รายละเอียดคำสั่งศาลปกครองกลาง กรณีคำขอให้คุ้มครองชั่วคราว ก่อนการพิพากษา คดีถ่านหินจังหวัดสมุทรสาคร
คดีนี้ผู้ฟ้องคดี (นายทองนาค เสวกจินดา ที่ ๑ กับพวกรวม ๓ คน) ฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ (องค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ (สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ (สำนักงานขนส่งทางน้ำจังหวัดสมุทรสาคร) และบริษัท เทคนิคทีม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ร้องสอด ดำเนินการเกี่ยวกับการประกอบกิจการถ่านหินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายสิ่งแวดล้อม จึงขอให้ศาลสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ควบคุมการประกอบกิจการถ่านหินดังกล่าวให้ถูกต้องตามกฎหมาย และขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยให้หยุดการเก็บกอง ขนถ่าย และขนส่งถ่านหินในเขตพื้นที่ตำบลท่าทรายไว้เป็นการชั่วคราว ก่อนการพิพากษาคดี
ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เกี่ยวกับคำขอกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ฟ้องคดีทั้งสามว่า เนื่องจากการประกอบกิจการถ่านหินของผู้ร้องสอด เป็นการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ จึงจะสามารถดำเนินการได้
แต่ปรากฏว่าผู้ร้องสอดได้ลักลอบประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งผู้ฟ้องคดีและประชาชนในพื้นที่ได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ทำให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้มีคำสั่งให้หยุดกิจการและได้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๓ จนศาลจังหวัดสมุทรสาครได้มีคำพิพากษาลงโทษผู้ร้องสอดทั้งจำคุกทั้งปรับ ตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑
แต่หลังจากนั้น ผู้ร้องสอดยังคงประกอบกิจการดังกล่าวเรื่อยมา และโดยที่ การประกอบกิจการหรือการดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ทั้งหมดของผู้ร้องสอด มีผลทำให้ถ่านหินบางส่วนตกลงสู่แม่น้ำและสองข้างทางในระหว่างการขนถ่ายลำเลียงหรือขนส่ง อีกทั้งน้ำหนักของรถบรรทุกถ่านหินยังทำให้ถนนในพื้นที่ได้รับความเสียหายเป็นหลุมเป็นบ่อ จนก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และยิ่งไปกว่านั้นฝุ่นละอองถ่านหินได้ฟุ้งกระจายออกไปเป็นบริเวณกว้าง อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน
อีกทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่และรู้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่เป็นอย่างดี ได้พิจารณาแล้วเห็นว่ากระบวนการลำเลียง เก็บกอง ขนถ่าย ขนส่ง และการดำเนินการเกี่ยวกับถ่านหินตามขั้นตอนต่างๆ ได้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต และระบบโครงสร้างพื้นฐาน จึงได้มีคำสั่งลงวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ให้ผู้ประกอบการถ่านหินทั้งหมดในจังหวัดสมุทรสาคร ระงับการประกอบกิจการถ่านหินทุกกรณี ตั้งแต่วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
แต่กลับปรากฏว่ายังคงมีการลักลอบลำเลียง หรือขนส่งถ่านหินในพื้นที่ ที่เกิดเหตุของคดีนี้ อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดดังกล่าว โดยผู้ร้องสอดเองได้ยอมรับต่อศาลว่าในจำนวนนี้เป็นการดำเนินการของผู้ร้องสอด กรณีจึงเห็นได้ว่า ยังคงมีการกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการกระทำละเมิดหรือกระทำผิดกฎหมายทำให้เกิดความเดือดร้อนหรือเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีและประชาชนในพื้นที่
ศาลปกครองกลางจึงมีคำสั่งให้ระงับการประกอบกิจการถ่านหินทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการลำเลียง การเก็บกอง การขนถ่าย การขนส่งหรือการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ในตำบลท่าทราย อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร โดยให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีแต่ละรายไว้ เพื่อควบคุม ตรวจสอบ หรือกำกับให้มีการปฏิบัติตามคำสั่งศาลและคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
อนึ่ง หลังจากมีการเปิดทำการแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองกลางในวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ แล้ว คดีนี้ก็จะมีการโอนเข้าสู่การพิจารณาพิพากษาของแผนกคดีสิ่งแวดล้อมใน ศาลปกครองต่อไป
สำนักงานศาลปกครอง
วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔
คดีนี้ผู้ฟ้องคดี (นายทองนาค เสวกจินดา ที่ ๑ กับพวกรวม ๓ คน) ฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ (องค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ (สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ (สำนักงานขนส่งทางน้ำจังหวัดสมุทรสาคร) และบริษัท เทคนิคทีม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ร้องสอด ดำเนินการเกี่ยวกับการประกอบกิจการถ่านหินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายสิ่งแวดล้อม จึงขอให้ศาลสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ควบคุมการประกอบกิจการถ่านหินดังกล่าวให้ถูกต้องตามกฎหมาย และขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยให้หยุดการเก็บกอง ขนถ่าย และขนส่งถ่านหินในเขตพื้นที่ตำบลท่าทรายไว้เป็นการชั่วคราว ก่อนการพิพากษาคดี
ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เกี่ยวกับคำขอกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ฟ้องคดีทั้งสามว่า เนื่องจากการประกอบกิจการถ่านหินของผู้ร้องสอด เป็นการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ จึงจะสามารถดำเนินการได้
แต่ปรากฏว่าผู้ร้องสอดได้ลักลอบประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งผู้ฟ้องคดีและประชาชนในพื้นที่ได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ทำให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้มีคำสั่งให้หยุดกิจการและได้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๓ จนศาลจังหวัดสมุทรสาครได้มีคำพิพากษาลงโทษผู้ร้องสอดทั้งจำคุกทั้งปรับ ตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑
แต่หลังจากนั้น ผู้ร้องสอดยังคงประกอบกิจการดังกล่าวเรื่อยมา และโดยที่ การประกอบกิจการหรือการดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ทั้งหมดของผู้ร้องสอด มีผลทำให้ถ่านหินบางส่วนตกลงสู่แม่น้ำและสองข้างทางในระหว่างการขนถ่ายลำเลียงหรือขนส่ง อีกทั้งน้ำหนักของรถบรรทุกถ่านหินยังทำให้ถนนในพื้นที่ได้รับความเสียหายเป็นหลุมเป็นบ่อ จนก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และยิ่งไปกว่านั้นฝุ่นละอองถ่านหินได้ฟุ้งกระจายออกไปเป็นบริเวณกว้าง อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน
อีกทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่และรู้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่เป็นอย่างดี ได้พิจารณาแล้วเห็นว่ากระบวนการลำเลียง เก็บกอง ขนถ่าย ขนส่ง และการดำเนินการเกี่ยวกับถ่านหินตามขั้นตอนต่างๆ ได้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต และระบบโครงสร้างพื้นฐาน จึงได้มีคำสั่งลงวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ให้ผู้ประกอบการถ่านหินทั้งหมดในจังหวัดสมุทรสาคร ระงับการประกอบกิจการถ่านหินทุกกรณี ตั้งแต่วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
แต่กลับปรากฏว่ายังคงมีการลักลอบลำเลียง หรือขนส่งถ่านหินในพื้นที่ ที่เกิดเหตุของคดีนี้ อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดดังกล่าว โดยผู้ร้องสอดเองได้ยอมรับต่อศาลว่าในจำนวนนี้เป็นการดำเนินการของผู้ร้องสอด กรณีจึงเห็นได้ว่า ยังคงมีการกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการกระทำละเมิดหรือกระทำผิดกฎหมายทำให้เกิดความเดือดร้อนหรือเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีและประชาชนในพื้นที่
ศาลปกครองกลางจึงมีคำสั่งให้ระงับการประกอบกิจการถ่านหินทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการลำเลียง การเก็บกอง การขนถ่าย การขนส่งหรือการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ในตำบลท่าทราย อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร โดยให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีแต่ละรายไว้ เพื่อควบคุม ตรวจสอบ หรือกำกับให้มีการปฏิบัติตามคำสั่งศาลและคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
อนึ่ง หลังจากมีการเปิดทำการแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองกลางในวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ แล้ว คดีนี้ก็จะมีการโอนเข้าสู่การพิจารณาพิพากษาของแผนกคดีสิ่งแวดล้อมใน ศาลปกครองต่อไป
สำนักงานศาลปกครอง
วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔