xs
xsm
sm
md
lg

เปิดปม“ทนายแม้ว”แก้ต่างนายใหญ่คดียึดทรัพย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว (แฟ้มภาพ)
รายงานพิเศษ ….. นับถอยหลังคดีประวัติศาสตร์ ยึดทรัพย์ทักษิณ 7.6หมื่นล้าน (1)

ผู้จัดการออนไลน์ - คดียึดทรัพย์ทักษิณ 7.6 หมื่นล้าน ซึ่งศาลฎีกาฯ นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 26 ก.พ. 2553 นี้ นับเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่หลายฝ่ายรอลุ้นระทึกว่าคำตัดสินคดีจะออกมาเช่นใด และการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของ “นช.ทักษิณ” จำเลยในคดีทั้งก่อนและหลังคำพิพากษาจะก่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายถึงขั้นกลียุคหรือไม่ ข้อต่อสู้ของทีมทนายแม้วที่หาเหตุผลร้อยแปดเพื่อแก้ต่างให้นายใหญ่จะฟังขึ้นหรือไม่ อีกไม่นานก็คงได้รู้

ขณะที่คณะอัยการและอดีตคตส.กำลังเตรียมร่างคำแถลงปิดคดียึดทรัพย์นช.ทักษิณ ทางฝ่ายคณะทนายความของฝ่ายทักษิณ เองก็กำลังขะมักเขม้นหาเหตุผลร้อยแปดมาแก้ต่างในร่างคำแถลงปิดคดีให้กับนายใหญ่เช่นเดียวกัน ประเด็นที่ฝ่ายทักษิณ ยกขึ้นมาต่อสู้ตลอดกระบวนการไต่สวนคดีในชั้นศาลจากนัดแรกถึงนัดสุดท้าย และจะเน้นย้ำในคำแถลงปิดคดีนั้น หากประมวลจากคำให้การต่อศาลในนัดไต่สวนพยานคดีนัดแรกและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อในหลายวาระหลายโอกาสของนายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสตร์ ทนายความของทักษิณและครอบครัว จะพบว่ามีประเด็นสำคัญ ดังนี้

1)ข้อต่อสู้เรื่องอำนาจของคณะกรรมการไต่สวนคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในการออกคำสั่งอายัดทรัพย์ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะคำสั่งแต่งตั้ง คตส.ไม่ได้ให้อำนาจพิจารณาข้อกล่าวหาเรื่องพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ แต่ให้พิจารณาเกี่ยวกับความเสียหายแก่รัฐเท่านั้น

2)ข้อต่อสู้เรื่องที่ได้ร้องเรียนว่าคณะกรรมการ คตส. 3 คน คือ นายแก้วสรร อติโพธิ, นายกล้านรงค์ จันทิก และนายบรรเจิด สิงคะเนติ เป็นปฏิปักษ์กับทักษิณ ไม่มีความเป็นกลาง

3)ข้อกล่าวอ้างว่านายใหญ่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคตส.ในการนำพยานบุคคลกว่า 100 ปาก เข้าชี้แจง หลังจากที่ คตส.ไม่อนุญาตให้ฝ่ายทักษิณ ขยายเวลายื่นเอกสารชี้แจงออกไปโดยอ้างว่าต้องใช้เวลาในการตรวจสอบพยานหลักฐานซึ่งมีจำนวนมาก ซึ่ง คตส.ไม่อนุญาตให้ขยายเวลาเพราะคตส.มีเวลาจำกัดเนื่องจากใกล้หมดวาระ

4)ข้อต่อสู้ว่าคตส.ยังไม่ได้มีคำสั่งพิสูจน์ทรัพย์ของทักษิณและผู้คัดค้านคนอื่นๆ อย่างชัดเจนว่าเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นหรือไม่ก่อนจะมายื่นศาลซึ่งขัดต่อหลักเกณฑ์ทางกฎหมาย และขณะที่ยื่นคำร้องยึดทรัพย์ นายฉัตรทิพย์ เห็นว่า คดีขาดอายุความแล้ว เนื่องจากตามกฎหมาย ป.ป.ช. ต้องให้ยื่นคำร้องขณะผู้ถูกกล่าวหายังดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือพ้นจากตำแหน่งไปแล้วไม่เกิน 2 ปี ซึ่งคดีนี้ทักษิณ ไปพ้นจากตำแหน่งไปแล้วเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2548 การที่คตส.ระบุว่ามีการนับเวลาต่อจากที่ทักษิณรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในครั้งที่ 2 เป็นเรื่องไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ

5)นโยบาย 5 เรื่องที่คตส.ยกมาเป็นเหตุฟ้องยึดทรัพย์ คือ (1)กรณีแปลงค่าสัมปทานเป็นค่าภาษีสรรพสามิต (2)แก้ไขสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2544 ปรับลดส่วนแบ่งรายได้ที่ต้องจ่ายให้ บริษัท ทศท จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินให้บริษัทเอไอเอส เป็นร้อยละ20 จากเดิมเป็นแบบก้าวหน้าในอัตรา 25 – 30% (3) การแก้ไขสัญญาอนุญาตให้ดำเนินการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่ออนุญาตให้ใช้เครือข่ายร่วม และปรับลดอัตราค่าใช้เครือข่ายรวม (4) กรณีละเว้น อนุมัติ ส่งเสริม สนับสนุนธุรกิจดาวเทียมสื่อสารภายใน และ (5) กรณีอนุมัติปล่อยกู้พม่าเพื่อซื้อสินค้าและบริการของบริษัทชินแซทฯ นั้น นายฉัตรทิพย์ ระบุว่า มีเพียงเรื่องการออกพ.ร.บ.จัดเก็บภาษีสรรพสามิต และกรณีปล่อยกู้พม่าเท่านั้นที่ทักษิณเข้าไปเกี่ยวข้องขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนเรื่องอื่นทนายทักษิณ อ้างว่าไม่มีหลักฐานชัดเจน ทักษิณไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของตนเองและครอบครัว นอกจากนั้น การออก พ.ร.บ.จัดเก็บภาษีสรรพสามิต ก็ออกโดยผ่านสภา

6)ข้อต่อสู้เรื่องทรัพย์ไม่ได้เป็นเรื่องได้มาโดยไม่ควรหรือว่าร่ำรวยผิดปกติ โดยอ้างว่าไม่ใช่ทรัพย์ของทักษิณเพราะเป็นหุ้นของครอบครัวตั้งแต่ยังไม่ทำงานการเมือง และโอนขายให้ลูกกับคนภายนอกไปก่อนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว และไม่ใช่ทรัพย์ที่ได้ไปกว้านซื้อในขณะเป็นนายกรัฐมนตรี ข้อกล่าวหาเรื่องทรัพย์ที่ได้มา คือ เงิน 7.6 หมื่นล้านว่าได้จากการเอื้อประโยชน์และออกมาตรการต่างๆ ทนายความฝ่ายทักษิณ อ้างว่า ประเทศชาติไม่ได้เสียหายตามนั้น แต่เป็นการคิดคำนวนของ คตส.เอง เงินที่ได้มาเป็นเงินจากการขายหุ้นให้สิงคโปร์ ไม่ใช่การทุจริตงบประมาณของรัฐ

กล่าวโดยสรุปแล้ว ข้อต่อสู้ของฝ่ายทักษิณหลักๆ ก็คือ เรื่องข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจของ คตส.เกี่ยวกับการยึดทรัพย์ เรื่องการซุกหุ้นที่อ้างว่าได้ถ่ายโอนไปหมดแล้วก่อนมารับตำแหน่ง และไม่ได้ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและครอบครัว และมาขมวดปมว่าทรัพย์สิน 7.6 หมื่นล้าน ที่ได้มาเป็นเงินที่ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ได้คดโกงเลยแม้แต่น้อย

แน่นอน คำแก้ต่างของทนายทักษิณและครอบครัวที่ให้เบิกความต่อศาลและให้สัมภาษณ์สื่อจะถูกนำไปขยายความ สร้างความเคลือบแคลงในกระบวนการดำเนินคดียึดทรัพย์ที่มีมาตั้งแต่ต้น การป่าวประกาศว่ากระบวนการยุติธรรมมีสองมาตรฐาน ทักษิณและครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรม กลายเป็นเรื่องเล่าเคล้าน้ำตาให้บรรดากลุ่มเสื้อแดง ออกมาป่วนทำลายบ้านทำลายเมืองเพียงเพื่อคนๆ เดียว แต่อย่าลืมว่าโลกทุกวันนี้ไม่อาจมีใครสามารถปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ และซื้อได้ด้วยเงินไปเสียทั้งหมด

ขอเชิญชวนชาวเสื้อแดง หันกลับมาพิจารณาทบทวนกันอีกครั้ง ก่อนฟังคำตัดสินของศาลว่า คตส.มีอำนาจตรวจสอบพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ กระบวนการไต่สวนคดีของ คตส. และศาล ให้ความเป็นธรรมต่อฝ่ายทักษิณหรือไม่ ทักษิณ ซุกหุ้นและใช้อำนาจเอื้อประโยชน์แก่ตนเองและครอบครัวอย่างไร …..โปรดติดตามตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น