xs
xsm
sm
md
lg

ถอดรหัส...คลิปฉาว ! เปิดโปงแผนยึดกองทัพ กินรวบประเทศ (ฉบับเต็ม)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันเข้ารับตำแหน่งรมว.กลาโหม อีกตำแหน่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 56
นับว่าอาการเข้าขั้นโคม่าทีเดียวสำหรับรัฐบาลเพื่อไทย ภายใต้การนำของ 'นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' เพราะพิษของคลิปฉาวที่ถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อนถือเป็น 'หลักฐาน' ชั้นดีที่เปลือยตัวตนของ 'นช.ทักษิณ ชินวัตร' อย่างล้อนจ้อนว่าเขาแต่งตั้ง "บิ๊กอ๊อด" พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ให้เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้ามาปฏิบัติภารกิจ 'พาทักษิณกลับบ้าน' โดยอาศัยช่องทางของสภากลาโหม ออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม
 
ขณะเดียวกันก็มีแผนชั่วที่คิดจะฮุบอำนาจกองทัพ โดยเข้ามาล้วงลูกแต่งตั้งบิ๊กทหารเพื่อเอาคนของตัวเองมคุมบังเหียนเพื่อรวบอำนาจให้เบ็ดเสร็จ และใช้นายทหารที่ตนแต่งตั้งไปกดดันให้องคมนตรีบางท่านยอมเป็นพวก อีกทั้งยังเผยให้เห็นถึงสันดานพ่อค้าที่จ้องสานสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจเพื่อล็อบบี้เอาโครงการแม้กระทั่งในต่างประเทศ และที่ร้ายที่สุดคือความคิดอันต่ำทรามที่หวังจะใช้ตำแหน่งที่ปรึกษาทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เพื่อเข้ามาแสวงหาประโยชน์ และฟอกตัวให้คนหลงเชื่อว่าเขาจงรักภักดี

วรรคตอนใดบ้างที่ชี้ให้เห็นถึงแผนชั่วเหล่านี้ นักวิชาการซึ่งติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอย่างใกล้ชิด และมีมุมมองที่แหลมคมเท่าทันต่อบริบทต่างๆทางการเมือง อย่าง 'ผศ.ดร พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต' รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) จะมาถอดรหัส ให้เห็นถึงเนื้อแท้และเป้าหมายของ 'นช.ทักษิณ' นักโทษหนีคดีคอร์รัปชั่น จากบทสนทนาของคนเสียงคล้าย นช.ทักษิณ (ชายคนที่ 2) และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ (ชายคนที่ 1) ซึ่งเมื่อฟังจากเสียงรอบข้างที่ปรากฎในคลิปแล้วเชื่อว่าเป็นการพบปะกัน ณ สนามบิน แห่งหนึ่งในต่างประเทศ

จากบทสนทนาตอนที่ 1 ช่วงแรก จะเห็นชัดว่าทักษิณไม่ได้สนใจทหารใน 3 จว.ชายแดนใต้ ที่บาดเจ็บล้มตายจากการทำหน้าที่ปกป้องบ้านเมืองเลย

ตอนที่ 1

ชายคนที่ 1 (พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ...สร้างสถานการณ์ขึ้น เมื่อวาน ก็ทหารตายไปคน บาดเจ็บสาหัสพันเอกนะ ไอ้พันเอก นี่เป็นลูกพี่ ทส.ผม มันโดน มันเป็นหน่วยสันติสุข มันไปเป็นหน่วยจิตวิทยานะครับ ไปดูเรื่องการสร้างสันติสุขในพื้นที่ มันก็ไม่คิดว่าจะโดน โดน 6 คนเลย เมื่อวาน โดนระเบิดครับ

ชายคนที่ 2 (ทักษิณ) ดูดีเชียว เท่าไหร่พี่ปีนี้

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - 76 ละครับ

ชายคนที่ 2 (ทักษิณ)- เออ...ดูดี ดูเป็นคนไม่แก่นะ …..

พล.อ.ยุทธศักดิ์ พูดถึงเหตุทหารหน่วยสันติสุข ซึ่งโดนระเบิด เมื่อวันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2556 เวลา 11.40 น.ที่บริเวณหน้าค่ายอิงคยุทธบริหาร ซึ่งนายทหารยศพันเอกที่บาดเจ็บซึ่ง พล.อ.ยุทธศักดิ์เรียกว่า 'ไอ้พันเอก' ก็คือ 'พ.อ.พรเทพ กลัมพสุต' รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสันติสุข จะเห็นว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ จิกเรียกนายทหารที่เสียสละเหล่านี้ว่า 'ไอ้' ทุกคำ แปลว่าเขาไม่ได้ให้เกียรติและไม่เห็นว่าชีวิตของเพื่อนร่วมกองทัพนั้นมีค่าอะไร ขณะที่ทักษิณนั้นเห็นชัดว่าเขาไม่ได้สนใจหรือเป็นห่วงเป็นใยนายทหารบาดเจ็บล้มตายจากการสู้รบเลย ทักษิณกลับหันไปถามเรื่องอายุของยุทธศักดิ์โดยที่ไม่ได้ถามเรื่องทหารบาดเจ็บสักคำ

แล้วจะสังเกตว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ลงท้ายว่า “ครับ” กับทักษิณทุกคำ ขณะที่ทักษิณจะพูดว่า “เออ..” ตลอดเวลา ซึ่งตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของสองคนนี้ว่า ทักษิณเป็น 'เจ้านาย' และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ 'ลูกน้อง'

สิ่งที่ทักษิณเน้นมากคือประเด็นที่ต้องการให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ รายงานทุกเรื่องให้ นายกฯยิ่งลักษณ์ รู้ เพราะจะเห็นว่าทักษิณย้ำเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง ขณะที่ตัวนายกฯยิ่งลักษณ์เองก็สื่อให้ยุทธศักดิ์รับรู้มาหลายหนแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมานายกฯยิ่งลักษณ์มีปัญหาว่าไม่ได้รับการยอมรับจากฝ่ายการเมืองที่ดูแลด้านความมั่นคง คนเหล่านี้จึงไม่เห็นนายกฯยิ่งลักษณ์อยู่ในสายตา รายงานไปก็อาจจะไม่รู้เรื่อง ทำให้นายกฯมีปัญหาเวลาที่ถูกสื่อซักถามจึงตอบไม่ได้ หรือว่าในสมัยที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ เป็น รมว.กลาโหม เคยทำอะไรโดยไม่รายงานยิ่งลักษณ์

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - เวลาไปตรวจนะครับ นายกฯ ท่านบอกว่า ให้ผมไปด้วยทุกครั้ง แล้วให้รายงานทุกเรื่อง ผบ.ทบ.สั่งอะไรให้รายงานหมด

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - นายกฯ เขาแฮปปี้กับพี่นะ คือสมมติว่า เกิดว่าพี่ต้องไปทำงานให้นายกฯ โดยที่นายกฯ เขาไม่ได้ขอร่วม เรื่องของเรื่อง อยากให้พี่มีอะไรจะพูดกับเขา โดยตรงเป็นหลัก คือถ้าพูดกับเขาเรียบร้อยแล้วอะไรแล้ว การพูดคุยต้องเป็นอย่างนั้น แต่ไม่ใช่คนภายนอกรู้ก่อน แล้วเขาไม่รู้อะไรอย่างนี้ เขาจะกลัวเขาเป็นคนที่ Sensitive เรื่องนี้

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์)- ก็พูดกันเมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว นายกฯ บอกผม ต่อไปปูรู้ก่อน แล้วค่อยบอกคนอื่น

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - มันเป็นเรื่องของลีดเดอร์ชิป (Leadership) เพราะเขาโดนว่า โดนพูดเยอะ

หรืออีกช่วงหนึ่งที่ปรากฏในตอนที่ 2 ของคลิป ซึ่งมีการพูดคุยเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - อย่างพี่เองนะ พี่มีไรต้องคุยกันก่อน ต้องให้นายกฯ เขารู้ตลอด ไม่งั้นทำไรไม่พูด นี่ทำอะไรก็ไม่พูด ไม่รู้เรื่องกันพอดี

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ผม ผมเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่ใจผมนี่หวังดีตลอดเลยนะครับ ใจผมนี้ทำ

จากคลิปนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าขณะนี้ทั้ง 'พล.อ.ประยุธ์ จันทร์โอชา' ผู้บัญชาการทหารทหารบก และ 'พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร' ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยินยอมพร้อมใจที่จะยืนข้างยิ่งลักษ์และพรรคเพื่อไทย ดังนั้นจึงอย่าแปลกใจที่เห็น พล.อ.ประยุทธ์ ได้แต่คำรามทุกครั้งที่มีประเด็นร้อนเรื่องการจาบจ้วงสถาบัน โดยไม่ทำอะไร ขณะเดียวกันข้างฝ่ายทักษิณและ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ก็มองบิ๊กทหารเป็นลูกไล่ และไม่ได้รู้สึกว่าสองคนนี้มีศักดิ์ศรีอะไร

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์)- ไอ้ ผบ.สูงสุด ตอนแรกก็พูดกับท่านนายกฯ ไม่ค่อยรู้เรื่อง ตอนนี้ก็เรียบร้อยละครับ มันก็มาพูดกับนายกฯ เมื่อวันพฤหัสฯ ตรงๆ ว่าเมื่อก่อนนี้ผมยังมีอะไรเกี่ยงงอนอยู่บ้าง แต่เดี๋ยวนี้

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - (คุยโทรศัพท์กับใครคนหนึ่งถึงเรื่องการช่วยเหลือให้บางคนที่มีผลประโยชน์ร่วมกันสามารถรับงานในมาก็ได้)

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์)- ผบ.สูงสุดก็สารภาพตรงๆ กับนายกฯ ว่ายังมีอะไรบางอย่างที่ยังค้างใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ผมสนับสนุนหมดทุกเรื่อง ผมก็ชื่นใจ พา ผบ.สูงสุดมาพบกับนายกฯ ได้เรื่องนี้ด้วย

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - มันหูเบานะ ติดฟังเรื่องแม่ บ้าอะไร บ้าบอ

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ครับตอนนี้ก็เริ่มเข้าใจอะไรต่างๆ ผมก็พูดกับมันตรงๆ

จากบทสนทนานี้ดูเหมือนว่าคนที่ทักษิณ แค้นฝังหุ่น และเป็นศัตรูตลอดการก็คือ 'นายสนธิ ลิ้มทองกุล' แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นผู้ปลุกกระแสให้ประชาชนช่วยกันโค่นล้มระบอบทักษิณ อีกทั้งยังออกมาแฉว่าทักษิณอยู่เบื้องหลังขบวนการล้มเจ้า นี่จึงเป็นเครื่องยืนยันว่านายสนธิไม่เคยรับเงินจากทักษิณเพื่อแลกกับการหยุดโจมตีพรรคเพื่อไทยอย่างที่มีบางคนกล่าวหา

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - มีนักเรียนนายร้อยที่ไหน แม่งไม่จงรักภักดี ใช่มั้ย

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ขอบคุณครับ ... ไม่มีฮะ ปฏิญาณทุกเช้าทุกเย็น

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - ปรากฏว่า ไอ้เจ๊กแม่งจงรักภักดีมากกว่านักเรียนนายร้อยอีก (ไม่มีหรอก) ไอ้เจ๊กลิ้มอะ จงรักภักดีกว่านายร้อยอีก

จากนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ แนะนำทักษิณให้บอกนายกฯยิ่งลักษณ์ ถึงวิธีป้องกันการปฏิวัติ โดยทุกครั้งที่นายกฯไปต่างประเทศก็ให้พา ผบ.ทบ. และ ผบ.สส. ไปด้วย เหมือนครั้งที่ทักษิณเป็นนายกฯและหนีบ 'พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา' ผบ.ทบ.ในขณะนั้นไปด้วย

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ผมอยากให้นายกฯ เวลาไปต่างประเทศในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาทำอย่างสมัยที่ ท่านนายกฯ ทักษิณไปนอก เอามันไปด้วยซักคน 2 คน สมัยนั้นที่ท่านเอาไป ยังทำกับข้าวให้มันกิน กลับมามันคุย โอ้ย! วันนี้นายกฯ ทำกับข้าวเลี้ยงพวกเราอร่อยจังเลย มันก็คุย มันพูดมัน Happy มัน สมัยไอ้บิ๊ก ไอ้ช้างอะไรพวกนี้นะครับ ไอ้เกาะ (หมายถึง พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์ ) สมัยนั้นเอาพวก ผบ.เหล่าทัพไปด้วย ไอ้ ... พอสมัยนี้ บางทีทิ้งมันไว้ บางทีผมว่าเอาไปด้วยดีกว่า เหมือนสมัยที่ท่านเอาไป ตอนนายกฯ ไปมาเลเซียเอาไอ้ ผบ.ทบ.(หมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ )ไปด้วย มันก็ Happy มันบอกพี่ คอยกระซิบนายกฯ ตลอด อะไรควรอะไรไม่ควรเรื่องความมั่นคง ผมก็เดินกระซิบนายกฯ ตลอด ผมว่ามันดี แต่นายกฯ นี่ ได้ทั้งใจ ได้ทั้งความจริงใจ ได้ทั้งความเชื่อถือของ ผบ.เหล่าทัพ ตอนนี้มากเลย

จากนั้นทักษิณก็ท้าวความถึงกรณีที่เขาเชื่อว่าทำให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เกิดความอาฆาตแค้นในตัวเขา โดยเมื่อครั้งที่ พล.อ.สุรยุทธ ยังเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด และทักษิณ เป็นนายกฯ พล.อ.สุรยุทธ์ได้ถูกทักษิณตำหนิอย่างรุนแรง กรณีที่อนุญาตให้ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาค 3 ในขณะนั้น นำกำลังทหารไปยิงถล่มทหารพม่า เพราะมีการข่าวยืนยันว่าทหารพม่าชุดนี้กำลังให้การคุ้มกันชนกลุ่มน้อยที่ขนยาเสพติด

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - เรามันนักเรียนนายร้อย นิสัยมันเหมือนทหารนะ มีอะไรตรงไปตรงมา ห่วยก็ว่าเลย

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - เหมือนไอ้สมัยสุรยุทธ์มัน ที่ท่านด่าในห้องประชุมวันนั้น

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - เออ สุรยุทธ์มันถึงแค้นนะ เออ ด่าตรงๆ

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - แล้วพี่จิ๋วเงียบเลย โอ๊ย วันนั้นนะ ท่านพูดแรง แต่มันก็ทำแรง มันทำเกินเหตุนะครับ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - มันทำเกินไป จู่ๆ บุกเอาทหารไปยิงพม่า แล้วมาเบิกเงินหลวง เท่ากับรัฐบาลรู้เรื่องสิวะ

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ขนกำลังไปเสร็จ เอากำลังกลับมาไม่ได้ แล้วมาขอเงินท่านอีกพันกว่าล้าน บ้าจริงๆ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - มันเกินไป

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ตอนนั้นผมยังไปกระซิบท่านว่า ไม่ให้ เสร็จแล้วท่านบอกว่า ผมให้ไปแล้ว

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - บิ๊กจิ๋วบอก ให้มันเถอะๆ ไม่งั้น มันไม่มีกำลังพล มันทำงานไม่ได้

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ให้มันรู้สึกซะบ้าง

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - ผมก็ดึงอยู่ตั้งนาน ถึงได้โกรธผมไง เรารู้ทันมั่ง

ประเด็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือบทสนทนาต่อจากนี้ที่ทำให้เห็นถึงแผนการร้ายของ นช.ทักษิณ ที่จะใช้สภากลาโหมเป็นเครืองมือในการออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม เพื่อล้างผิดให้ตนเอง โดยแนะให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ล็อบบี้กองทัพ ให้แอบเอากฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภากลาโหม ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายกว่าการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมผ่านสภาเพราะนอกจากจะถูกอภิปรายจากฝ่ายค้านแล้ว ยังต้องเจอกับแรงต้านมหาศาลจากภาคประชาชน โดยให้แต่งหน้าตากฎหมายเป็น พ.ร.บ. เข้าไปก่อนเพื่อให้กองทัพไม่ระแวงแคลงใจ แล้วค่อยเปลี่ยนเป็น พ.ร.ก. เพื่อลัดขั้นตอน ในภายหลัง ซึ่งการงุบงิบออกกฎหมายผ่านช่องทางสภากลาโหมนี้ทั้งฝ่ายการเมือง สื่อ รวมทั้งประชาชน ไม่มีทางล่วงรู้ จนกว่ากฎหมายจะออกมาบังคับใช้เรียบร้อยแล้ว และเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นแม้จะมีมวลชนออกมาประท้วงต่อต้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ทักษิณ แต่เมื่อฝ่ายกองทัพซึ่งตัวเองคุมได้หมดแล้วไม่เอาด้วย ไม่เอากำลังออกมาปฏิวัติรัฐประหาร ฝ่ายต่อต้านก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องรีบยึดอำนาจกองทัพให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเสียก่อน

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - อย่าปรึกษา ปรึกษานายกฯ กับ ผบ.เหล่าทัพได้ คนภายนอกไม่ต้องเกี่ยว แล้วก็ เห็นพี่เห็นบอกจะเอา ถ้ากฎหมายโอเคแล้ว พี่จะเอาเข้าผ่านสภากลาโหมด้วยหรือ

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์)- ผมจะเอาเข้าสภากลาโหมเพื่อหารือให้ ผบ.เหล่าทัพทุกเหล่าทัพมีความคิดอันเดียวกันเลย ถ้าไม่งั้นถ้าไม่เข้า เดี๋ยวคนนั้นพูดทีคนนี้พูดที วิธีเดียวก็คือขออนุญาตเอาเรื่องนี้เข้าสภากลาโหมเพื่อหารือให้เกิดเป็นความคิดอันเดียวกัน

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - เอาเข้าสิ เอาเข้าสภาความมั่นคงฯ ส่งให้รัฐบาล จบ ลัดขั้นตอนเลย

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - จบเลย ครับ เอาเข้าได้ ก่อนที่จะเข้าก็ต้องหารือกับเหล่าทัพแต่ละคนก่อน เฮ้ย! ลื้ออ่านนะ มีอะไรที่จะแก้ไข มีอะไรที่จะพูด พูดกันนอกการประชุมเสียก่อน

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - เราเสนอเป็น พ.ร.บ. ไม่มีใครรู้ แต่พอถึงสภาความมั่นคงฯ ปุ๊บเนี่ย เราก็ เพื่อความไม่วุ่นวายเสนอเป็น พ.ร.ก.

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์)- เพราะว่า ไอ้วาระนี้ ถ้าผมได้อยู่นะครับ ได้ทำ ผมจะไม่เอาเข้าวาระ แต่เป็นวาระที่ จรเข้าไปเลย บอกว่า ขอเสนอวาระสำคัญ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - ในสภากลาโหมนี่ ก็ใช้วิธีว่า เอ้ย! สภาความมั่นคง ก็ใช้วิธีเข้าไปเสร็จปุ๊บ เนี่ย หน้าตาเป็น พ.ร.บ. และก็ในสภากลาโหมก็ไม่ต้องออกข่าว แต่บอกให้รู้ว่า ถ้าเพื่อความรวดเร็ว และไม่วุ่นวาย น่าจะเป็น พ.ร.ก. อะไรอย่างนี้ พูดไว้ บันทึกไว้ พอไปถึงสภาความมั่นคงปั๊บ พอเข้าไป บอกว่าเสนอเป็น พ.ร.บ. หน้าตาเป็น พ.ร.บ. นะ แล้วสภาความมั่นคงก็บอกว่า ขอให้รัฐบาลเสนอออกเป็น พ.ร.ก. มันจะได้มีอะไรรองรับ

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - มันทำอะไรไม่ได้หรอกครับ ไอ้ฝ่ายต่อต้านวันนี้นะ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - นิดเดียวเอง เพียงแต่ว่าสำคัญคือ ทหารไม่เอาด้วยก็จบ

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ทหารไม่เอาด้วยจบ แต่ต้องเอาทหารก่อน ผมถึงบอกต้องเอาทหารก่อน

ตอนที่ 2

ในตอนที่ 2 นี้ เป็นการพูถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารที่จะมีขึ้นในเดือน ต.ค.2556 นี้ ซึ่ง พล.อ.ยุทธศักดิ์
แนะว่าให้ล็อบบี้บรรดาบิ๊กทหารให้เรียบร้อยก่อนที่จะนำรายชื่อเข้าที่ประชุมสภากลาโหม

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - แล้วนี่ การแต่งตั้งโยกย้ายทหารเที่ยวนี้ ก็ต้องดูว่าอย่างไร ก็ คือเราก็ไม่อยากคาน ไม่อยากคาน เพียงแต่ว่าอย่าให้เขาไปทำพวกเดียวกันเองเสียขวัญในกองทัพเท่านั้นเอง

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ผมว่า ผมจะคุยทั้ง ผบ.สูงสุด และ ผบ.ทบ. บอกว่า เฮ้ย คุยกับนายกฯ ก่อน คุยนอกรอบก่อน จะเอาอย่างนี้นะ ไม่เอาอย่างนี้นะ แล้วพอทุกอย่างตกลงกันได้ ค่อยประชุมสภากลาโหม แป๊บเดียวจบเลย อย่าไป อย่าไปต่างคนต่างถือกันไว้ แล้วไปประชุมกัน อย่างที่ เดี๋ยวผมก็ด่าไอ้โอ๋ (หมายถึง พล.อ.สุกัมพล สุวรรณทัต เมื่อครั้งเป็น รมว.กลาโหม) ไอ้โอ๋มันทำไป แล้วไอ้พวกนั้นก็ เฮ้ยอย่างนี้ไม่ได้ เพราะมันต้องมีตัวทำให้

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - ไอ้โอ๋นี่มันเผด็จการไปนิดนึง

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ครับ มันแรงไป

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - มันถือเป็นรุ่นใกล้กัน รุ่นใกล้กันพอไปทำอะไรแรง มันยุ่ง

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ครับมันรุ่น 10 รุ่น 12 ต้องคุยส่วนตัวก่อน

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - อย่างพี่เองนะ พี่มีไรต้องคุยกันก่อน ต้องให้นายกฯ เขารู้ตลอด ไม่งั้นทำไรไม่พูด นี่ทำอะไรก็ไม่พูด ไม่รู้เรื่องกันพอดี

จากนั้นทักษิณก็ขอคำมั่นสัญญาจาก พล.อ.ยุทธศักดิ์ ว่าจะพาเขากลับเข้าไทยโดยไม่ต้องรับโทษ พร้อมทั้งกระเซ้าว่าในเมื่อ 'บิ๊กโอ๋' ใช้ตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พาเขาหนีออกจากเมืองไทย เพราะรู้ล่วงหน้าว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมืองจะตัดสินให้ทักษิณติดคุกเพราะมีความผิดในคดีที่ดินรัชดา (เหตุเกิดเมื่อ ปี 2551) โดยวางแผนแต่งตั้งให้ทักษิณไปเป็นประธานในกิตติมศักดิ์ฝ่ายไทย ในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้ทักษิณรอดพ้นคุกและเป็นนักโษหนีคดีคอร์รัปชั่นมาได้ถึงทุกวันนนี้ เพราะฉะนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ ก็ต้องช่วยผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อพาทักษิณกลับบ้าน ซึ่ง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ก็รับปากด้วยความภาคภูมิใจกับภารกิจฟอกผิดให้นักโทษในครั้งนี้

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - มันเป็นหน้าที่พี่นะ พี่เอาผมออกมา พี่ต้องเอาผมกลับ (หัวเราะ)

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ผมบอก ... โอ้โห! ตอนท่านพูดกับผม ผมบอก โอ้โห นี่หนูช่วยราชสีห์แล้วนะ ผมดีใจนะ ดีใจจังได้ช่วยราชสีห์สักครั้งหนึ่ง

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - เอาออกไป ต้องเอากลับมาให้ได้

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ต้องเอากลับมา แหม เป็นครั้งสุดท้ายแล้วครับ ครั้งสุดท้ายในชีวิต ในประวัติ เป็นประวัติชีวิตเลย เพราะว่าหลังจากนี้ไปก็ ไม่เป็นไรต่อละ พอละ แต่ต้องทำให้ได้สักที มันเป็นความภูมิใจนะครับ ของชีวิตของคนเรา

แล้วทักษิณก็พูดคุยถึงเที่ยวบินที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ จะเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งแสดงให้ว่าทักษิณเป็นคนเรียกให้ "บิ๊กอ๊อด" เดินทางไปพบ จากนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ ก็รายงานกับทักษิณว่าตนเองได้แนะนำให้นายกฯยิ่งลักษณ์ใช้ 'พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร' ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งสนิทสนมกับ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เป็นตัวกลางในการล็อบบี้ 'มิน อ่อง ลาย' ซึ่งเป็นนายทหารที่มีอิทธิพลอย่างสูงในพม่า เพื่อให้ฝ่ายทักษิณได้ประโยชน์จากโครงการทวาย ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในพม่า และอาศัยเคอนเนคชั่นดังกล่าวเป็นช่องทางในการเข้าไปฮุบผลประโยชน์ต่างๆในพม่าในอนาคตด้วย ขณะที่ทักษิณเองก็โอ้อวดว่าตนเองนั้นสนิทสนมกับ 'มิน อ่อง ลาย' เป็นอย่างดี ซึ่งชี้ให้เห็นว่านักการเมืองที่พร่ำบอกกับประชาชนว่าอาสาเข้ามาทำงานเพราะตั้งใจช่วยหลือประชาชนให้อยู่ดีกินดีนั้น อย่างทักษิณลิ่วล้อเครือข่ายนั้น แท้จริงแล้วเขาแค่อาศัยตำแหน่งทางการเมืองเป็นใบเบิกทางในการเจราต่อรองผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - เดี๋ยวเจอผมเร็วขึ้น ก็กลับเร็วได้ เครื่องมันออกกี่ทุ่ม หรือตั้งใจจะ shopping ต่อ

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ผมเปลี่ยนเครื่องไม่ได้แล้วครับ พอท่านบอก 5 โมงผมก็ Confirm มาเลย

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - เครื่องบินว่างมันไปได้ตลอด น่าจะว่าง วันนี้วันจันทร์ มีไฟลต์ทุ่มหนึ่ง

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ไปทุ่มนึงครับ ใช่ฮะ ใช่ฮะ ก็เรื่องทุกอย่างก็โอเค แล้วเรื่องของพม่า ผมบอกกับนายกฯ ไปแล้วนะครับบอกว่า ใช้ ผบ.สูงสุดให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุดเลย เพราะไอ้มินอ่องลาย ซึ่งเป็น ผบ.สูงสุดของพม่า มันเป็นมือหนึ่งของท่านประธานาธิบดีเต็งเส่งเลย แล้วเต็งเส่งให้ความเกรงใจมากที่สุด และทีนี้ไอ้ ผบ.สูงสุดเขากับ ผบ.สูงสุดไทยนี่ มันมาเป็นเคาน์เตอร์พาร์ตกัน ผลัดกันกินข้าวคนละเดือน คนละเดือน เพราะฉะนั้นถ้าจะบีบอะไรเรื่องทวาย นายกฯ เรียก ผบ.สูงสุดมาใช้ได้อีกงานหนึ่ง เป็นงานต่างประเทศ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - ผมก็ไปสงกรานต์กับมัน

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ผมไม่ทราบ ไม่้งั้นผมจะไป ไปเจอ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - ผมไปสงกรานต์กับไอ้เนี่ย ผบ.สูงสุดน่ะ

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - อ๋อ! ไอ้อ่องมินลายนี่นะฮะ โอ้โฮ มันชั้นหนึ่งเลย มันบอกผมนะ เฮ้ยไอ้รัฐมนตรีกลาโหมเนี่ย มันตั้งนะ มันเป็น ผบ.สูงสุด แต่ตั้งรัฐมนตรีนะ มันบอกเลย มันบอก และรัฐมนตรีอีกหลายคนมันเป็นคนตั้ง ไอ้นี่้ต้องเอาไว้ ไอ้นี่ต้องเอาไว้นะ แหม่

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - พวกผมทั้งนั้นแหละ มันยกที่ให้ผมแปลงนึง ใจกลางเมืองย่างกุ้ง

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ไอ้นี่ต้องเอาไว้นะครับ ถ้าได้ พม่านี่เสร็จเราหมดเลย ต้องเอาให้ได้ มันเจอกับผม ผมบอกว่า ต่อไปนี้ทูตพม่าพูดไทยให้เป็นนะ ทูตทหาร มันบอกต่อไปนี้ส่งทูตทหารมาเรียนก่อนแล้วค่อยมาเป็น ไอ้อองมินหล่าย และไอ้รัฐมนตรีกีฬากับโฮเต็ลอีกคนหนึ่ง ไอ้นี่ก็มหาศาลเหมือนกันนะ ผมจะเรียกให้มาพบท่าน มันสร้างทำเนียบรัฐบาลให้ประธานาธิบดี มันสร้างรัฐสภาให้ ขณะนี้มันกำลังสร้าง Sport Complex ให้ มันรวยมหาศาลเลย เจ้าของบ่อหยก

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - เหรอ

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ครับ มันบอกผมบอก เจเนอรัลๆ จะพูดอะไรกับประธานาธิบดีมัน ไม่ต้องไปวิ่งหาคนโน้นคนนี้นะ บอกมัน มันยิงตรงเลย เพราะทุกอย่างอยู่ที่มันไง มันก็เล่าให้ฟัง เพราะงั้นเราได้ 2 คนนี้นะ ทางเศรษฐกิจคนนึง ทหาร โอ้โห! ท่านฮะ เอาไว้ เอาไว้ต่อไปหลังท่านนายกฯ ไปพม่า ผมไปรอรับฮะ

ตอนที่ 3

บทสนทนาในตอนที่ 3 ก็ยังมีช็อตเด็ดที่เป็นหลักฐานชัดเจนว่า นช.ทักษิณ ได้สั่งการให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ แต่งตั้ง 'พล.ร.อ.อมรเทพ ณ บางช้าง' หรือ 'บิ๊กต้อม' ประธานที่ปรึกษากองทัพเรือ เป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือ คนต่อไป ดังนั้นการที่นายกฯยิ่งลักษณ์และผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เคยล้วงโผกองทัพ และทักษิณไม่เคยยุ่งกับการแต่งตั้งโยกย้ายนั้นก็เป็นเพียงข้อแก้ตัวของผู้ร้ายปากแข็งเท่านั้น อีกทั้งเกณฑ์ในการพิจารณาคนที่จะมาเป็นใหญ่ในกองทัพก็คัดเฉพาะคนที่มีสายสัมพันธ์ส่วนตัว เพื่อที่จะสามารถสั่งซ้ายหันขวาหันได้เท่านั้น

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ผมยังมีอะไรกราบเรียนท่านอีกหลายอย่างนะ งานมันกำลังเดินดีนะครับ กองทัพเรือก็เขาไม่มีอะไรตอนนี้ เขาจะเกษียณอีก 2 เดือน เขาก็ไม่มีอะไร

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - มองใครล่ะ

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ผมยังไม่ได้มองใครเลย ผมจะไปกล้ามองอะไรครับ ท่านนายกฯ ครับ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) ชายคนที่ 2 - ไม่ใช่ ในแง่ของพี่ว่าใครจะขึ้น

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - เขาก็พยายามจะ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - มันมี มันมีรอง

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - มีรองครับ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - รอง กับมีอมรเทพ ซึ่งเป็น

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์)- อมรเทพครับ ใช่ครับ ผู้ช่วยครับ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - ประธานที่ปรึกษา

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์)- ประธานที่ปรึกษาครับ อมรเทพ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - มันก็มี เสธ.อีกคนหนึ่ง แต่ผู้ช่วยไม่ได้เรื่อง

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - เอาคนที่พูดง่ายหน่อย

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - ผมว่าอมรเทพ มันเตรียมน้ำมาก่อน มันมีระบบ แต่อมรเทพนี่ ไอ้หรุ่ม ('บิ๊กรุ่น' พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมณ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่กำลังจะเกษียณอายุในเดือน ก.ย.2556 นี้) มันอาจจะไม่แฮปปี้เท่าไหร่ เพราะมันแข่งกัน

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์)- เพราะมันแข่งกัน

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - แต่ว่าอมรเทพมันเรียนเก่งนะ สอบได้ที่ 1 ตลอด

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - มันเป็นคนดีด้วยครับ อมรเทพ ตรงไปตรงมา แต่ต้องรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ต้องคุยกันเหมือนกันครับ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - เมียมัน เมียมันเป็นไอ้เนี่ย ... พี่สาว หรือน้องสาวพรทิวา ผมรู้จักพ่อมัน รู้จักมานาน

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - อ้อ! เหรอครับ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - พ่อเมียมันก็ไอ้เม้งไง ไอ้เม้งอาบอบนวดน่ะ

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - อ้าว! เหรอครับ ที่มาทำอาบอบนวดใหญ่

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - ใช่ ไอ้! อะไรของมัน โพไซดอน

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - โพไซดอน ใช่ครับ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - ไอ้เม้ง เนี่ยมัน เมื่อก่อน ตอนเป็นพ่อตาผมคุมฝ่ายอบายมุข นครบาล ไอ้นี่มันตลอด เจอกัน ตรุษจีนมันไปไหว้พ่อตาผมเหมือนกัน ก็เลยจำมันได้ ตอนผมกลับมาอยู่พญาไท ก็เลยรู้จักพ่อมัน เมียมันก็เลยพามาหาผม อมรเทพคุณสมบัติมันดี

จากนั้น นช.ทักษิณ และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ก็พูดคุยกัถึงแผนในการยึดอำนาจกองทัพอย่าเบ็ดเสร็จ ซึ่งเชื่อว่าในปี 2557 บรรดาบิ๊กๆในกองทัพที่มีไม่ยอมลงให้ นช.ทักษิณ จะครบวาระเกษียณอายุราชการไปหมด หลังจากนั้น นช.ทักษิณก็สามารถแต่งตั้งผู้บัญการเหล่ทัพต่างๆได้ตามชอบใจ ซึ่งเป็นการควบรวมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ รวมถึงพยายาจะล็อบบี้องคมนตรีมาเป็นพวกด้วย

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - อมรเทพก็ดี ทหารอากาศเรียบร้อยไหมครับ ประจิน (หมายถึง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้ช่วย ผบ.ทอ.)ไอ้ประจินนี่้เมื่อก่อนเป็นมือของไอ้ชลิต (พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี และอดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ) เขา แต่ดีแล้วที่เราได้ประจิน แล้วเราใช้ประจินไปบีบไอ้ชลิตข้างบนอีกที ซึ่งมันเป็นไอ้องคมนตรีนะครับ ไอ้ชลิตถึงแม้ว่ามันจะพลอยฟ้าพลอยฝนไปทำปฏิวัติคราวนั้นนะครับ แต่มันก็ยังพึ่งไอ้ประจินอยู่ เพราะฉะนั้นเราคุมประจินไว้ เพื่อให้ชลิตเนี่ยมันอ่อน ยอมลงมา

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - ก็ ปีหน้าก็เกษียณหมด 57

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - พอ 57 ก็เนี่ย

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - เกลี้ยงทุกเหล่า

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ตั้งเอาเองเลย ไม่ต้องนั่นเลย

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - เลือกเอาเองสบายๆ

และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ก็รายงานให้ทักษิณรับทราบถึงผลการเจรจาต่อรองผลประโยชน์กับ 'พล.อ.ประยุทธ์ ' ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ 'พล.อ.ธนศักดิ์ ' ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งทั้งสองตกลงมาเป็นพวกและยอมทำงานให้ เพื่อแลกกับการได้เข้ามามีตำแหน่งทางการเมืองหลังจากเกษียณอายุราชการ

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ผมก็บอกมันนะครับ ผบ.สูงสุด กับ ผบ.ทบ. ผมเพิ่งบอก เฮ้ยปี 57 นี่นะ อย่างอั๊วเลิกทำงานนะ อั๊วคิดว่าอั๊วทำงานเสร็จแล้ว เอาเจ้านายอั๊วกลับแล้ว คราวนี้ต้องตาลื้อบ้างสิ เพราะฉะนั้นลื้อต้องแสดงฝีมือให้ท่านเห็น ตั้งแต่วันนี้ลื้อต้องแสดงฝีมือให้ท่านเห็น แล้วพอปี 57 เอ็งจะได้มีงานทำต่อ ไม่ต้องอยู่แก่เหมือนคนอื่นเขา เพราะมันว่าผมไม่แก่ ผมบอกจะได้ทำงานอย่างนี้ต่อ มันก็แฮปปี้นะครับ มันไม่ได้บอกว่าโนเลย มันก็ เออๆ มันก็เริ่มมองเห็นว่า หลังจากเกษียณไปแล้ว มันอาจจะมีอนาคต สำคัญ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - ไว้ใจ ไว้ใจไอ้ตู่ (หมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.) มาก

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ไอ้ตู่ เขาให้ความจริงใจนะครับ จริงใจมากเลย ตอนแรกกับผมมันก็ระวังมากเลย แต่หลังจาก XXXX เรียกมันไป แล้วเรียกผมไปให้รักกันนะครับ ให้ทำงานด้วยกัน ทุกอย่างมันก็เลยเรียบร้อยหมด ... วันที่ 16 นี้ ผบ.สูงสุดจะเลี้ยงนายกฯ ครับ ที่ บก.กองทัพไทย และก็จะเชิญ ผบ. รอง เสธ.ทุกเหล่าทัพมาร่วมรับประทานข้าว คุยกันเป็นส่วนตัวกับนายกฯ ด้วย

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - เออดี

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - แล้วผมก็บอกว่า ให้มันเป็นตัวอย่างที่ดี และต่อไปนี้เดือนนึงก็ให้กองทัพเนี่ย หมุนเลี้ยงฮะ เชิญนายกฯ ไป เพื่อความใกล้ชิดกันนะครับ

นอกจากมีแผนจะยึดอำนาจกองทัพแล้ว จากบทสนทนานี้ยังชี้ให้เห็นว่าทักษิณมีแผนที่จะเข้าไปมีตำแหน่งในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เพื่อใช้อำนาจแสวงประโยชน์ และอาศัยตำแหน่งดังกล่าวเป็นฉากสร้างภาพความจงรักภักดี ซึ่งเท่ากับเข้าเสนอตัวที่เข้าไปเป็น 'คนของอำมาตย์' เพื่อหวังผลประโยชน์ โดยไม่ใยดีกับความรู้สึกของคนเสื้อแดงที่เขาเคยปั้นเรื่องล้างสมองให้เกลียดชังสถาบัน และยอมเจ็บยอมตาย ออกมาชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองเพื่อช่วย 'พาทักษิณกลับบ้าน' เพียงเพราะวลีเ 'อำมาตย์' กับ 'ไพร่' ที่ทักษิณใช้หลอกเสื้อแดง

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ครับ ... แต่ถ้า ตอนคุยกับป๋า (หมายถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี) ผมก็จะบอกว่า ท่านป๋าเนี่ยผมมองนะฮะ เพราะกลัวท่านจะกลับมาเล่นการเมืองเต็มที่ ผมก็จะพูดเรื่องว่า

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - ป๋าบอกมาเลย ผมไม่ได้ไปติดใจ ไม่ได้คิดจะไปแก้แค้นใคร และไม่ได้จะแก้แค้นทางการเมือง และจริงๆ แล้วอยากจะจบชีวิตแบบสบายๆ ไม่ใช่ว่ามีปัญหาแบบนี้ มันจบไม่ลงนะ ให้มันจบลงดีกว่า จบลงคือให้ตัวผมไม่เล่นการเมืองเลย

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ผมจะบอกป๋าบอกว่า ไอ้งานเรื่องเศรษฐกิจ งานเรื่องกีฬา เรื่องการศึกษาอะไรต่างๆ ที่มันยังล้าหลังอยู่เนี่ย ถ้าได้ท่านนายกฯ ทักษิณมาจับแป๊บเดียว มันไปโลดเลย

ชายคนที่ 2 (ทักษิณ) - ให้ผมช่วย เป็นอีกแรงให้ดีกว่า ถ้าสมมุติ ถ้าให้ผมต้องมา คือผมเองไม่ได้ติดใจอะไรเลยนะ

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - เพราะคุยกับ ผบ. (หมายถึง พล.อ.ประยุทธ์) แล้วครับ ผบ.บอกต้องยืนยันนะ ต้องมีหลักฐานยืนยันนะ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - ว่า

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ว่าเมื่อท่านกลับมาแล้ว ท่านจะเอาอะไรมายืนยัน ผมก็บอก ยืนยันว่า จะไม่ คล้ายๆ อย่างที่ท่านพูดเมื่อกี๊ จะไม่แก้แค้นท่านนะ ท่านกลัวครับ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - โอย... นี่ นี่ เอาอย่างงี้สิ บอกอย่างงี้สิ วิธีอยากดองผมง่ายนิดเดียว ตั้งผมไปเป็นที่ปรึกษาทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ซึ่งไม่เป็นองคมนตรี ไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น แต่ว่าถ้าถูกหนีบเอาไว้ตรงนั้นน่ะ ให้ Active ทางการเมืองยาก ถ้าถูกหนีบไว้ตรงนั้นน่ะ

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ผมพูดอย่างนี้นะฮะ

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - เออ...จะใช้ผม ไม่ใช้ผมไม่เป็นไร แต่หนีบไว้ตรงนั้น ให้ทางการเมืองดิ้นยาก ทำให้ต้องไม่กล้าไปไหน ท่านจะปรึกษาก็ได้ ไม่ปรึกษาก็ได้ แต่ว่าถ้าที่ปรึกษาทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เหมือนน้องๆ สายวังเลยนะ มันก็เหมือนทำตัวเป็นคนของเจ้านาย ทำตัวเป็นอย่างอื่นไม่ได้ มันต้องหนีบเลย ล็อกเลย ผมไม่ขอเป็นองคมนตรีอยู่แล้ว เพราะว่าเราชอบเบี้ยว (หัวเราะ)

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์)- ผมก็จะบอก เนี่ย ป๋าก็เอามาไว้ตรงนี้ ถ้าท่านถามผม เพราะว่า ผบ.มันถามผม ถามผมเหมือนกันบอกว่า พี่อ๊อดจะต้องยืนยันนะ มีอะไรยืนยัน

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - สมมุตินะ เอาอย่างนี้ดีกว่าพี่ พอเรื่องจบปุ๊บเนี่ย พอผมกลับบ้าน ก็ประกาศตั้งตรงนี้ไปเลย มันเท่ากับว่าพอประกาศมาปุ๊บนี่ กลายเป็นคนของ เท่ากับในวังเอาไปหนีบไว้แล้ว จบ! ไม่ต้องทำอย่างอื่น แค่เป็นที่ปรึกษาทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ มันก็เหมือนโดนหนีบไว้ทางอ้อม เป็นตำแหน่งที่ตั้งขึ้นมากี่ตำแหน่งก็ได้ เงินเดือนไม่ต้องมีก็ได้อยู่แล้ว

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ดีครับ อย่างนี้ดีมากเลย ผมก็คิดไม่ออก เดี๋ยวจะได้ใช้หลักฐานนี้

ชายคนที่ 2(ทักษิณ) - ผมก็ทำปฏิบัติตัวลำบากแล้ว ต้องเคร่งครัดแล้ว ให้เป็นคนของเจ้านายแล้ว

และก่อนจะจากกัน พล.อ.ยุทธศักดิ์ก็พูดปลอบใจ นช.ทักษิณ ว่า ตนได้ไปดูหมอมาว่าจะสามารถช่วยพาทักษิณกลับบ้านได้สำเร็จไหม หมอดูก็ยืนยันว่าสำเร็จแน่ ซึ่งตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความลุ่มหลงในไสยศาสตร์ของผู้มีอำนาจทางการเมือง โดยเฉพาะตัวทักษิณเอง ที่ผ่านมาก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกศิษย์ลูกหาของหมอดูอีที หมอดูชื่อดังในพม่าด้วยเช่นกัน

ชายคนที่ 1(พล.อ.ยุทธศักดิ์) - ก็ ยังไงก็สำเร็จครับ ผมไปดูหมอดูมาแล้ว ว่า สำเร็จไหม เขาบอกสำเร็จ แต่เหนื่อยหน่อยนะ อาจจะยาก ต้องอดทน ต้องสู้ อาจารย์เพชรนะครับ หลวงพ่อเพชร อาจารย์ของต่วนเขาด้วย เป็นหมอทางใน ผมบอกว่า ผมถามข้อเดียวว่าผมจะทำงานสำคัญในชีวิตสักครั้ง ครั้งสุดท้าย ท่านถามทำอะไร ผมบอกว่านี่ ผมจะเอาเจ้านายผม นายกรัฐมนตรีทักษิณกลับ ท่านบอกเหนื่อยนะ ยากด้วย อดทนไหวเหรอ แล้วบอกท่านถ้าไหวหล่ะ ถ้าไหวก็สำเร็จ อ้า! … อย่างนี้ผมมีกำลังใจหน่อย

อาจารย์พิชายชี้ว่า ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าทั้งหลายทั้งปวงที่ทักษิณดิ้นรนมาตลอดหลายปีนั้น หาใช่เป็นไปเพื่อประโยชน์ประชาชนอย่างที่กล่าวอ้าง แต่เขาทำเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ส่วนตัว อีกทั้งพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อแลกกับสิ่งที่ต้องการ แม้แต่ 'หักหลัง 'คนเสื้อแดง ที่ปวารณาตัวยอมเจ็บยอมตายได้เพื่อทักษิณ
กำลังโหลดความคิดเห็น