คนใกล้ชิด “แม้ว-พจมาน” สะท้อนการเมืองในตระกูลชินวัตร ชี้ถึงเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะดัน “เจ๊แดง” นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แทน “ยิ่งลักษณ์” เพื่อสานฝันยุทธศาสตร์บันได 4 ขั้น บรรลุเป้าหมายให้ได้ ระบุ ปูแดง ทำได้แค่ 2 ขั้น ส่วนขั้น 3-4 ต้อง “เจ๊แดง” ที่บารมีเบ่งบานทั้งการเมืองระดับชาติ-ท้องถิ่น ขณะเดียวกันปูสนองก๊วนตัวเอง มากกว่าชินวัตร-เพื่อไทย จับตายุค “เจ๊แดง” เรืองอำนาจ เรื่องฉาวๆ เกลื่อนเมือง ระบบคุณธรรมสูญหายจากวงราชการ!?
แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะสไกป์ถึง ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า การที่ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่นั้น ไม่ได้มีความประสงค์จะจัดเตรียมไว้ให้เป็นนายกฯ สำรอง เผื่อไว้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองใดๆ เพียงแต่ต้องการให้มีการเพิ่ม ส.ส.หญิงอีกหนึ่งคนเข้าไปในสภาฯ เพื่อให้มีความอบอุ่นกัน กระนั้นก็ยังมิอาจทำให้คนเลิกคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เตรียมนางเยาวภา ไว้รอเสียบเก้าอี้นายกรัฐมนตรี หากนางสาวยิ่งลักษณ์เพลี่ยงพล้ำจริงหรือ?
ดังนั้น โอกาสที่นางเยาวภาจะมาเป็นนายกฯ แทน นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็ยังมีความเป็นไปได้สูง แต่อยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเคาะ วัน เวลา ให้น้องสาวคนนี้เมื่อไรเท่านั้น
แถมเอาเข้าจริง นางเยาวภา เองก็อาจเตรียมพร้อมสำหรับการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งการบริหารสูงสุดนี้เอง เพราะจะทำอะไรก็คงสะดวกขึ้น
ขณะเดียวกันหากมีรัฐบาลภายใต้การนำของ นางเยาวภา เกิดขึ้นจริง!
ประเทศไทย คงเต็มไปด้วยข่าวลือเรื่องผลประโยชน์และข่าวที่เกิดขึ้นจริงสะพัดไปทั่ว เพราะกิตติศัพท์ของ “เจ๊แดง” กระฉ่อนในแวดวงการเมือง และบรรดาข้าราชการมานานแล้วว่า “ไม่ธรรมดา”! ใครอยากมีตำแหน่งแห่งหนใด เข้าหาเจ๊แดงไม่เคยพลาด
อีกทั้งอำนาจบารมีในพรรคเพื่อไทยของนางเยาวภา ก็โดดเด่นกลายเป็น “แม่เลี้ยง” มีก๊ก มีก๊วนเป็นของตัวเอง รับผิดชอบดูแล ส.ส.ภาคเหนือของพรรค และเป็นหัวหน้ากลุ่มวังบัวบาน
เรียกได้ว่าโดดเด่นทุกวงการ!
ปัจจัยเดียว “เจ๊แดง” ขึ้นสู่จุดสูงสุด
สำหรับอุบัติเหตุสำคัญที่จะทำให้ นางเยาวภา ก้าวขึ้นมาถือธงนำในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนน้องสาวได้นั้น แหล่งข่าวใกล้ชิดตระกูลชินวัตร ระบุชัดเจนว่า มีเพียงปัจจัยเดียวคือ “พี่แม้วให้” อันเนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ มองเห็นชัดเจนแล้วว่า “น้องปู” หรือนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการทางการเมืองของพี่ชายได้ และวันนี้ก็ใกล้เข้ามาถึงจุดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อมั่นว่าจะมีเพียง “เจ๊แดง” เท่านั้นที่สามารถเดินหน้าทำในสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการ บรรลุเป้าหมายสูงสุดได้
ทั้งนี้ ด้วยความเก่ง และอุปนิสัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกระทำอะไรก็ตามจะมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า ถือเป็นนักยุทธศาสตร์คนหนึ่งที่มีการกำหนดยุทธวิธีไว้อย่างชัดเจน และนี่คือที่มาของแผนบันได 4 ขั้นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำหนดไว้ให้รัฐบาลเพื่อไทยก้าวเดิน ในขณะเดียวกันก็ห้ามแตกแถว
แผนบันได 4 ขั้นทักษิณ “กลับบ้าน-รัฐบาลพรรคเดียว”
ดังนั้น ในการก้าวเดินของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจึงอยู่ภายใต้การขับเคลื่อนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่เริ่มต้น
ในขั้นแรก คือปีแรกของการเป็นรัฐบาลเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณต้องการให้การเมืองสงบที่สุด และต้องการให้รัฐบาลมีเสถียรภาพทางการเมือง อยู่ได้ยาวที่สุด ดังนั้นการส่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์มาเป็นนายกรัฐมนตรี จึงมีความจำเป็น เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์มีภาพลักษณ์ ไม่ก้าวร้าว ไม่ใช่คนที่มีภาพรุก และยังเป็นคนหัวอ่อน ก็เหมาะสมในยามที่คนไทยต้องการให้บ้านเมืองสงบ
ขั้นที่สอง คือ การผลักดัน พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งขณะนี้เดินหน้าไปได้มากแล้ว คำถามคือเงินจำนวน 2 ล้านล้านนี้ มีความหมายแค่ไหนในทางการเมือง ซึ่งก็มีคำตอบชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นเงินก้อนใหญ่มากสำหรับการเมือง เพราะเป็นงบลงทุน ที่ฝ่ายการเมืองสามารถผันงบประมาณเข้าไปใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งได้จำนวนมหาศาล
“รัฐบาลปกติ มีงบประมาณประจำปี 2 ล้านล้าน แต่ว่าในนั้นมีงบลงทุนแค่ 40% ต่อปี เท่ากับปีหนึ่งรัฐบาลมีเงินลงทุนไม่กี่หมื่นล้านบาท แต่รัฐบาลนี้มีเงินลงทุนทีเดียว 2 ล้านล้าน เรียกได้ว่า พอเงินก้อนนี้มา พรรคเพื่อไทยจะยิ่งใหญ่มาก จะไม่มีพรรคไหนมาแข่งได้ เพราะพรรคอื่นใช้เงินตัวเองหาเสียง สร้างคะแนนนิยม แต่พรรคเพื่อไทยมีเงินก้อนใหญ่จากรัฐบาลไว้ใช้ ใครจะสู้ได้ เงินก้อนนี้จะทำให้รัฐบาลเพื่อไทยอยู่ยาวได้ 4 ปี 8 ปี และไม่แน่อาจอยู่ยาวได้ถึง 16 ปี ถ้าไม่สะดุดขาตัวเองเสียก่อน”
เมื่อรัฐบาลมั่นคงแล้ว เงินก็จะได้มาแล้ว ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อมั่นว่าจะเลือกตั้งเมื่อไรพรรคเพื่อไทยก็มีโอกาสชนะเลือกตั้งและกลับมาเป็นรัฐบาลได้แน่นอน
สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นก็คือคำพูดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สไกป์มายัง ส.ส.พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2556
“วันนี้ ส.ส.ทุกคนต้องร่วมกันแสดงจุดยืน เพื่อเป็นหลักให้แก่บ้านเมือง การแก้ไขรัฐธรรมนูญตอนแรกก็แก้ไม่ได้ มาคราวนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั่งพิจารณากันเพียง 5 คนแล้วก็รับเรื่องไว้อีก เห็นได้ชัดว่าเป็นการละเมิดหลักการแบ่งแยกอำนาจ พวกเราทุกคนต้องใกล้ชิดประชาชน พร้อมทุกสถานการณ์ อย่าไปกลัวการเลือกตั้ง เกิดอะไรขึ้นก็ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เราถอยมามากแล้ว วันนี้ต้องเป็นหลักให้บ้านเมือง”
ดังนั้นเมื่อขั้นที่ 1 และขั้น 2 ถูกปูทางมาอย่างดี พร้อมๆ กับการกดปุ่มกดดันให้ ส.ส. สมาชิกพรรค และมวลชนคนเสื้อแดงก้าวเดินได้ตามที่ปรารถนาแล้ว ก็นำไปสู่บันไดขั้นที่ 3 ทันที
โดยบันไดขั้น 3 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ วางไว้และสั่งลุย ก็คือการแก้รัฐธรรมนูญ ผลักดันกฎหมายปรองดอง จุดนี้เรียกว่าจุดของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตัวเองกลับบ้าน
ดังนั้นอย่าแปลกใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะสไกป์ถี่ยิบ ถึง ส.ส.พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงว่า ให้เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเต็มพิกัด
จากนั้นถ้าได้กลับบ้าน และได้เงินคืนทุกอย่าง แถมมีเงินก้อนใหญ่ 2 ล้านล้านให้บริหาร จุดนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินหน้าการเมืองต่อทันทีในขั้นตอนที่ 4 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณวางไว้ คือ การเลือกตั้งเพื่อเป็นรัฐบาลพรรคเดียว เหมือนกับที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในการเลือกตั้งปี 2548 แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่อยากได้
“ตอนนี้อยู่ที่บันไดขั้น 2 กำลังจะเข้าขั้น 3 พอถึงบันไดขั้น 3 ที่เป็นการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใครจะเป็นคนที่ทำได้ระหว่าง คุณยิ่งลักษณ์ และคุณเยาวภา คนไหนจะเหมาะกว่ากัน”
จุดแข็งของ “เจ๊แดง” ช่วยทักษิณสมประโยชน์
แหล่งข่าวระบุว่า ด้วยอุปนิสัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ย่อมมีการประเมินสถานการณ์รอบด้านในทุกมิติว่าการที่จะทำให้แผนบันไดขั้นที่ 3 และ 4 เกิดผลสัมฤทธิ์ได้และทำให้ตัวเองสมประโยชน์ที่สุด ในขณะนี้ควรจะเลือกใครมาเป็น “นอมินี” ในการขับเคลื่อนได้ดีที่สุด
หวยทักษิณ จึงมาลงที่เยาวภาหรือเจ๊แดง ที่วันนี้เธอได้สร้างบารมีทั้งในพรรค นอกพรรค และในระบบราชการไว้มากพอที่จะก้าวขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ทันทีที่พี่แม้วอนุญาต
อีกทั้งการที่หวยมาออกที่เจ๊แดง ก็เพราะเจ๊แดงมีนิสัยใจคอกว้างขวาง เลี้ยงดูปูเสื่อ ส.ส.ไว้จำนวนมาก โดยไม่เคยมีข่าวการลดการเลี้ยงดู หรือการไม่จ่าย เหมือน พายัพ ชินวัตร ที่ครั้งหนึ่งเคยมีปัญหากับ ส.ส.ภาคอีสาน พรรคเพื่อไทย ที่ “ไม่จ่าย” แถมเจ๊แดงเป็นคนที่จ่ายหนัก และสร้างบารมีอย่างต่อเนื่อง
“คุณเยาวภาเป็นคนที่ชอบสร้างบารมีทางการเมือง แต่ที่ผ่านมาทำไม่ได้มาก เพราะไปขวางบารมีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน แต่ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมานไม่สามารถแสดงออกทางการเมืองได้ จึงเป็นโชคดีและเป็นโอกาสของคุณเยาวภาที่ทำการเลี้ยงคน สะสมบารมีขึ้นมาก”
ดังนั้น หากวันนี้เจ๊แดงมีโอกาสนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีจริง โจทย์แรกที่เจ๊แดงต้องดำเนินการคือ การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน ซึ่งเจ๊แดงย่อมจะทำได้ดีกว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ แน่นอน
เทียบ “ปู-เจ๊แดง” ใครสนอง “ชินวัตร-เสื้อแดง” มากกว่า
อย่างไรก็ดี นอกจาก เจ๊แดง จะช่วยทำให้บันไดขั้นที่ 3 และ 4 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจริงได้แล้ว ยังมีอีกหลากหลายประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ่านทะลุ นั่นก็คือผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งบริหารงานมาเกือบ 2 ปี มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และถ้าเป็นเจ๊แดงใครบ้างที่จะได้ประโยชน์จากการเป็นนายกรัฐมนตรีของเธอบ้าง
ดังนั้นจึงมีการพุ่งเป้าไปที่คนรอบตัวทั้งของยิ่งลักษณ์และเจ๊แดง ก็คือผู้ที่จะได้ประโยชน์สูงสุด
โดยคนรอบตัวของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ล้วนเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาคการเมือง แต่เป็นคนในภาคธุรกิจ ขณะที่คนของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคนของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ที่ส่งมาช่วยนายกฯ ยิ่งลักษณ์นั้น กลับพบว่าไม่เคยถูกเรียกมาใช้งาน ทำให้กลายเป็นคนที่อยู่วงนอกตัวยิ่งลักษณ์ตลอดเวลา
โดยเฉพาะนายพันศักดิ์ วิญญูรัตน์ เป็นบุคคลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ให้ความไว้วางใจมากและส่งมานั่งเป็นประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แต่ไม่เคยเรียกใช้หรือมีผลงานในเชิงประจักษ์ให้สังคมรับรู้ ตรงกันข้าม นายกฯ ยิ่งลักษณ์ เลือกที่จะใช้คนของตัวเอง ทั้ง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ หรือแม้กระทั่ง
นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
ตรงนี้อาจเป็นจุดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยมองข้าม และอาจมองด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เองได้ประโยชน์อะไรบ้าง หรือ ส.ส.พรรคเพื่อไทย, คนเสื้อแดง, พรรคร่วมรัฐบาล, ทหาร และพรรคฝ่ายค้านได้ประโยชน์หรือไม่ อย่างไร
ขณะเดียวกันภาพที่ปรากฏออกมานั้น ทำให้เชื่อว่าจะมีเพียงทหาร! ที่ยิ่งลักษณ์ต้องยอมให้ทั้งงบประมาณและการจัดกำลังคน ส่วนอื่นๆ แม้จะเหมือนได้ประโยชน์แต่ก็เป็นประโยชน์แค่น้ำจิ้ม และไม่ได้ช่วยอะไรพี่ชายที่จะเห็นเป็นรูปธรรม
ตรงกันข้ามกับนางเยาวภา คนรอบข้างล้วนแต่เป็น ส.ส. นักการเมืองทั้งหมด แถมมีมือไม้ใช้งานได้เต็มที่
“ถ้าเจ๊แดงเป็นนายกรัฐมนตรี การผลักดันการแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องผ่านการผลักดันในสภา ที่เจ๊แดงมีความสนิทสนม มีความเป็นเนื้อเดียวกันกับ ส.ส.มากกว่า ย่อมเป็นเรื่องง่ายกว่ายิ่งลักษณ์”
จึงเป็นที่มาของข้อสรุปที่ว่า หากนางเยาวภาขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อไร คนที่จะได้ประโยชน์ก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ล้วนได้ประโยชน์เนื้อๆ แน่นอน
แต่การจะผลักดันนางเยาวภาขึ้นมาแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ก็ต้องมองข้ามจุดอ่อนที่เธอมีอยู่ให้ได้ โดยจุดอ่อนสำคัญที่สุดอยู่ที่ตัวนางเยาวภาเอง
“คือสังคมไม่ยอมรับ เพราะมีภาพการเมืองที่ชัดเจนเกินไป ซ้ำร้าย จุดอ่อนสำคัญของนางเยาวภา คือ คนรอบข้างนางเยาวภาล้วนไม่ธรรมดา แถมนางเยาวภายังมีภาพเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์อย่างมาก
4 คนสนิท “เจ๊แดง” ได้ดีเพราะเธอให้
สำหรับคนสนิทของนางเยาวภานั้น เรียกว่าเดินตามเธอเป็นขบวน และมักจะได้ดิบได้ดี ประมาณว่ามีวันนี้เพราะ “เจ๊แดง” หนุน
เริ่มตั้งแต่ นายวราเทพ รัตนากร คือเด็กของเจ๊ ด. ที่ได้รับการผลักดันไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ 1 แม้อายุจะน้อย และทุกวันนี้ นายวราเทพ ก้าวสู่ระดับ 1 ใน 5 คีย์แมนของพรรคเพื่อไทยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้ใจที่สุด
ตามด้วยนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล เป็นอีกหนึ่งคนใกล้ชิดที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านั้นนายวรวัจน์ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะปรับเปลี่ยนตำแหน่ง และนายวรวัจน์อาจจะปิ๋วจากเก้าอี้รัฐมนตรี แต่หลังจากตามนางเยาวภาออกงานที่ภาคเหนือไม่นาน ชื่อของนายวรวัจน์ยังได้เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และหลังจากนั้น 6 เดือน นายวรวัจน์ได้ก้าวไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการปรับ ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 จนถึงปัจจุบัน
โดยนายวรวัจน์นี้เอง ถูกสมาชิกพรรคเดียวกันวิพากษ์วิจารณ์แนวทางการบริหารงานมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกันกับการเล่นการเมืองในแบบฉบับ “เจ๊แดง” ที่ก่อนหน้านี้มีข้อครหาว่า เป็น “ตัวการใหญ่” ที่อยู่เบื้องหลังการโยกย้ายปลัดกระทรวงกลาโหม และอยู่เบื้องหลังโครงการรับจำนำข้าว
นายวรวัจน์เส้นเหนียวเพียงใด ใกล้ชิดนางเยาวภาแค่ไหน มีสิ่งที่ต้องจับตาดูในกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพราะมีกระแสข่าวลือสนั่นวงการสาธารณสุขว่า ลูกสาวนางเยาวภากำลังจะทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ทางการแพทย์ และใช้หน่วยงานภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกื้อหนุนอยู่
ขณะเดียวกันนายวรวัจน์ ก็ถูกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่ล้วนเกี่ยวข้องกับเรื่องฉาวๆ โดยเฉพาะการผันงบจากกระทรวงวิทย์ ลงพื้นที่ฐานเสียงตัวเอง
นอกจากนี้ยังมีรัฐมนตรีอีก 1 คน ที่ทำให้เกิดกระแสโจมตีเจ๊แดงอย่างรุนแรงว่าอยู่เบื้องหลังโครงการรับจำนำข้าว ก็เพราะว่า “นายบุญทรง เตริยาภิรมย์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในขณะนี้ก็คือ “คนสนิท” ที่สุดคนหนึ่งของนางเยาวภา
“คนนี้สนิทมากถึงขนาดร่วมธุรกิจบางอย่างกับทั้งตระกูลวงศ์สวัสดิ์ และชินวัตร”!
นอกจากนี้ยังมี นายสันติ พร้อมพัฒน์ นายทุนใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ก็มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับเจ๊แดง แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะเป็นคนสนิทของ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ดี คนของนางเยาวภา ไม่ได้มีแค่ส่วนกลาง แต่นางเยาวภายังแผ่รัศมีคุมแม้กระทั่งหัวเมืองเชียงใหม่เบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่คนล่าสุด “นายธานินทร์ สุภาแสน” เพื่อนร่วมรุ่นตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมของนางเยาวภา หลายครั้ง ภาพนางเยาวภานั่งหัวโต๊ะเปิดโรงแรมเชียงใหม่ออคิด เรียกประชุมระดมความคิดเห็นแนวทางขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองเชียงใหม่สู่เมืองมรดกแห่งล้านนา (The Glory of Lanna Heritage) เมื่อ 21 ต.ค. 55 ที่ผ่านมา ท่ามกลาง ส.ส.เชียงใหม่-ผู้แทนภาคราชการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค-ภาควิชาการ-สถาบันการศึกษา-ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขนาดผู้ว่าฯ ยังต้องนั่งด้านขวา
อย่าลืมว่าตอนนั้นนางเยาวภายังติดคดีบ้านเลขที่ 111 ด้วยซ้ำ
บารมีของนางเยาวภาทั้งเวทีท้องถิ่น และเวทีระดับชาติ ตอนนี้ถือว่าแน่นปึ้ก!
รัฐบาล “ฉาว” ที่สุด!
แหล่งข่าวคนเดิมที่ใกล้ชิดตระกูลชินวัตร สรุปทิ้งทายไว้ว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ผลักดันนางเยาวภา เป็นนายกรัฐมนตรี “หญิง” คนที่ 2 แทนนายกฯ ยิ่งลักษณ์เมื่อไร เชื่อว่าการเมืองไทยคงวุ่นวายกว่านี้หลายเท่า เพราะการสร้างบารมีทางการเมืองจะมีอย่างเต็มพิกัด การแต่งตั้งโยกย้ายคนของตัวเองนั่งในตำแหน่งสำคัญๆ รวมถึงมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ หรือการเล่นพรรคเล่นพวก จะมีให้เห็นมากกว่าทุกวันนี้
ทั้งนี้เพราะที่ผ่านมาในช่วงที่นางเยาวภา ติดคดีบ้านเลขที่ 111 ห้ามเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ชื่อเสียงของนางเยาวภา ลือกระฉ่อนว่า เข้ามาป่วนการแต่งตั้งโยกย้ายในกระทรวงต่างๆ มากที่สุด การผันงบโครงการต่างๆ เข้าสู่กลุ่มธุรกิจใกล้ชิด และภาคการเมืองก็ถูกลือสนั่นเมืองเช่นกัน
ผลสรุปสุดท้ายของประเทศชาติ หากได้นายกฯ ชื่อ “นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์” เชื่อได้ว่าผลประโยชน์เต็มๆ ก็ยังหนีไม่พ้นผลประโยชน์ของคนตระกูลชินวัตร โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่อาจจะได้ทั้งเงิน ทั้งอำนาจกลับคืนมา หวนกลับสู่ภาคการเมืองเต็มตัว พร้อมเดินหน้าเผด็จการรัฐสภา ดันพรรคเพื่อไทยอยู่ยาว พ.ต.ท.ทักษิณก็จะมีอำนาจล้นฟ้า
ที่สำคัญแผนบันได 4 ขั้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็จะบรรลุเป้าหมายในยุคของนางเยาวภา ส่งผลให้จากนี้ไปเส้นทางการเมืองของ “เจ๊แดง” จะยิ่งใหญ่และกระหึ่มแค่ไหน เป็นเรื่องที่คอการเมืองต้องเฝ้าเกาะติดสถานการณ์!