“นายใหญ่”สั่งถอย ตอกย้ำความเสื่อม“รัฐบาลเด็กเลี้ยงแกะ”

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - การสั่งถอยของ“นายใหญ่”เพราะกระแสค้านการออกพ.ร.ฎ.อภัยโทษฉบับเอื้อนักโทษหนีคดีแรงเกินคาด ตอกย้ำความเสื่อมของรัฐบาลเด็กเลี้ยงแกะที่หาความเชื่อถือจากสังคมได้น้อยลงทุกขณะ ไม่เว้นแม้แต่มวลชนเสื้อแดงผู้ภักดีที่เจ็บปวดจากการถูกทอดทิ้งหลังน้ำท่วม

ความพยายามอีกครั้งของนักโทษชายหนีคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้รอคอยการกลับบ้านที่อบอุ่นมีอันต้องเป็นหมันอีกครา เมื่อการเดินเกมออกกฎหมายขออภัยโทษไม่สำเร็จดังคาดหวัง ผลลัพธ์ที่ออกมาครั้งนี้ไม่ต่างไปจากการเดินหมากทวงฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษคราวที่มวลชนคนเสื้อแดงสู้อุตส่าห์ล่าลายชื่อนับล้านยื่นถวายฎีกาเมื่อสองปีที่แล้วและมีการเคลื่อนไหวกดดันทวงถามฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเมื่อเดือนต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาโดยมีนักกฎหมายใหญ่ที่ชื่อ ดร.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นหัวหอก

คราวก่อนนั้น ดร.เฉลิม แสดงบทกร้าวเพื่อเอาทักษิณกลับบ้านให้ได้ตามสัญญาที่หาเสียงไว้ก่อนการเลือกตั้ง โดยยกตัวบทกฎหมายร่ายยาวถึงเหตุและผลต่างๆ นาๆ แต่สุดท้ายต้องเจอกับกระแสค้านสวนกลับมาอย่างแรงจนต้องถอยตั้งหลักใหม่ด้วยการโยนเรื่องไปให้คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียดรอบคอบก่อนการดำเนินการใดๆ ต่อไป แล้วเรื่องก็เงียบหายไป แต่นั่นเท่ากับเป็นการสร้างเงื่อนไขให้กลุ่มพลังทางสังคมต่างๆ เกิดการเคลื่อนไหวรวมตัวเพื่อตอบโต้ทันทีหากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยังจะดันทุรังดำเนินการเรื่องนี้อีก

ด้วยเหตุนี้ เพียงชั่วข้ามคืนที่มีกระแสข่าวครม.ผ่านร่างพ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. …. เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2554 ที่ผ่านมา กลุ่มพลังทางสังคมที่รวมตัวกันเพื่อคัดค้านการนิรโทษกรรมหรือขอพระราชทานอภัยโทษมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงออกมาตอบโต้ทันควัน รวมทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งประกาศชัดเจนมาตั้งแต่ต้นว่า จะออกมาชุมนุมทันทีหากมีกระบวนการจวบจ้วงทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีกระบวนการที่จะนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี

นอกจากนั้น ผลโพลจากการสำรวจความเห็นประชาชนทั่วประเทศ ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงการคัดค้านและการเสื่อมความนิยมแม้ในพื้นที่คนเสื้อแดงฐานมวลชนสำคัญเช่นในเขตปริมณฑลและเขตภาคเหนือซึ่งถูกปล่อยให้เผชิญอุทกภัยนานนับเดือนโดยความช่วยเหลือจากรัฐบาลไปไม่ถึง

ทั้งนี้ ศูนย์สำรวจความคิดเห็นของประชาชน สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าโพล) เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง“การแก้ไขพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษโดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์” จำนวน 1,273 ตัวอย่าง พบว่า ร้อยละ 52.68 ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ฎ.อภัยโทษ ฉบับที่เอื้อประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะที่ร้อยละ 31.22 เห็นด้วย และร้อยละ 16.10 ไม่แน่ใจเมื่อแยกรายภาค พบว่า ภาคใต้ คัดค้านมากที่สุดร้อยละ 74.85 รองมาคือ กทม.และปริมณฑล 52.68 ภาคเหนือ ร้อยละ 43.57 ภาคกลาง ร้อยละ 40.89 ตามลำดับ มีเพียงแต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้น ที่เห็นด้วยกับการแก้ไขพ.ร.ฎ.อภัยโทษ คิดเป็นร้อยละ 38.05

กระแสคัดค้านที่แรงเกินคาดของกลุ่มพลังทางสังคมที่ต่างมีจุดร่วมเดียวกัน ส่งผลให้พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งสัญญาณถอยดีกว่า โดยอ้างการเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อความสงบสุขและความปรองดองของสังคมโดยรวม ตามมาด้วยการแถลงจากพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.กระทรวงยุติธรรม ที่ยืนยันว่าพ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ จะยึดเนื้อหาเช่นเดียวกันกับสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ โดยไม่มีการตัดบัญชีแนบท้ายยกเว้นโทษสำหรับคดีทุจริตคอร์รัปชั่นออก และยืนยันไม่มีเนื้อหาใดเอื้อประโยชน์ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้นายใหญ่จากดูไบจากส่งสัญญาณถอย และรมว.กระทรวงยุติธรรม จะออกมาแถลงยืนยันโดยเอาตำแหน่งเป็นเดิมพันพร้อมสละเก้าอี้หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับพระราชทานทานอภัยโทษ แต่ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเด็กเลี้ยงแกะ ตกต่ำถึงระดับที่ไม่มีใครกล้าไว้วางใจ เพราะคราวก่อนรัฐบาลก็ออกมายืนยันว่าจะไม่ดำเนินการใดๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อคนๆ เดียว แต่ยังไม่ทันไรก็ออกลายให้เห็นความดันทุรังไม่สิ้นสุด

คราวนี้ การเรียกร้องของหลายฝ่ายให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และครม. ออกมายืนยันต่อสังคมอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีการดำเนินการใดๆ ที่เอื้อประโยชน์ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่ากรณีใดๆ อีกครั้งหนึ่ง อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่สังคมจะให้โอกาสรัฐบาลเด็กเลี้ยงแกะ กลับตัวกลับใจทำงานเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนส่วนรวมอย่างแท้จริง