครบาล พรุ่งนี้ตื่นทานอาหารตั้งแต่เช้ามืด 7 โมงจัดขบวนไปด้วยกัน แล้วยึดกองบัญชาการให้ได้ประมาณบ่าย 3 โมง ลูกน้องคำรณวิทย์มันก็เผาไม่ทัน เราก็ออกมาได้หมด” นายสุเทพ กล่าว ณ เวทีแจ้งวัฒนะ 2 ธ.ค. 56
กาลกลับตาลปัตรเมื่อแผนบุกยึด บช.น.ง่ายเกิน ด้วยการเปิดทางให้มวลชนเข้าไปยึดได้ง่ายๆ จากทางฝ่ายตำรวจ
ศึกชิงความชอบธรรมปรากฏภาพตำรวจถูกรังแก ได้รับความชอบธรรมไปเต็มๆ
แถมการประกาศชัยชนะไม่ถูกเวลาทำให้ภาพของแกนนำมวลชนลดความน่าเชื่อถือ สร้างความสับสน และเสียมวลชนไปจำนวนหนึ่งอย่างไม่ควรจะเกิดขึ้น
ศึกรอบนี้ รัฐบาลได้คะแนนนำ?
พลเอกเอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธี และธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า วิเคราะห์ว่า ความขัดแย้งรุนแรงเริ่มตั้งแต่เหตุการณ์ลอบยิงนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่มีคนบาดเจ็บ ล้มตาย แต่ตำรวจไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือ ต่อมาความขัดแย้งมวลชนได้มากขึ้นเมื่อมวลชนพยายามบุกไปตามสื่อมวลชนต่างๆ มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น และเพิ่มมากขึ้นตามลำดับเมื่อคืนวันที่ 2 ธ.ค. หลังแกนนำมวลชนประกาศหยุด แต่มีอยู่กลุ่มหนึ่งไม่หยุด ซึ่งไม่รู้ว่าใครยิงปืน เผารถ ทำให้เกิดความระส่ำระสาย
พอดีนายสุเทพ ประกาศพังแบร์ริเออร์ยึด บช.น.ในวันรุ่งขึ้น สถานการณ์เตรียมรุนแรงเต็มที่ แต่ปรากฏว่าจบลงง่ายๆ เมื่อ ผบช.น.ได้คุยกับพลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง
“ผมคิดว่ามีการคุยกัน แล้วก็มีการขอร้องให้ตำรวจถอยออกจากแท่นปูน ก็ยอม เพราะหากวันนี้ตำรวจไม่ยอม สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการบาดเจ็บ และอาจมีคนตาย”
ขณะที่ม็อบเองก็เรียนรู้วิธีป้องกันแก๊สน้ำตา และวิธีพังแบร์ริเออร์ ถ้าตำรวจไม่ยอมมีแตกหัก และคนที่รับผิดชอบคือนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขณะที่นายสุเทพมีความพยายามใช้โทนรุนแรงมาตลอด คือมีการแสดงท่าทีว่าไปเพื่อแสดงสัญลักษณ์
แต่เมื่อตำรวจเปิดทางให้ม็อบ ทุกอย่างจบ! จบอย่างง่ายๆ มวลชนเริ่มสับสน
“ผมมองว่ามีการเจรจาเกิดขึ้นนะ เพราะโทนเริ่มดาวน์ลง ตั้งแต่คุณสุเทพไปขอให้สื่อถ่ายทอด และขอให้ราชการหยุดทำงาน แต่ไม่สำเร็จ ก็เดินต่อไปยาก ก็ไม่มีทางออก ขืนวันนี้ดุเดือด พรุ่งนี้จะดุเดือดมากกว่า แต่ไม่ได้เพราะเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาแล้ว ต้องให้จบไปก่อน”
ทั้งนี้ยังมองว่าจบครั้งนี้ไม่ใช่จบตลอดไป แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ม็อบจะชนะในเร็ววัน
“คุณยิ่งลักษณ์มีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่ง คือเป็นคนไม่ปล่อยอารมณ์ ไม่ค่อยแสดงอาการให้เห็น เป็นคนอื่นเป็นนายกฯ ตอนนี้แตกหักไปแล้ว แต่คุณยิ่งลักษณ์ใช้วิธีบอกว่ายอมทุกอย่าง จะทำอะไรก็เอาหมด ขอให้เจรจา ตรงนี้ทำให้คุณยิ่งลักษณ์ได้ความชอบธรรมส่วนหนึ่งไป เพราะบุคลิกของคุณยิ่งลักษณ์เอง และการเปลี่ยนตัวคนที่อยู่ในอำนาจหลายคนในช่วงนี้ก็เป็นภาพของการลดความรุนแรงลงด้วย”
สำหรับศึกทางการเมืองวันนี้ คิดว่าทางออกของประเทศไทยมีตรงจุดที่ว่า ฝ่ายรัฐบาลก็เคยทำสภาปฏิรูป, ฝ่ายนายสุเทพก็อยากให้มีการทำปฏิรูป, พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเองก็เสนอปฏิรูป เป็นสิ่งที่ตรงกันอย่างหนึ่ง ดังนั้นถ้าเอาจุดนี้มาตั้ง แล้วคุยกันน่าจะมีทางออกที่ดี มาสร้างอนาคตร่วมกัน รูปแบบว่ากันทีหลัง
โดยการที่รัฐบาลยอมปฏิรูปถือว่ารัฐบาลเดินเกมมาถูก ต้องยอมให้มีการคุยกัน ต้องมีท่าทีสนับสนุนการปฏิรูป และปฏิรูปให้สำเร็จก่อนค่อยยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่
จุดนี้เมื่อเพื่อไทยฐานเสียงกว้างกว่าประชาธิปัตย์อยู่แล้ว โอกาสประชาธิปัตย์จะมาชิงฐานเสียงไปก็ยาก แต่เพื่อไทยก็ต้องยอมรับว่าต้องใช้เวลานานมากที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยกลับมาได้รับคะแนนนิยมจากคนที่ต่อต้านได้
“ต้องสร้างความน่าเชื่อถืออีกนาน ผมดูผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนไม่เคยด่าใคร ไม่น่าจะด่าใคร แต่ก็ด่านายกฯ ด้วยถ้อยคำรุนแรง จะเปลี่ยนความคิดของคนในสังคมที่ไม่ชอบนายกฯ วันนี้ยากแล้ว พรรคเพื่อไทยก็เช่นกัน”
รัฐบาลมาเหนือชิงความชอบธรรม
สรุปได้ว่า รัฐบาลชิงความได้เปรียบเรื่องความชอบธรรม!
อาจารย์ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า วันนี้คนที่ได้เครดิตทางการเมืองคือรัฐบาลจริงๆ
เหตุผลคือความรู้สึกของคนที่ดูสถานการณ์ทางการเมืองอยู่ รู้สึกว่า รัฐบาลเป็นผู้ประนีประนอม ไม่ใช้ความรุนแรง เปิดพื้นที่ให้ผู้ต่อต้านไปแสดงสัญลักษณ์ ไม่จำเป็นต้องเกิดการนองเลือด
ภาพที่ออกมาคือ รัฐบาลต้องการความสงบ และต้องการจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษา
รัฐบาลก็ได้เครดิตไปเต็มๆ!
ในฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ก็ได้ขวัญกำลังใจ จากการได้แสดงสัญลักษณ์แต่ไม่ได้เป็นประโยชน์ เพราะรัฐบาลไม่ได้ถอยอะไร ตำรวจรู้อยู่แล้วว่าเมื่อเปิดพื้นที่ให้เข้าไปแล้วเดี๋ยวก็ต้องออกจากทำเนียบรัฐบาล ไปอยู่นานม็อบก็ขาดความชอบธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ
เกมของรัฐบาลตอนนี้เลยชัดว่า “ต้องการซื้อเวลา”!
อาจารย์ไชยันต์กล่าวว่า หากวันนี้รัฐบาลใช้ความรุนแรง คนต่อต้านจะมากขึ้นอีก และจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จากการประเมินในรอบ 2 วันที่ผ่านมา ที่ตอนแรกประเมินต่ำว่าม็อบต้องน้อยลง น้อยลง แต่ไม่ใช่ ดังนั้นรัฐบาลจึงเปลี่ยนแผนเปิดให้เข้ามาอย่างไร้ความรุนแรง
ต่อจากนี้ไปคนชุมนุมจะเหนื่อยเพิ่ม เพราะวันนี้ไม่ได้อะไร!
แผนสูงรอ “สมชาย-นพดล” คืนชีพระบอบทักษิณ
“ตอนนี้นายกฯ ใช้ภาพวิงวอน ขอให้ทุกฝ่ายร่วมเจรจา เปิดเกมให้นักวิชาการเข้ามาหารือ เปลี่ยนตัวคนต่างๆ แต่ที่จริงคือมันไม่เหลือความชอบธรรมแล้ว คนไม่เชื่อถือ แต่วันนี้การเล่นภาพไม่รุนแรง ทำให้ได้เปรียบ ทั้งๆ ที่ที่จริงคือแค่ซื้อเวลา รอฟักไข่เอเลี่ยน”
เอเลี่ยนคือ บ้านเลขที่ 109 ของพรรคเพื่อไทย เอเลี่ยนตัวสำคัญได้แก่ 1. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 2. นายนพดล ปัทมะ
“พวกนี้พ้นโทษเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. พอวันที่ 3 ธ.ค.ก็รีบไปลงสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทยเลย มันมีเหตุผล คือเป็นไข่ที่รอฟัก”
ตามเงื่อนไขของกฎหมาย
เงื่อนไขแรก คนที่จะลงเลือกตั้งได้ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ต่ำกว่า 30 วัน เมื่อสมัครวันที่ 3 ธ.ค. นับไป 30 วันคือประมาณวันที่ 2 มกราคม 2557
เงื่อนไขที่สอง เมื่อนายกฯ ยุบสภา คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศให้ใช้เวลา 20 วัน ถึงจะประกาศรับสมัครลงเลือกตั้ง ดังนั้นเงื่อนเวลาที่เหมาะสมสำหรับการยุบสภาที่ดีที่สุดคือวันที่ 14-15 ธันวาคม เมื่อนับไปอีก 20 วัน จะมีวันรับสมัครเลือกตั้งได้ในวันที่ 4 มกราคม 2557
สอดรับกันพอดีกับเงื่อนไขที่ไข่เอเลี่ยนอย่างนายสมชาย และนายนพดล จะลงสมัครเลือกตั้งได้พอดีๆ
“วันนี้ฝ่ายรัฐบาลเลยทำอะไรเหมือนดูไร้เหตุผล ในการเปิดให้ม็อบเข้ายึด บช.น.และเข้าทำเนียบ ทั้งๆ ที่มีท่าทีที่แข็งกร้าวมาตลอด”
สาเหตุคือ นายกฯ ต้องพยุงสถานการณ์ไปให้ถึงวันที่ 14 หรือ 15 ธันวาคมให้ได้เพื่อยุบสภา ระหว่างนี้หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงจนถึงขั้นนองเลือด ก็จะเพลี่ยงพล้ำได้ง่าย
เหตุการณ์ที่เข้ามาช่วยนายกฯ ได้มากคือการเดินทางไปต่างประเทศหลังวันที่ 5 ธ.ค.ที่จะไปรัสเซีย ก็จะทำให้รัฐบาลไม่มีเวลายุบสภา กลับมาก็วันที่ 8-9 ธ.ค.ก็ติดวันรัฐธรรมนูญอีก ก็มีเหตุผลในการไม่ยุบสภาอีก ยืดไปให้ถึงวันที่ 14-15 ธ.ค.ให้ได้ ตรงนี้ต้องรอดูว่าถ้ายอมจริง น่าจะต้องยอมก่อนวันที่ 14 ธ.ค.
“การถอยวันนี้ของรัฐบาล ไม่ได้ถอยอะไรเลย แต่กลับมีระบอบทักษิณที่เตรียมกลับมาผงาดอยู่เบื้องหลัง เป็นการสืบสานระบอบทักษิณที่ชัดเจนมาก”
แถมยังตอกย้ำทำสิ่งที่เป็นการยั่วม็อบต้านมากขึ้นไปอีกด้วยการทำในสิ่งที่เรียกว่า “ตบหน้า” ด้วยการที่ ครม.ตั้งนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ และนายอุดม มั่งมีดี ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและการพิจารณาพิพากษาคดี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการฯ ชุดปัจจุบันที่จะพ้นวาระ ซึ่งทั้งนายจุลสิงห์ และนายอุดม ต่างเป็นคนในเครือข่ายระบอบทักษิณ
นอกจากนี้ วันเดียวกัน เหล่าบ้านเลขที่ 109 ที่เพิ่งพ้นโทษได้เพียง 1 วันก็จับมือกันไปสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทยเรียบร้อย
ทั้งหมดทั้งปวงคือพรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์!
แล้วม็อบมวลมหาประชาชนจะแก้เกมได้ไหม?
แนะ “สุเทพ” เร่งแก้เกมก่อนพ่าย
อาจารย์ไชยันต์กล่าวว่า เวลานี้สิ่งที่แกนนำม็อบควรทำมากที่สุดมี 2 ประการ คือ
1. ควรให้ข้อมูลความลึกลับซับซ้อนของระบอบทักษิณ ตีแผ่ออกมาให้คนเข้าใจ
2. ชี้ให้เห็นว่าการยื้อหน้าด้านเป็นอย่างไร เบื้องหลังความน่าซื่อตาใส แต่ภายหลังร้ายกาจเพียงไร ต้องชี้ให้มวลชนเห็นให้ได้
และต้องรีบแก้เกม ไม่เช่นนั้น ระบอบทักษิณก็กลับมาอีก!
แต่อย่างมากที่สุด ถ้าวันนี้มวลมหาประชาชนแพ้ ระบอบทักษิณก็จะกลับมา แต่กลับมาได้แค่ระบอบ ตัว พ.ต.ท.ทักษิณเองนั้น ปิดฝาโลงได้เลยว่าจะได้กลับประเทศไทยในเร็ววันนี้
จุดนี้ พลเอกเอกชัยกล่าวว่า โอกาสที่พี่ชายนายกฯ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะกลับมา จึงพูดได้เลยว่า ไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะไปทางไหน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นดังเชื้อไฟที่จะกลับประเทศไทยไม่ได้อีกแล้วอย่างน้อย 10 ปี
“ต้องอยู่เฉยๆ เลิกเล่นการเมืองให้จริง อย่างเร็ว 10 ปีอาจจะกลับได้ แต่ถ้าไม่หยุด ก็ยากที่จะกลับมาได้ เพราะเป็นดังเชื้อไฟ กลับมาก็จะเกิดแรงต้านอย่างหนัก กว่าคนจะหายคลางแคลงใจนั้นยาก”
เปรียบกับถนอม ประพาส ยอมอยู่เฉยๆ ไม่กี่ปี บวชเป็นพระ คนไทยใจอ่อนก็ยอมให้อภัย แต่ พ.ต.ท.ทักษิณกลับทำให้คนเสียความเชื่อถือ ที่บอกว่าจะไม่เล่นการเมืองแต่มีความประพฤติตรงข้ามตลอด คนก็ไม่เชื่อถือ ถ้าอยากกลับมา ต้องอยู่เฉยๆ แต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป
หยุดเถิดทักษิณ!