xs
xsm
sm
md
lg

แฉกลวิธีขยายฐาน “ก๊วนหมิ่นสถาบันฯ” บานสะพรั่ง! ชี้ DSI เด้งมือปราบ-มุ่งคดีสลายม็อบสนอง “ปูแดง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พวกหมิ่นสถาบันฯ หวนคืนเฟซบุ๊ก เพิ่มจำนวนมากขึ้น หลอกล่อด้วยชื่อที่เป็นมงคล รออีกฝ่ายเข้าร่วมแล้วเปิดปฏิบัติการ เผยใน DSI เปลี่ยนตัว “ญาณพล” คนทำคดีหมิ่น โยกคนรับผิดชอบเดิมไปดูคดีทั่วไป ขณะที่ศูนย์รับเรื่อง DSI แนะอย่าตอบโต้ “เจอให้แจ้ง” หวั่นถูกดูดข้อมูลนำไปปลอมตัวกระทำผิดกฎหมาย
ศิษย์เก่าคณะวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ รวมตัวต่อต้านกลุ่มนิติราษฎร์
ช่วงที่ผ่านมาบรรดาคนสังคมออนไลน์ เริ่มกลับมาเห็นการเติบโตของกลุ่มที่กระทำการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงถี่ขึ้นและกำลังเพิ่มปริมาณมากขึ้น หลังจากที่เบาบางลงไปในช่วงปลายรัฐบาลประชาธิปัตย์ ต่อเนื่องจนถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยเว็บไซต์หรือเฟซบุ๊กที่กระทำการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงส่วนใหญ่จะมีกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนเป็นฐานมาจากกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย

แม้ว่าในช่วงแรกๆ ที่พรรคเพื่อไทยได้เข้ามาบริหารประเทศ ดูเหมือนแนวรุกในด้านนี้จะแผ่วลงไป โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ได้ออกโครงการไม่กด Like ไม่ Share และไม่ Comment และให้แจ้งเรื่องไปที่ ICT เพื่อดำเนินการปิด

ขณะที่ในรัฐบาลชุดนี้ได้ออกมากล่าวถึงการดำเนินการปิดเว็บไซด์หรือเฟสบุ๊กที่กระทำการหมิ่นสถาบันมากกว่ากว่า 6 หมื่น URL แต่ก็ยังพบการกระทบผิดดังกล่าวผ่านสังคมออนไลน์อีกจำนวนมาก

ในระยะนี้ซึ่งเป็นช่วงครบรอบ 1 ปีของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่บริหารประเทศมา เริ่มปรากฏเนื้อหาและข้อความในลักษณะเดิมๆ กลับเข้ามาในโลกออนไลน์กันมากขึ้น

เริ่มมากขึ้น

“ทางเฟซบุ๊กค่อนข้างจะมีมากกว่าที่เป็นเว็บไซต์ เพราะจัดทำได้ง่าย สะดวก ทำได้อย่างรวดเร็ว เมื่อถูกปิดก็เปิดใหม่ได้ทันที ขณะนี้ทางกลุ่มก็ยังติดตามกลุ่มเหล่านี้อยู่ แต่ไม่ได้ดำเนินการแบบเปิดเผยเหมือนที่ผ่านมา เมื่อพบเห็นก็จะดำเนินการแจ้งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที” หนึ่งในทีมงานที่ติดตามเว็บไซต์หมิ่นสถาบันฯ กล่าว

คนกลุ่มที่กระทำการหมิ่นสถาบันฯ จะดำเนินงาน 2 รูปแบบผ่านทางเฟซบุ๊ก คือดำเนินการในนามบุคคลและทำแบบกลุ่มเปิด ทั้ง 2 รูปแบบจะมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน เช่น คนที่ดำเนินการในนามบุคคลอาจเข้ามาจัดทำเฟซบุ๊กแบบกลุ่มเปิด จากนั้นก็จะมีแนวร่วมเข้ามาขยายผล

เดิมชื่อในการตั้ง อาจเป็นชื่อที่จงใจตั้งขึ้นด้วยถ้อยคำรุนแรง ซึ่งเป็นศัพท์ที่รู้กันในแวดวงของคนเหล่านี้ แต่ในปัจจุบันจะมีการตั้งชื่อเดียวกับชื่อที่ใช้กันทั่วไป เพื่อดึงให้คนเข้ามากด Like เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมหรือเข้ามาแสดงความเห็น จากนั้นก็เริ่มแสดงตัวทั้งถ้อยคำและภาพตัดต่อ เพื่อยั่วยุให้คนที่เข้ามาด้วยเจตนาบริสุทธิ์เข้ามาตอบโต้ แค่นี้ก็ถือว่าพวกเขาบรรลุเป้าหมาย

ก่อนหน้านี้กลุ่มหมิ่นเบื้องสูงฯ ได้ลดพฤติกรรมดังกล่าวลงไปมาก แต่เริ่มกลับเข้ามาเปิดแนวรุกนี้อีกครั้งในระยะนี้

อย่าตอบโต้-เจอแล้วแจ้ง

ศูนย์ปฏิบัติการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กระทรวง ICT กล่าวว่า คนกลุ่มนี้ก็ไม่ต่างกับคนโรคจิตที่ต้องการเรียกร้องความสนใจ คือ ตั้งใจทำเฟซบุ๊กในลักษณะขุดบ่อล่อปลา ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการเผยแพร่แนวคิดของตัวเองออกไปสู่สังคม และพวกเขาจะสนุกกับการตอบโต้กับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว ในขณะเดียวกันพวกเขาก็จะอาศัยเฟซบุ๊กที่เป็นกลุ่มเปิดที่ไม่จำเป็นต้องกด Like ก็แสดงความคิดเห็นได้ เข้ามาดักเอาข้อมูลและชื่อของคนที่เข้ามาต่อต้านไป

โดยธรรมชาติแล้วคนที่เล่นเฟซบุ๊กทั่วไปมีเจตนาบริสุทธิ์ มักจะใส่ข้อมูลจริงของผู้ลงทะเบียนไป เพราะช่องทางหลักของพวกเขา คือ เพื่อติดต่อสื่อสารกับเพื่อนฝูงหรือเพื่อทำงาน ดังนั้นเมื่อเข้าไปตอบโต้คนกลุ่มที่กระทำการหมิ่นสถาบันฯ ก็จะกลายเป็นเหยื่อของคนเหล่านี้ จะมีการนำเอาชื่อ รูปภาพ หรือประวัติต่างๆ ของคนที่เข้าไปตอบโต้ไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น

ในโลกของสังคมออนไลน์ ชื่อของบุคคลที่นำมากระทำการหมิ่นสถาบันฯ อาจเป็นชื่อผู้ที่ดำเนินการเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ใช้ชื่อจริง ส่วนที่อาจเห็นว่ามีหลายคนเข้ามากด Like หรือแสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกับเนื้อหาใน Page ก็ตอบยากเช่นกันว่าเป็นคนอื่นด้วยหรือไม่ เพราะเจ้าของ Page เพียงคนเดียวอาจจะตั้งชื่อไว้หลายๆ ชื่อแล้วเข้ามาปั่นกระทู้

“ที่น่ากลัวคือกลุ่มคนเหล่านี้จะนำเอาชื่อและข้อมูล รูปภาพของคนที่เข้าไปตอบโต้ ไปปลอมหรือสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาแล้วนำไปแอบอ้างใช้กระทำการหมิ่นแทน ส่วนหนึ่งเป็นการใส่ร้ายฝ่ายตรงข้าม อีกส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันตัวเอง โดยเอาชื่อคนอื่นมาดำเนินการแทน”

ที่ผ่านมามีหลายครั้งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุม ดำเนินคดีกับเฟซบุ๊กที่หมิ่นสถาบันฯ แต่คนที่เจ้าหน้าที่ไปเชิญตัวมา จำนวนไม่น้อยคือกลุ่มคนที่เข้าไปตอบโต้เฟซบุ๊กที่หมิ่นสถาบันฯ เพราะถูกนำเอาข้อมูลไปปลอม ต้องใช้เวลาตรวจสอบที่นานขึ้น ผู้กระทำผิดจริงอาจไหวตัวได้ทัน

ICT ดำเนินคดีตามขั้นตอน

สอบถามถึงเรื่องการดำเนินคดีกับเว็บไซต์หรือเฟซบุ๊กที่หมิ่นสถาบันฯ ว่า ได้ดำเนินการอย่างจริงจังหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเห็นเรื่องดังกล่าวเงียบหายไป ได้รับคำตอบว่า ทางหน่วยงานเราได้รับการแจ้งจากภาคประชาชนให้เข้าไปตรวจสอบ ดำเนินคดีกับบุคคลที่กระทำการหมิ่นสถาบันฯ บนสังคมออนไลน์ตลอด มากบ้างน้อยบ้างตามกระแสในแต่ละช่วง

เมื่อรับแจ้งแล้วก็ต้องดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และต้องประสานงานกับส่วนงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการปิดหน้า Page และตามตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ แน่นอนว่าขั้นตอนเหล่านี้ต้องใช้เวลาระดับหนึ่ง

ส่วนการดำเนินการปิด Page ที่หมิ่นสถาบันฯ นั้น เราปิดมาโดยตลอด แต่อาจจะดูเหมือนไม่ปิด เพราะคนเหล่านี้เมื่อถูกปิดแล้วจะเปิดใหม่ ใช้ชื่อเดิม รูปภาพเดิมๆ แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าชื่อเดิมเหล่านั้น อาจจะมี URL ต่างไปจากเดิม

ในด้านการจับกุมดำเนินคดีมีโดยตลอด แต่เรื่องดังกล่าวอาจไม่เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะมากนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกลุ่มที่คอยตรวจสอบเรื่องนี้อยู่เริ่มเป็นมืออาชีพมากขึ้น คือไม่กระจายข่าวหรือเสียบประจานเหมือนก่อน แต่จะใช้วิธีการแจ้งมาที่หน่วยงานรัฐแทน จึงทำให้ใครที่คอยติดตามการทำงานของกลุ่มหมิ่นสถาบันฯ อาจไม่ทราบข้อมูลเหมือนก่อน

วิธีการนี้ค่อนข้างได้ผล เพราะคนไม่แตกตื่น อีกทั้งคนที่กระทำการหมิ่นสถาบันฯ ก็เริ่มไม่สนุกเพราะไม่มีใครเข้าไปตอบโต้ การดำเนินคดีก็ทำได้ง่ายขึ้น

ที่สำคัญกว่านั้นคือคดีความดังกล่าว ทางเราได้รับการร้องขอจากศาลว่าไม่ควรนำเอาเรื่องคดีความเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ เพราะเป็นการไม่บังควรและอาจเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

นิติราษฎร์แผ่วขึ้นเฟซบุ๊ก

เท่าที่เราตั้งข้อสังเกตจะพบว่ากลุ่มที่เข้ามากระทำการหมิ่นสถาบันฯ เหล่านี้ มักจะเข้ามามากในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองกำลังขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น แต่ถ้าทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติกลุ่มเหล่านี้ก็จะลดบทบาทตัวเองลง และถ้าไม่มีใครเข้าไปตอบโต้ด้วยพวกนี้ก็จะยุติบทบาทตัวเองลง

ก่อนหน้านี้มีการเคลื่อนไหวของอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุลและกลุ่มนิติราษฎร์ มีตัวบุคคลอย่างนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ ถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 ดังนั้นการดำเนินการทางโลกออนไลน์จึงชะลอไป เมื่อรัฐบาลแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ ประกอบกับกลุ่มนิติราษฎร์เริ่มแผ่วลง กลุ่มนี้จึงกลับมาใช้แนวทางเดิมขับเคลื่อนอีกครั้ง

DSI เปลี่ยนตัวคนทำคดี

แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กล่าวว่า การตรวจสอบหรือดำเนินคดีกับกลุ่มหมิ่นสถาบันฯ ก็ดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลที่รับผิดชอบคดีนี้จากเดิมที่เป็นพันตำรวจเอกญาณพล ยั่งยืน ซึ่งเป็นผู้ที่รู้เรื่องนี้ดีและติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด มาเป็น พันตำรวจเอกประเวศน์ มูลประมุข รับผิดชอบแทนและยังทำคดีสลายการชุมนุม 98 ศพด้วย ขณะที่งานหลักของดีเอสไอตอนนี้มุ่งไปที่การตรวจสอบการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์

“คดีเหล่านี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายทั้งจากไอซีที DSI ตำรวจท้องที่ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดำเนินการล่าช้า ความคืบหน้าของคดีก็จะช้าตามไปด้วย และจะทำให้กลุ่มที่กระทำผิดได้ใจเปิดเฟซบุ๊กโจมตีสถาบันฯ มากขึ้นเรื่อยๆ”

ที่ผ่านมาการดำเนินการอย่างเข้มข้นกับกลุ่มที่ดำเนินการหมิ่นสถาบันฯ ในช่วงรัฐบาลชุดก่อน ซึ่งส่วนใหญ่ผู้กระทำผิดจะเชื่อมโยงกับกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อเปลี่ยนมาเป็นรัฐบาลปัจจุบันที่คนเสื้อแดงส่วนใหญ่เลือกมา การดำเนินคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้จะทำได้จริงจังหรือไม่ คงต้องให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้พิสูจน์

กำลังโหลดความคิดเห็น