เบื้องหลัง ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ เครียดจัดซื้อเวลา 180 วัน สั่งถอย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เหตุ ‘สมช.-สุรนันทน์’ ประเมินตัวเลขฝ่ายต้านผิดกว่าความเป็นจริง ขณะที่มวลชนทุกกลุ่ม ทุกชนชั้น และทุกสถาบัน เดินหน้าออกมาต้าน ส่งผลเสียทางการเมืองหนัก หวั่นม็อบไม่เลิกรา หาก ‘ปชป.’ จับกระแสยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชู ‘ค่าครองชีพ-ทุจริตจำนำข้าว’ ส่วนม็อบ พล.ต.จำลอง ถล่มประเด็น ‘ปราสาทพระวิหาร’ อีกทั้งปัญหาภายใน เพื่อไทย-นปช.เคลียร์ไม่ลงตัว จะเกิดพรรคเสื้อแดง ดึงมวลชนตีจากเพื่อไทยแน่
หลังจากนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แถลงการณ์ว่าฝ่ายบริหารไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ปล่อยให้เวทีวุฒิสภาเป็นผู้พิจารณาว่าจะรับ/ไม่รับพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้แล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงได้รับการขานรับจากประธานวุฒิสภา “นายนิคม ไวยรัชพานิช” ส.ว.ฉะเชิงเทรา นำ ส.ว.เลือกตั้งแถลง “คว่ำ” ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยจะพิจารณาในวันที่ 11 พ.ย. ในวาระ 1
“เราไม่อยากใช้คำว่าคว่ำร่างๆ แต่จะเป็นการยับยั้งมากกว่า ซึ่งเป็นคำเดียวกัน เพราะเราจะคำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก และความคิดเห็นที่หลากหลายมาพิจารณา ตนยืนยันว่า ส.ว.ทุกกลุ่มมีทางออกให้ประเทศชาติ ส่วนผลการประชุมในวันที่ 11 พ.ย. จะออกมาเป็นอย่างไร มั่นใจว่าประชาชนจะยังรู้สึกว่าวุฒิสภาเป็นที่พึ่งได้” ส.ว.นิคมแถลง
โดยจะมีการใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญมาตรา 148 ส่งร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมกลับไปที่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ใช้เวลา 180 วัน ว่าจะยืนยันร่างเดิมหรือไม่
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณจากทักษิณ สั่งถอย! โดยปรากฏในวันที่ 5 พ.ย. 56 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐได้เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ซึ่งเป็นข้อความที่คล้ายคลึงกับที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์แถลงในบ่ายวันเดียวกัน และตามด้วยนายนิคม ที่ทุกอย่างเป็นเรื่องของวุฒิสภา ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารนั่นเอง
เพื่อไทยเผย “ทักษิณ” เครียดหนัก 3 ปัญหาจ่อคอหอย
แหล่งข่าววงในพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าใจแล้วว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นของม็อบครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะความใจร้อนเกินไป รีบเกินไป และมั่นใจว่าการพิจารณากฎหมายฉบับนี้จะไม่มีแรงต้าน ด้วยการประเมินของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ที่ให้ความมั่นใจกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ว่าเดินหน้าตอนนี้ไม่มีแรงต้านอย่างแน่นอน
แต่คาดผิด และการคาดการณ์ผิดครั้งนี้ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ “พลาดพลั้ง” จนเสียหายทางการเมืองอย่างหนักเพราะคนออกมาคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ใช้หลักเสียงข้างมากแบบเผด็จการรัฐสภาจนยากที่ใครจะรับไหว แถมยังได้รับแรงหนุนจากองค์กรภาคเอกชนที่จุดประเด็นเรื่องการต่อต้านการล้างผิดให้คนทุจริตคอร์รัปชันที่จุดติด
พ.ต.ท.ทักษิณเลยต้องกัดฟันสั่งถอยแม้จะไม่เต็มใจ
แต่การถอยครั้งนี้ไม่ใช่การถอยเพื่อเลิก แหล่งข่าวพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รู้แล้วว่าพลาด จึงสั่งให้รอ 180 วัน ตามกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เพราะอย่างน้อยก็เป็นการยื้อเวลา และลดกระแสการต่อต้านลงไปได้ หากพรรคฝ่ายค้าน หรือม็อบกลุ่มต่างๆ ไม่หยิบยกประเด็นอื่นๆ เพื่อดึงมวลชนที่ชุมนุมให้อยู่ต่อเพื่อเป้าหมายโค่นรัฐบาลยิ่งลักษณ์โดยตรง
ดังนั้นการออกมาให้สัมภาษณ์ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ นายนิคม รวมถึง นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เสมือนหนึ่งเป็นการถอยร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แท้จริงแล้วกลับเป็นการถอยที่มีนัยสำคัญที่กลุ่มต่างๆ ต้องเฝ้าติดตาม
เพราะมีกระแสต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งให้หยิบยกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของนายวรชัย เหมะ มาดำเนินการแทน ขณะที่กลุ่มต่างๆ ต้องการให้ยกเลิกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไปเลย โดยไม่ให้มีการนำมาพิจารณาไม่ว่าฉบับใด
“เจษฎ์” ชี้ทักษิณจะได้เปรียบถ้ารอ 180 วัน-มวลชนแผ่ว
รองศาสตราจารย์ ดร.เจษฎ์ โทณวณิก นักวิชาการด้านกฎหมาย ผู้อำนวยการบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสยาม กล่าวว่า มวลชนแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ไม่เอานิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่ายทุจริต เช่น ประชา มาลีนนท์, กลุ่มที่ไม่เอานิรโทษกรรมให้บุคคลที่อยู่ในสถานะผู้สั่งการสถานการณ์ชุมนุม กลุ่มนี้ได้แก่ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ และกลุ่มที่ไม่เอานิรโทษกรรมให้แกนนำ ได้แก่ กลุ่มนายณัฐวุฒิ, นายจตุพร รวมถึงแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ทั้ง 3 กลุ่มนี้ต่างมีหลักการต่อต้านของมวลชนต่างกัน แต่ไม่พอใจรัฐบาลเหมือนกัน หาก พ.ต.ท.ทักษิณกลับไปใช้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนายวรชัย จึงรับประกันไม่ได้เลยว่า จะหยุดความไม่พอใจของคนกลุ่มต่างๆ ได้ทั้งหมด
“ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของคุณวรชัยมีปัญหา เทียบกับกฎหมายอาญา เป็นข้องดเว้นของกฎหมายอาญา ที่ตามหลักจะต้องตีความให้เคร่งครัดกว่ากฎหมายทั่วไป ดังนั้นจึงต้องระบุให้ละเอียดรัดกุมว่าจะช่วยใคร เพราะตามภาษากฎหมายสามารถเขียนให้กำกวมได้ เช่น ผู้สั่งการ แล้วผู้สั่งการรวมถึงใครบ้าง รวมถึง นายจตุพร, นายณัฐวุฒิ ด้วยหรือเปล่า อย่างนี้ถ้าไม่รัดกุม โอกาสเกิดปัญหาก็มีอีก”
แต่ถามว่า เวลา 180 วันที่มวลชนกลับบ้านไปแล้ว จะปลุกมวลชนขึ้นอีกทีในเวลานั้น คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
ส.ว.สรรหายืนยันต้านนิรโทษทุกฉบับ
อย่างไรก็ตาม กระแสต้านก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เป็นไปได้ที่รัฐบาลจะรอ 180 วันเพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอีกครั้ง แต่ก็ยังยืนยันว่าแม้แต่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของนายวรชัยเอง ก็มีปัญหาหลายจุด และสามารถบิดเบือนแทรกแซงเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ดี ดังนั้นจึงยืนยันว่าจะค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของรัฐบาลนี้ต่อไปไม่ว่าร่างไหน
“ร่างของคุณวรชัยก็เป็นร่างที่มีปัญหาเยอะ เพราะการนิรโทษกรรมเป็นคดีอาญา มีการเขียนไว้ก็ยังไม่ชัดเจน เวลาตีความก็สามารถตีความถึงแกนนำได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นคิดว่ารัฐบาลควรหยุดทำเรื่องนี้ได้แล้ว แล้วให้ประชาชนเป็นคนตัดสินว่าจะเอาอย่างไร”
อย่างไรก็ดี ขณะนี้แหล่งข่าวพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมั่นใจว่าเวลา 180 วันจะกลบกระแสแรงต้านทางการเมืองได้ หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนทางการเมือง
“พ.ต.ท.ทักษิณยอมที่จะรอ 180 วัน เพื่อจัดการเรื่องต่างๆ ให้เสร็จ”
และเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็พร้อมแล้วสำหรับการ “ยุบสภา” ด้วยความเชื่อมั่นว่า ยังไง “พรรคเพื่อไทย”ก็กลับมา!
สำหรับประเด็นแทรกซ้อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยมีกังวลในขณะนี้ที่เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำม็อบบางกลุ่มจะหยิบยกมาจุดกระแสให้ม็อบเกลียดชังถึงขั้นขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จนสร้างความไม่ปลอดภัยให้ตระกูลชินวัตร อยู่ด้วยกัน 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1. ปราสาทพระวิหาร 2. ข้าวของแพง 3 ทุจริตคอร์รัปชัน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการจำนำข้าว ซึ่งเกรงว่าจะมีหลักฐานชัดที่จะโค่นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้
“ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการโหนกระแส ดึงมวลชน เขาก็จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล องค์กรต้านคอร์รัปชัน อาจมีหลักฐานประสานกับฝ่ายค้าน ทุกอย่างก็จะจุดติดได้ง่าย มวลชนก็พร้อมจะเดินตาม”
“ค่าครองชีพ-พระวิหาร” ระเบิดเวลาทักษิณ!
แหล่งข่าวย้ำว่าการโหนกระแสมวลชนต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ โดยการเดินเกมอภิปรายไม่ไว้วางใจ น่าจะมี 2 ประเด็นที่สังคมรับไม่ได้ คือ ปัญหาค่าครองชีพสูง และการทุจริตคอร์รัปชันมาก อีกทั้งยังมีปัญหาที่อาจจะรุนแรงมากกว่า เพราะเกี่ยวกับเรื่องของชาตินิยมคือ เรื่องปราสาทพระวิหาร ที่คนรับรู้มาตลอดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และตระกูลชินวัตรมีความข้องเกี่ยวกับรัฐบาลกัมพูชา และมีความพยายามที่จะช่วยเหลือทางกัมพูชามากกว่าจะรักษาผืนแผ่นดินของประเทศไทยมาตลอด
ทั้งค่าครองชีพ ทุจริตจำนำข้าว และปราสาทพระวิหาร คือ ระเบิดเวลาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่นับถอยหลังอีกไม่กี่วันนี้แล้ว
โดยทั้ง 3 ประเด็นเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องตั้งรับให้ดี เพราะเวลานี้ประชาชนคนชั้นกลางออกมาต่อต้านแทบทุกสถาบัน ยิ่งทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หวั่นใจว่าถ้าประชาธิปัตย์เดินเกมอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะจุดติดให้ภาคประชาชนออกมาขับไล่รัฐบาลต่อทันที
ขณะที่ คปท.ก็ประกาศว่าจะยกระดับการชุมนุมคัดค้านระบอบทักษิณทั้งระบอบ และมีจุดยืนในการขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ อีกทั้งจะมีกองทัพสมัชชาเกษตรกรจากทั่วประเทศเข้าเสริมกำลังม็อบ คปท.ด้วย
เป้าหมายคือ “ยิ่งลักษณ์ต้อง GET OUT” เท่านั้น!
ปชป.เตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจเป้าหมายเดียว
ด้าน นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ บัญชีรายชื่อ เปิดเผยกับ “ทีม Special Scoop ผู้จัดการรายวัน” ว่าขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์กำลังเตรียมพร้อมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว อย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณกลัว และจะยื่นในอีกไม่นานนี้แน่นอน เพราะต้องยื่นญัตติและอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนหมดสมัยประชุมสภาฯ คือวันที่ 28 พ.ย.นี้แล้ว รอแค่จังหวะที่เหมาะสม
ที่สำคัญคือ เป้าหมายการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ที่ประชาธิปัตย์เตรียมพร้อม เป็นอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พุ่งเป้าไปที่คนคนเดียวเท่านั้น คือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี!
เพราะทุกปัญหาเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดของคนตระกูลชินวัตร
งานนี้ “ทักษิณ” มีเสียว!
“จตุพร-ณัฐวุฒิ” เตรียมตั้ง “พรรคเสื้อแดง”
แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย ยังบอกถึงปัญหาความขัดแย้งจากร่าง พร.บ.นิรโทษกรรม ที่ทำให้มวลชนคนเสื้อแดง และ ส.ส.เพื่อไทย ขัดแย้งกันหนัก ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะรีบดำเนินการแก้ไข เพราะหากยุบสภาตอนนี้เชื่อว่าจำนวนเสียงของพรรคเพื่อไทยหลุดหายไปแน่นอน
“แกนนำมวลชนอย่าง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นพ.เหวง โตจิราการ ฯลฯ ที่ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมให้กับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เพราะไม่สามารถตอบคำถามมวลชนคนเสื้อแดงได้ และยังโดนถอดรายการออกจากผังของ voice TV อีก”
ดังนั้น หาก พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยจัดการเคลียร์ปัญหานี้ไม่ได้ ซึ่งมีข่าวในพรรคแล้วว่าแกนนำ นปช.เหล่านี้ที่มั่นใจว่ามีมวลชนของตัวเอง จึงกำลังวางแผนที่จะออกไปตั้งพรรคใหม่ คือ พรรคคนเสื้อแดง ต่อสู้ในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าต่อไป จะได้มา 5-10 ที่นั่งก็ยังดีกว่าการทรยศพี่น้องรากหญ้า คนเสื้อแดงด้วยกัน
แหล่งข่าวย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคได้มีการประเมินแล้วว่า หากยุบสภาในช่วงนี้ที่มีกระแสต่อต้านตระกูลชินวัตร และพรรคเพื่อไทยอย่างรุนแรง จะทำให้การเลือกตั้งครั้งหน้าแม้จะชนะเลือกตั้ง แต่จะได้คะแนนเสียงลดลง และในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้นคะแนนก็จะไม่ได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่จะเพิ่มในสัดส่วนของพรรคขนาดกลางและพรรคเล็กพรรคน้อย โดยเฉพาะพรรคเสื้อแดงที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่
“180 วันนี้ จะทำให้การพูดคุยกับกลุ่มแกนนำ นปช. และมวลชนคนเสื้อแดงให้กลับมาร่วมงานกันง่ายขึ้น และยุติความคิดตั้งพรรคใหม่”
ดังนั้น ปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องม็อบ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมไปถึงความแตกแยกของมวลชนคนเสื้อแดงที่จะมีการไปตั้งพรรคใหม่นั้น ล้วนเปรียบเสมือนไฟร้อนที่กำลังเผาไหม้ 2 พี่น้องชินวัตรและพรรคเพื่อไทยในขณะนี้