เบื้องหลัง “คุณหญิงสุดารัตน์” อมเลือด ต้องหยุดพักงานการเมือง และหันไปทุ่มให้กับพุทธศาสนา ที่แท้ “ความเก่ง-กล้า” พาภัยมาถึงตัว เพราะไปเพิ่มจุดอ่อนของ “ยิ่งลักษณ์” ให้สังคมได้ประจักษ์มากขึ้น จึงเป็นเรื่องของ “เสือ 2 ตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้” สอดคล้องกับกระแสเสียง “หญิงอ้อ” มีบัญชาลับ “หน่อยต้องไม่มีสักตำแหน่ง” ทุกอย่างจึงสมอารมณ์หมายของ “พี่-น้องชินวัตร” วงในเผยไม่เกี่ยวกับความสามารถ แต่เป็นเรื่องความหมั่นไส้ระหว่าง “ผู้หญิง-ผู้หญิง” งานนี้ “ทักษิณ” ไม่เกี่ยว!
ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.กำลังเดินหน้าอย่างคึกคัก ยิ่งโพลเกือบทุกสำนักทำนายออกมาว่าคะแนนเสียงของคนกรุงเทพมหานครครั้งนี้จะยังเทไปให้ 2 พรรคใหญ่ คือประชาธิปัตย์และเพื่อไทย ซึ่งคะแนนในตอนนี้เรียกว่า “สูสี” โดยในส่วนของโพลคะแนนนิยมพรรคประชาธิปัตย์ยังนำ ส่วนตัวบุคคล “พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ” นำ “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ไปแบบแซงนิ่มๆ
แต่ท่ามกลางความคึกคักนี้ ใครจะรู้บ้างว่า คนที่หน้าช้ำอกตรมที่สุดยังชื่อ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” เจ้าแม่ กทม.ในพรรคเพื่อไทยตัวจริง
แม้จะมีเสียงเชียร์ หรืออยากลงก็ลงไม่ได้ แถมยังต้องมาช่วยสยบเสียงต้าน “พงศพัศ” ของ ส.ส.กทม. ส.ก. ส.ข.ของพรรคเพื่อไทยที่จงรักภักดีกับ “เจ๊หน่อย” มากกว่าเสียอีก
ความเป็นหญิง (เก่ง) บางทีก็เป็นภัย!
เพราะเรื่องนี้แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า “หญิงกับหญิง” คนหนึ่งอยู่ คนหนึ่งต้องไป!
แล้วทำไม “ยิ่งลักษณ์” จะปล่อยให้คุณหญิงสุดารัตน์เป็นผู้ว่าฯ กทม.ไม่ได้ และอาจต้องหยุดพักการเมืองอีกยาวนาน ?
เวทีผู้ว่าฯกทม.เด่น ดัง เทียบเก้าอี้ “ยิ่งลักษณ์”
“คนคิดว่าเวที กทม.เป็นเวทีเล็ก อยู่ใต้อำนาจของกระทรวงมหาดไทย แต่ที่จริงแล้ว เวทีผู้ว่าฯกทม.สามารถทำอะไรได้มาก”
นายไสว โชติกะสุภา อดีตรองประธานสภา กทม. ส.ก.เขตราษฎร์บูรณะ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กทม.จะมีงบประมาณประจำปีรวมทั้งหมดสูงมากคือประมาณ 5-6 หมื่นล้าน ไม่รวมกับงบที่จะจัดสรรมาจากรัฐบาลอีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
กล่าวได้ว่า แม้เวที กทม.จะเป็นเวทีท้องถิ่น แต่เป็นเวทีที่คนที่มาบริหารจะสามารถสร้างผลงานได้มาก โดยเฉพาะผลงานเกี่ยวกับการจราจร โดยเฉพาะการสร้างรถไฟฟ้าจะได้รับคะแนนนิยมกลับมาสู่พรรคได้มาก อย่างในสมัยของผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่ทำรถไฟฟ้ามาฝั่งธนบุรี และรถไฟฟ้าต่อไปทางแบริ่ง สมุทรปราการ
ดังนั้นใครมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.จึงสามารถสร้างบารมีทางการเมืองได้มาก
หากคุณหญิงสุดารัตน์มาเป็นผู้ว่าฯ กทม.โอกาสที่จะดับรัศมีนายกฯ ยิ่งลักษณ์ที่เล่นการเมืองเวทีใหญ่เป็นเรื่องไม่ยาก
“ถ้าถามผมนะ ผมว่าก็มีโอกาสมาก เพราะ กทม.เป็นความเจริญของประเทศ ดังนั้น กทม.ก็ถือว่าเป็นเวทีที่สำคัญ ใครสร้างความดี ก็จะเป็นประจักษ์พยานเห็นชัด”
ซึ่งเป็นความถนัดของคุณหญิงสุดารัตน์ เพราะทั้งการบริหารการเมือง การบริหารข้าราชการ และการมีกลุ่มก๊วนในสังกัด นับว่าเป็นข้อได้เปรียบ
“คุณหญิงสุดารัตน์เขาบริหารงานการเมืองโดดเด่นกว่าคุณยิ่งลักษณ์ แล้วแต่เดิมก็ดูแล ส.ส.กทม.ทั้งหมด ส.ก. ส.ข.ทุกวันนี้ก็เป็นคนของคุณหญิงสุดารัตน์เดิม ก็งงอยู่เหมือนกัน ทำไมคุณหญิงสุดารัตน์ไม่ได้ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. คิดว่าน่าจะถูกเบรก เพราะก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยก็เริ่มดึงอำนาจจากมือคุณหญิงสุดารัตน์กลับมา ทั้งในส่วนธนบุรีก็ให้ ร.ต.อ.เฉลิม ดูแล ส่วน กทม.ฝั่งเหนือ ตะวันออก ก็ให้คุณจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ดู ไม่ให้อำนาจคุณหญิงสุดารัตน์อีก”
ในการบริหารข้าราชการ คุณหญิงสุดารัตน์ก็ได้ชื่อว่า “สวยเจ็บ” เห็นได้ชัดจากการเข้าไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในช่วงรัฐบาลทักษิณ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขนั้นเป็นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกระทรวงที่มีแต่คนเก่ง และไม่ยอมรับอำนาจฝ่ายการเมืองง่ายๆ แต่คุณหญิงสุดารัตน์ก็สามารถสยบดึงหมอมาเป็นพวก สร้างอำนาจของตัวเอง และสร้างผลงานไว้ไม่น้อย ทั้งๆ ที่ปกติแล้วหมอจะยอมรับรัฐมนตรีว่าการที่มาจากหมอมากกว่านักการเมือง
“หญิงเจ็บ” อย่างสุดารัตน์ทำได้ทุกอย่าง ทั้งการบริหารจัดการการเมืองทั้งคนในพรรค และคนต่างพรรค
ถ้ายังจำกันได้ ในสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทักษิณ ชื่อของคุณหญิงสุดารัตน์เป็นชื่อหนึ่งที่จะถูกเชือดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเบื้องต้นด้วย แต่ด้วยเส้นสายกลในอย่างไรไม่ทราบสุดท้ายชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ยังหลุดจากการเชือดของพรรคประชาธิปัตย์ไปอย่างเฉียดฉิว
นี่คือความไม่ธรรมดา ความช่ำชอง และความเชี่ยวกรำทางการเมืองของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่ยิ่งลักษณ์และคนใกล้ชิดก็มองออก
ดังนั้นจึงเป็นเหตุเป็นผลที่จะปล่อยให้คุณหญิงสุดารัตน์กลับขึ้นมามีอำนาจในเวทีผู้ว่าฯ กทม.ไม่ได้
และยิ่งนายกฯ ยิ่งลักษณ์มีจุดอ่อนมากเท่าใด การจะปล่อยให้คุณหญิงสุดารัตน์ขึ้นมาสร้างชื่อเสียงทางการเมืองจึงเป็นเรื่องที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ต้องสกัด
จุดอ่อนยิ่งลักษณ์“บริหารงานไม่เป็น-สั่งการไม่ได้”
“น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เป็นผู้หญิงคนแรก ที่กำลังเล่นการเมืองอยู่หน้าฉาก โดยพี่ชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นพี่เลี้ยงทุกอย่าง หนุนทั้งบารมี หนุนทั้งกำลังคน
แหล่งข่าวนักการเมืองอาวุโสในพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่า ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีพี่ชายเป็นที่ปรึกษาทุกอย่าง ดังนั้นในปีแรกของการเข้ามาทำงาน นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะเป็นคนที่ไม่ค่อยเข้าใจระบบราชการ และการบริหารงานยังติดขัดอยู่มาก โดยเฉพาะยังไม่สามารถ “สั่งการ” ทั้งคนในภาคการเมือง และข้าราชการ ทำให้งานไม่ค่อยเดินหน้า แต่ทว่าเนื่องจากประเทศไทยมีปัญหาเรื่องวิกฤตน้ำท่วมหนัก ประกอบกับการเพิ่งขึ้นมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นปีแรก ทำให้ประชาชนยังให้โอกาสที่จะบริหารบ้านเมืองให้ลุล่วง
แต่การบริหารงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปีที่ 2 นี้เองที่จะเป็นตัววัดฝีมือ “นายกฯ ยิ่งลักษณ์”
“พอเริ่มเข้าปีที่ 2 คนที่เป็นนายกฯ จะบริหารอย่างเดียวไม่ได้ แต่จะต้องสั่งการให้เป็นด้วย ถ้ายังสั่งการไม่ได้จะลำบากมาก เพราะจะไม่มีผลงาน”
อีกทั้งปัญหาที่เป็นปัญหาต่อเนื่องมาก็จะเป็นปัญหาที่สุมรวมกองกันอยู่ที่หน้านายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปัญหาเศรษฐกิจ ที่เป็นปัญหาใหญ่มากของรัฐบาลนี้ เพราะตัวเลขการส่งออกไม่ดี การลงทุนใหม่ในประเทศไม่มี การลงทุนนอกประเทศก็มีการพูดถึงการลงทุนที่ทวายแต่ไม่มีความชัดเจน และยังไม่เกิด
นอกจากนี้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรในประเทศก็ยังเป็นปัญหาคาราคาซัง รวมถึงปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นมาก
อย่างไรก็ดี ในการกู้เงินมา 3 แสนล้านบาท เพื่อมาแก้ปัญหาวิกฤตในประเทศเร่งด่วนในปีที่ผ่านมา เนื่องจากนายกฯ ยังไม่ค่อยเข้าใจระบบงาน รวมถึงไม่สามารถบริหารจัดการให้ดี ทำให้มีการเบิกจ่ายไปเพียงไม่กี่พันล้านบาท ซึ่งประเทศไทยมีภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจำนวนมาก การเบิกจ่ายที่ช้า และไม่สามารถกระตุ้นภาคเศรษฐกิจหรือเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้ถ้ายิ่งช้า ก็จะยิ่งเป็นปัญหา อีกทั้งกำลังจะมีการกู้เงินมาอีก 2.7 ล้านล้านบาท ก็จะเป็นปัญหาหมักหมมมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องตัวเลขหนี้สาธารณะ
ส่วนในด้านสังคม ปัญหาด้านการศึกษา ด้านศีลธรรม ด้านคอร์รัปชัน ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ที่นายกรัฐมนตรีต้องจัดการให้ได้ รวมถึงปัญหาร้อนอย่างปัญหาความมั่นคง ทั้งเรื่องของภาคใต้ การปรองดอง หรือเขาพระวิหาร ปัญหาเหล่านี้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดท้ายทุกคนจะตั้งคำถามไปที่นายกรัฐมนตรีว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร
หากแก้ไม่ได้ หรือไม่สามารถทำให้ประชาชนยอมรับได้ เชื่อแน่ว่าปีนี้จะเป็นปีที่คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยเริ่มตกต่ำลง ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณอันตราย!
“เรื่องเสถียรภาพรัฐบาลไม่ต้องห่วง เพราะเรื่องคะแนนเสียง คุณทักษิณ สามารถบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีบารมีสูง ถือว่าคะแนนเสียงยังแน่น แต่ถ้าจะเสีย ก็เสียไปที่คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยของประชาชนที่จะเริ่มเป็นขาลง”
โดยขณะนี้สิ่งที่ “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” ต้องกดดันมากที่สุดคือ คณะรัฐมนตรีชุดนี้ก็ไม่มีใครโดดเด่นพอที่จะสร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์
“การบริหารจัดการ และภาวะผู้นำ” คือสิ่งที่ “ผู้หญิงหน้าฉาก” อย่างยิ่งลักษณ์ต้องผ่านไปให้ได้ในปีนี้
ถ้ายิ่งลักษณ์ปล่อยให้คุณหญิงสุดารัตน์กลับมาสร้างบารมี และผลงานในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.แม้ว่าจะเป็นเวทีเล็กกว่า แต่ภาพการเปรียบเทียบ “ใครเก่งกว่าใคร” ย่อมแสดงให้เห็นเด่นชัด และจุดอ่อนของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ยิ่งปรากฏ
นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าครึ่งปีหลัง 2555 จึงเห็นภาพ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ มีความพยายามสร้างคนของตัวเองขึ้นมา ทั้งกิตติรัตน์ ณ ระนอง, สุรนันทน์ เวชชาชีวะ เพื่อเป็นอีกขั้วอำนาจหนึ่งที่แสดงให้สังคมได้ประจักษ์ถึงความเด็ดขาด และไม่ต้องอยู่ใต้อำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมานที่ยังคุมอำนาจหลักในพรรคเพื่อไทย
เพราะยิ่งลักษณ์รู้ดีว่าการจะทำงานได้จริง ต้องได้รับการยอมรับจาก “ฝีมือ” ถ้าไม่ของตัวเอง ก็ต้องเป็นผลงานของเด็กตัวเอง
“ความเป็นพี่น้อง มีจุดเด่นคือมีความผูกพันรวมอยู่ด้วย คุณทักษิณก็รู้ดีว่า เมื่อน้องขอ ก็ต้องยอม และต้องทำให้น้องมีอำนาจสั่งการของตัวเองให้ได้ด้วย เพราะถ้าคุณยิ่งลักษณ์สั่งการอะไรใครไม่ได้เลย นับวันจะยิ่งเป็นข้อเสียต่อพรรคเพื่อไทยเอง”
“ภาวะผู้นำ” เป็นเรื่องค้ำคอนายกฯ ยิ่งลักษณ์
นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ศึกเลือกตั้ง กทม.จะไม่มีชื่อ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งในช่วงที่ผ่านมา
เพราะทั้งความสามารถในการบริหารคน บริหาร ส.ส. และบทบาทภาวะผู้นำ
คุณหญิงสุดารัตน์ ล้วนมีเหนือ นายกฯ ยิ่งลักษณ์
ด้วยเหตุนี้ นายกฯ ยิ่งลักษณ์จะปล่อยให้คุณหญิงสุดารัตน์มาสร้างผลงานในเวทีผู้ว่าฯ กทม.ไม่ได้เด็ดขาด เพราะโอกาสสร้างผลงานมากกว่าตัวเองมีมาก
ที่ผ่านมาจึงมีกระแสข่าวว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์เตรียมให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้คุณหญิงสุดารัตน์บริหารแทน เพราะตำแหน่งรัฐมนตรียังต้องอยู่ภายใต้ปีกของนายกฯ หญิง และยังมีรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจดูแล
แต่บรรหารไม่ยอม รีบเดินทางไปหา พ.ต.ท.ทักษิณที่ต่างประเทศ เพราะโควตากระทรวงเกษตรฯเป็นของพรรคชาติไทยพัฒนา
คุณหญิงสุดารัตน์จึงไม่ได้สักตำแหน่ง ที่สำคัญลึกๆ แล้ว โอกาสเติบโตทางการเมืองของคุณหญิงสุดารัตน์ ภายใต้ร่มเงาของพรรคเพื่อไทย นอกจากโดนสกัดจากนายกฯ ยิ่งลักษณ์แล้ว คุณหญิงสุดารัตน์ยังเป็นคนที่ “นายหญิง” ไม่ได้ปลื้ม!
จันทร์ส่องหล้าหนุน “ปู” กำจัดเจ๊หน่อย
ขณะเดียวกันแหล่งข่าววงในของเครือข่ายชินวัตรบอกว่า ยังมีอีกสัญญาณที่เป็นตัวการสกัด คุณหญิงสุดารัตน์ โดยมีคำพูดสื่อออกมาว่า “ผู้หญิงคนนี้ต้องไม่ได้สักตำแหน่ง”
เพราะนี่คือคำสั่งจากบ้านจันทร์ส่องหล้าชัดเจนยิ่งที่ทุกก๊วนต้องปฏิบัติตาม
อย่าลืมว่าแม้หน้าฉาก คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร จะระมัดระวังตัวอย่างที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดภาพการยุ่งเกี่ยวกับภาคการเมือง แต่วันนี้ทุกคนในพรรคเพื่อไทยต่างรู้ดีว่า “เงิน” เกือบทุกบาททุกสตางค์ในพรรคเพื่อไทย มาจากคุณหญิงพจมานคนนี้เอง
คำพูดที่ว่า “พรรคเพื่อไทย” ไม่ต่างกับ “บริษัทชินวัตร” คำกล่าวนี้ไม่เคยผิด
พรรคเพื่อไทย มีคนแค่ 2 คนเท่านั้นที่เป็นเจ้าของ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร
เมื่อลักษณะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนโฉ่งฉ่าง เปิดเผย คนในสายของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงมีลักษณะเดียวกัน คือเปิดตัวทางการเมืองเต็มที่ ทั้ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และพายัพ ชินวัตร
แต่สายของคุณหญิงพจมานไม่ใช่!
“คุณหญิงพจมานเป็นคนนิ่ง คนของคุณหญิงพจมานที่มีอยู่ในพรรคเพื่อไทยก็จะเป็นคนนิ่ง ไม่กระโตกกระตาก อย่าง บรรณพจน์ ดามาพงศ์ เข้ามาทำงานในพรรค ก็จะทำงานอย่างเงียบๆ เข้าไปถือหุ้นของบริษัทอื่นๆ ก็ไปนิ่งๆ ”
ด้วยเหตุนี้ ทั้ง “บารมี” และ “ความเกรงใจ” ของลูกพรรคที่มีต่อคุณหญิงพจมานจึงสูงลิบ
ไม่ว่าจะมีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายคนสำคัญๆ ทางการเมือง ข้าราชการระดับสูง ทุกรายชื่อนอกจากจะต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านตาแล้ว ทั้งหมดคุณหญิงพจมานต้องรู้
แน่นอนว่าเรื่องเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ของพรรค เงินออกเท่าไร เงินเข้าเท่าไร คุณหญิงพจมานรู้ทั้งหมด
“ถ้าคุณเป็นคนออกเงินให้คนอื่นเยอะแยะมากมาย เวลามีเงินเข้าเท่าไร คุณต้องรู้ ทุกความเคลื่อนไหว ไม่มีใครลงเงินไปให้ใครฟรีๆ หรอก”
โดยเฉพาะโปรเจกต์ยักษ์ทั้งหลายแหล่ที่เกี่ยวกับเรื่องเงิน สุดท้ายทุกเรื่อง “คุณหญิงพจมาน” ต้องรู้
“มันเป็นเรื่องปกตินะ เหมือนเจ้าของบริษัทนั่นแหละ ในเมื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จะเอาอะไรก็ต้องได้”
ดังนั้น แม้คุณหญิงพจมานจะไม่ออกหน้าฉาก และแม้ว่าความสัมพันธ์กับยิ่งลักษณ์ จะน้อยกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แต่วันนี้ “คุณหญิงพจมาน” ยังเป็นผู้หญิงที่หนุนเสถียรภาพของรัฐบาล และหนุนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไม่ให้สั่นคลอนได้อย่างมีพลัง
ทุกวันนี้ ทั้งเงินเดือน ส.ส. เงินบริหารพรรค ล้วนออกจากกระเป๋าคุณหญิงพจมาน
เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ไกล การสั่งการก็มาจากภายนอก บทบาท “ผู้หญิง” ในพรรคเพื่อไทยจึงมีเพิ่มขึ้นไปอีก
และนี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่ชื่อของผู้สมัครฯ ผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคเพื่อไทย ไม่มีชื่อของ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ลงสมัครรับเลือกตั้ง
“คุณหญิงสุดารัตน์เป็นผู้หญิงเก่ง มีความสามารถสูงมาก สามารถควบคุมดูแล ส.ส. สามารถบริหารจัดการภาคการเมือง และข้าราชการได้อย่างดีเยี่ยม แต่ความสามารถบางกรณีก็ไม่อาจนำมาใช้ได้”
แหล่งข่าวนักการเมืองอาวุโสในพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า แม้คุณหญิงสุดารัตน์จะเป็นคนเก่ง แต่การบริหารจัดการในพรรคเพื่อไทยที่เป็นในรูปแบบบริษัท คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นเพียงแค่นักการเมืองคนหนึ่ง เป็นแกนนำทางการเมืองคนหนึ่ง และถึงแม้มี ส.ส.ในกลุ่มจำนวนมากแค่ไหนก็ตาม แต่สุดท้ายคุณหญิงสุดารัตน์ถือเป็น “ผู้หญิง” คนเดียวที่เป็น “คนวงนอก”
ใคร!ลิขิตอนาคตการเมือง “หญิงหน่อย”
คำสั่งลับของนายหญิงผ่านคนใกล้ชิดที่ว่า “ไม่ให้ลงผู้ว่าฯ กทม. ไม่ให้ตำแหน่งใดๆ ทั้งนั้น” เหตุเพราะหมั่นไส้ที่อีกคนชอบทำตัวเด่นเกินไป ที่เห็นชัดคือช่วงน้ำท่วม ท่ามกลางภาพเก้ๆ กังๆ นายกฯ ปู น้องสาวสามี กลับมีภาพของ “คุณหญิงสุดารัตน์” ที่เข้ามาแก้วิกฤตน้ำท่วมได้เด็ดขาด และ “เด่น” กว่า
เด่นเกินหน้าเกินตานายกรัฐมนตรี!
ตรงกับเรื่องในใจ “ยิ่งลักษณ์” ที่หวั่นว่า “บทบาท” เจ๊หน่อยจะแย่งซีนนายกรัฐมนตรี
เมื่อมีคำสั่งจาก “หุ้นส่วนใหญ่” จึงนับเป็นคำสั่งที่เฉียบขาด และไม่มีใครกล้าขัด เพราะนี่เป็นเพียงเรื่องของ “ผู้หญิง” ที่ไม่ชอบหน้ากัน
“เรื่องของผู้หญิง บางทีผู้ชายก็อย่าไปเกี่ยว ต้องถอย”
ตรงกับสำนวนที่ว่า เสือ 2 ตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ !
เมื่อยิ่งลักษณ์อยู่ คุณหญิงสุดารัตน์จะต้องไป เพราะอย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องเลือกน้องสาว ยิ่งลักษณ์จึงถือว่าเป็นคนมีเส้น แต่คุณหญิงสุดารัตน์คือคนไม่มีเส้น
โอกาสที่จะเติบโตทางการเมืองในพรรคเพื่อไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ต่อจากนี้ไปถือว่าน้อยมาก จะเรียกว่า “ดับ” ก็คงไม่ผิดนัก เพราะแม้นายกฯ ยิ่งลักษณ์จะเซ็นแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษากองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติปลอบใจ แต่ก็เป็นตำแหน่งที่ใครๆ ก็รู้ว่าตั้งเพื่อแขวนลอย
เส้นทางทางการเมืองของคุณหญิงสุดารัตน์เวลานี้จึงจำต้องอยู่อย่างสงบ เข้าหาธรรมะเป็นที่พึ่ง จึงเป็นทางเลือกที่คุณหญิงสุดารัตน์ รู้ดีว่าดีที่สุดเพื่อสะสมทาน-บารมีไว้ในโอกาสข้างหน้า!
ส่วนจะกลับมาโลดแล่นทางการเมืองได้อย่างใจปรารถนาอีกหรือไม่...จะอยู่ที่ฟ้าลิขิต หรือทักษิณ-พจมาน-ยิ่งลักษณ์ ลิขิตกันแน่ !!
ทั้งหมดจะพิสูจน์ได้ในการปรับครม.ยิ่งลักษณ์ 3 ที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆนี้ !