xs
xsm
sm
md
lg

คำฟ้องคดีทุจริตคลองด่าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คำฟ้องตามคดีหมายเลขดำที่ 254/2547 ศาลแขวงดุสิต เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2547ระหว่างกรมควบคุมมลพิษ โดยนายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ อธิบดี กับกิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี ที่ 1 กับพวกรวม 19 คน จำเลย ในกรณีการทุจริตโครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ มูลค่าเสียหายรวม 22,000 ล้านบาท

ในช่วงระหว่างปี 2537 ถึงปี 2541 วันและเวลาใดไม่ปรากฏ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 19 โดยทุจริตได้บังอาจร่วมกันฉ้อโกงโจทก์ และเริ่มโดยจำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 6 ที่ 8 และที่ 10 ได้ร่วมกันจัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญใช้ชื่อว่า กิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี(NVPSKG) และได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2539

ในระหว่างปี 2531-2533 จำเลยที่ 11 ที่ 16 ที่ 17 และที่ 19 ได้ร่วมรวบรวมโฉนดที่ดินหลายแปลงและได้ยื่นหลักฐานการขอออกโฉนดที่ดิน โดยในการรวบรวมที่ดินหลายแปลงดังกล่าวนั้น จำเลยที่ 19 และจำเลยที่ 16 โดยจำเลยที่ 11 และ 17 กับพวกได้ขอให้มีการออกโฉนดทับคลองและถนนสาธารณะ และ /หรือ มีการนำหลักฐานที่มิชอบด้วยกฎหมายการขอออกโฉนดที่ดิน

การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 11, ที่ 16, ที่17 และที่ 19 กับพวก เป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริตมิชอบด้วยกฎหมาย และยังเป็นการดำเนินการขั้นแรกของการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงด้วยไปพร้อมๆ กัน กล่าวคือจำเลยทั้งสี่รอให้มีผู้ถูกหลอกลวงมาซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวเหล่านั้น โดยจำเลยทั้งสี่มีเจตนาร่วมกันที่จะปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งต่อผู้ซื้อว่าโฉนดที่ดินซึ่งได้มีการออกมานั้นเป็นโฉนด ซึ่งได้ออกมาโดยมิชอบด้วยกฎหมายและมีเนื้อที่บางส่วนทับที่สาธารณะ คลองสาธารณะหรือเป็นที่ชายตลิ่ง

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2537 จำเลยที่ 16 ทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงที่ได้รวบรวมมาตามที่บรรยายฟ้องข้างต้น โดยขายที่ดินรวมยี่สิบสองโฉนดให้กับจำเลยที่ 12 โดยสมรู้กัน และโดยที่จำเลยที่ 12 มิได้ชำระราคาที่ดินให้กับจำเลยที่ 16 การจัดการดังกล่าว ได้กระทำโดยมีจำเลยที่ 11 เป็นบุคคลเชื่อมโยงที่สำคัญ เนื่องจากจำเลยที่ 11 เป็นกรรมการผู้กระทำการจำเลยที่ 10 และที่ 16 ซึ่งเป็นฝ่ายผู้ขายและเป็นผู้ถือหุ้นในจำเลยที่ 12 ซึ่งเป็นฝ่ายผู้ซื้อด้วย และโดยการจัดการอยู่เบื้องหลังของจำเลยที่ 19 เนื่องจากเมื่อรวบรวมที่ดินแปลงดังกล่าวที่บรรยายฟ้องมาได้

จนกระทั่งมีการออกโฉนดแล้ว ก็หาทางที่จะจัดให้มีการขายที่ดินแปลงดังกล่าว เพื่อให้ได้เงินมาเป็นประโยชน์ส่วนตน และด้วยความรู้เห็นและความยินยอมของจำเลยที่ 11 ถึงที่ 19 โดยมีเจตนาร่วมกันที่จะฉ้อโกง และเตรียมการหลอกลวงบุคคลที่ 3 ผู้ซึ่งสุจริตและเสียค่าตอบแทน เพื่อให้มาซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวไป และเพื่อให้ได้ราคาขายจากผู้ถูกหลอกลวงดังกล่าว

โจทก์ได้มีประกาศเชิญชวนผู้สนใจยื่นเอกสารแสดงคุณสมบัติเบื้องต้น เพื่อขายที่ดินให้โจทก์สำหรับใช้ในโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ โดยโจทก์ได้มีการประกาศเชิญชวนผู้สนใจเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2539 โดยประกาศในหนังสือพิมพ์ และสถานที่ราชการส่วนท้องถิ่นในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ

ซึ่งต่อมาคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเบื้องต้นเพื่อขายที่ดินดังกล่าว ได้รายงานผลการพิจารณาคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเบื้องต้นเพื่อขายที่ดินให้โจทก์สำหรับใช้ในโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2539 ซึ่งปรากฏว่าจำเลยที่ 12 ได้ผ่านการคัดเลือกคุณสมบัติเบื้องต้น เพื่อขายที่ดินตามประกาศของโจทก์

นับเป็นเวลาประมาณ 2 เดือนจากวันที่จำเลยที่ 12 ได้ผ่านการคัดเลือกคุณสมบัติเบื้องต้น เพื่อขายที่ดินตามประกาศของโจทก์ จำเลยที่ 12 ก็ได้เข้าทำสัญญาจะซื้อจะขายกับจำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 6 ที่ 8 และที่ 10 โดยสมรู้กัน เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2539 โดยที่จำเลยที่ 18 ลงชื่อ กระทำการแทนทั้งจำเลยที่ 12 ในฝ่ายผู้ขาย และลงชื่อกระทำแทนจำเลยที่ 10 ในฝ่ายผู้ซื้อด้วยในสัญญาจะซื้อขายที่ดินฉบับดังกล่าว

และโดยจำเลยที่ 1 ถึงที่ 19 ได้ร่วมกันผลักดัน ดำเนินการและจัดการให้มีการทำสัญญาจะซื้อขายฉบับดังกล่าว และร่วมกันจัดการเอกสารสัญญา โดยที่ดินที่จะซื้อขายกันนั้นเป็นจำนวน 1,550 ไร่ หรือ 1,900 ไร่ แล้วแต่ผู้ซื้อและผู้ขายจะตกลงและระบุไว้เป็นการเฉพาะว่าจะซื้อขายกันเพื่อใช้ในโครงการของโจทก์ ทั้งนี้โดยจำเลยที่ 1 ถึงที่ 19 และโดยที่ดินตามที่ระบุในสัญญาจะซื้อจะขายที่มีให้เลือก 22 แปลงนั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นที่ดินที่ได้มาโดยรวมรวบโดยมิชอบและมีการออกโฉนดโดยมิชอบตามที่ได้บรรยายฟ้องมาข้างต้นทั้งสิ้น

โดยจำเลยที่ 1 ถึงที่ 19 มีเจตนาร่วมกันที่จะฉ้อโกงหลอกลวงผู้ที่จะมาซื้อที่ดินแปลงเหล่านั้นต่อไปคือ โจทก์โดยปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งเกี่ยวกับการออกโฉนดมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และมีเนื้อที่บางส่วนทับที่สาธารณะ คลองสาธารณะ หรือเป็นชายฝั่งซึ่งโจทก์จะได้นำเสนอพยานหลักฐานในชั้นพิจารณาต่อไป


จำเลยที่ 1 ได้รับการอนุมัติจัดจ้างเพื่อเป็นผู้ดำเนินโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดนำเสียเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ โดยคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาโครงการ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2540 และ จำเลยที่ 1 ได้ทำหน้าที่ในการตรวจสภาพที่ดินที่จะใช้เป็นสถานที่ตั้งโครงการ และเจรจาต่อรองราคาที่ดินกับจำเลยที่ 12 ตามเงื่อนไขการประกวดราคาของโจทก์

แล้วจำเลยที่ 1 ได้นำเสนอต่อโจทก์ว่าจะจัดหาที่ดินเพื่อนำมาใช้เป็นที่ตั้งของโครงการตามสัญญาแบบจ้างเหมาเบ็ดเสร็จ(Turn Key Contract) ตามสัญญาเลขที่ 75/2540 ฉบับลงวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2540 โดยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 11 ได้ร่วมกันกับจำเลยที่ 1 ในการฉ้อโกงโจทก์ด้วย เนื่องจากจำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 6 ที่ 8 และที่ 10 เป็นหุ้นส่วนในจำเลยที่ 1 และได้ร่วมประกวดราคา โดยนำเสนอที่ดินหลายแปลงดังกล่าวมาเสนอขายให้แก่โจทก์เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาแบบจ้างเหมาเบ็ดเสร็จข้างต้น และเพื่อใช้ในโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ

และโดยที่จำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 6 ที่ 8 และที่ 10 ได้เข้าทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับจำเลยที่ 12 มาก่อนล่วงหน้าแล้วตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2539 ตามที่บรรยายฟ้องข้างต้น และโดยจำเลยที่ 1 ได้ขอให้โจทก์กับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากจำเลยที่ 12 และโดยไม่ต้องผ่านการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็นของจำเลยที่ 1 ก่อนด้วย

จำเลยที่ 1 ถึงที่ 19 ได้ร่วมกันหลอกหลวงและปกปิดข้อความจริงอันควรบอกให้จริงแก่โจทก์ โดยปกปิดว่าโฉนดที่ดินทั้งหมด 17 แปลงที่โจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์จากจำเลยที่ 12 นั้นเป็นโฉนดที่ออกโดยชอบด้วยกฎหมายและมีเนื้อที่ตามระบุในโฉนด โดยไม่มีเนื้อที่ซึ่งเป็นคลองหรือถนนสาธารณะหรือที่ชายตลิ่ง

และโดยจำเลยที่ 1 ถึงที่ 19 ทำการแทนกันหรือโดยรู้เห็นยินยอมและมีเจตนาร่วมกันในเหตุการณ์ต่างๆ ตามที่บรรยายฟ้องข้างต้น แต่ในความจริงแล้วจากที่ดินทั้งหมด 17 แปลง ที่นำเสนอขายให้แก่โจทก์นั้นมีที่ดินอยู่ 5 แปลง ที่มีเนื้อที่ไม่ครบจำนวนตามที่ปรากฏในโฉนดเนื่องจากมีเนื้อที่บางส่วน ซึ่งเป็นที่คลองและถนนสาธารณะหรือที่ชายตลิ่งและ/หรือมีการออกโฉนดโดยมิชอบ อันได้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 15024, 13150, 15565, 13817 และ 15528 ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ อันเป็นเหตุให้โจทก์หลงเชื่อรับซื้อและรับโอนที่ดิน และชำระราคาที่ดินให้กับจำเลยที่ 12 ไปเป็นจำนวน 1,956,600,000 บาท (หนึ่งพันเก้าร้อยห้าสิบหกล้านหกแสนบาทถ้วน)

ซึ่งหากโจทก์ทราบความจริงว่าที่ดินดังกล่าวมีเนื้อที่ไม่ครบจำนวน เนื่องจากมีเนื้อที่ซึ่งเป็นถนนสาธารณะ คลองสาธารณะ หรือที่ชายตลิ่ง หรือเป็นที่ดินที่มีโฉนดซึ่งออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ก็จะไม่ยอมรับซื้อและรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมด โดยการรับมอบอำนาจจากกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง การกระทำของจำเลยทั้งหมดดังกล่าวจึงเป็นการกระทำที่หลอกหลวงโจทก์และได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงคือโจทก์ เมื่อโจทก์ก็ได้ชำระราคาที่ดินให้กับจำเลยที่ 12 แล้ว จำเลยที่ 1 ถึงที่ 19 ก็ได้นำไปแบ่งปันเพื่อประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต

เหตุเกิดที่กรมควบคุมมลพิษ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร

ในสำนวนฉ้อโกงที่ดินโดยจำเลยที่ 1 ถึงที่ 19 นี้ โจทก์ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามไว้แล้วเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2546 แต่พนักงานสอบสวนดำเนินคดีล่าช้า โจทก์จึงประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยทั้ง 19 ด้วยตนเอง

ในอีกสำนวนหนึ่งของฟ้องนี้ ในช่วงระหว่างปี 2538 จนถึงต้นปี 2546 วัน และเวลาใดไม่ปรากฏ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 โดยทุจริตได้บังอาจร่วมกันฉ้อโกงโจทก์โดยโจทก์ได้ออกประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจยื่นคุณสมบัติเบื้องต้น โครงการออกแบบรวมก่อสร้าง(Turnkey) เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2538 และมีผู้ยื่นแสดงคุณสมบัติ 13 ราย ซึ่งโจทก์ได้พิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นแสดงคุณสมบัติเบื้องต้นแล้วเห็นว่ามีผู้ยื่นแสดงคุณสมบัติอยู่ในเกณฑ์จำนวน 4 ราย

โดยกลุ่มจำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 6 ที่ 8 และที่ 10 กับบริษัท นอร์ธเวสต์ วอเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ เอ็นดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูไอ(NWWI) ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิควิศวกรรมการจัดการน้ำเสีย เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นดังกล่าว ซึ่งตามเงื่อนไขในการดำเนินการประกวดราคา ได้กำหนดการประกวดราคาเป็นแบบสองขั้นตอนคือ

ขั้นตอนที่ 1 (First Stage Tender) เป็นการยื่นข้อเสนอทางเทคนิคเพียงซองเดียว และขั้นตอนที่ 2 (Second Stage Tender) เป็นการยื่นแบบสองซองคือ ซองข้อเสนอทางเทคนิคที่ปรับปรุงแล้วและซองราคา ซึ่งกลุ่มจำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 6 ที่ 8 และที่ 10 และบริษัท นอร์ธเวสต์ฯได้รับการคัดเลือกผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น(Short listed) และในรอบของการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นดังกล่าว บริษัท นอร์ธเวสต์ฯได้อยู่ร่วมจัดเตรียมเอกสารการประกวดราคากับจำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 6 ที่ 8 และที่ 10 และได้ยื่นเอกสารข้อเสนอทางเทคนิค และเอกสารอื่นๆ ของบริษัทดังกล่าวให้โจทก์ด้วย

ตามเงื่อนไขการประกวดราคาของโจทก์ดังกล่าว ผู้เข้าประกวดราคาจะต้องเดินระบบโครงการหลังจากก่อสร้างเสร็จแล้ว ด้วยตามระยะเวลาที่กำหนดในเงื่อนไขการประกวดราคาของโจทก์ อีกทั้งจะต้องควบคุมดูแลการเดินระบบและฝึกสอนบุคลากรของโจทก์ด้วย

ซึ่งในขั้นตอนการคัดเลือกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 ได้นำเสนอว่า บริษัท นอร์ธเวสต์ฯเป็นผู้นำของกลุ่ม(Lead Partner/Contractor) ซึ่งจะร่วมประกวดราคาและร่วมเป็นคู่สัญญากับโจทก์ และร่วมทำงานกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 ให้กับโจทก์ด้วย อีกทั้งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญทั้งทางด้านเทคนิควิศวกรรมการกำจัดน้ำเสีย และมีความสามารถทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง และประสบการณ์ในการทำงานเกี่ยวกับระบบการจัดน้ำเสียที่เพียงพอที่จะทำงานในโครงการของโจทก์ได้

ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นคุณสมบัติและสาระสำคัญที่จะทำให้กลุ่มจำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 กับบริษัท นอร์ธเวสต์ฯได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ชนะการประมูลประกวดราคา โจทก์ได้พิจารณาคุณสมบัติของผู้เข้าประกวดราคาว่า จะมีความสามารถทางเทคนิคในการก่อสร้างและเดินระบบโครงการเพียงใด
 
คณะกรรมการและบริษัทที่ปรึกษาที่โจทก์ได้แต่งตั้งขึ้น และโจทก์ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเมื่อกลุ่มจำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 กล่าวอ้างว่ามีบริษัท นอร์ธเวสต์ฯเข้าร่วมดำเนินงานด้วยแล้ว ถือว่ามีบริษัทผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคร่วมอยู่ด้วย และอนุมัติให้ผ่านเกณฑ์พิจารณาการคัดเลือกคุณสมบัติของผู้บริษัทผู้เข้าร่วมประกวดราคา โจทก์จึงได้นัดหมายให้มีการลงนามในสัญญาว่าจ้างกันในวันที่ 20 สิงหาคม 2540

ต่อมาเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2540 จำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 ได้บังอาจร่วมกันกระทำผิดกฎหมาย โดยร่วมกันหลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริงอันควรบอกให้แจ้ง โดยจำเลยที่ 2 อ้างหลักฐานคือ หนังสือมอบอำนาจฉบับ วันที่ 7 ตุลาคม 2519 และว่าสามารถแทนและลงนามแทนจำเลยที่ 1 และบริษัท นอร์ธเวสต์ฯด้วย ทั้งนี้โดยการรู้เห็นและยินยอมของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 11 ในการเข้าทำสัญญากับโจทก์

แต่ความจริงคือ บริษัท นอร์ธเวสต์ฯได้บอกเลิกหนังสือมอบอำนาจฉบับดังกล่าวไปก่อนหน้านั้นแล้ว โดยได้บอกเลิกและแจ้งต่อจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้แทนจำเลยที่ 1 นอกจากนั้นบริษัท นอร์ธเวสต์ฯยังมิได้รู้เห็นยินยอมหรือมอบอำนาจใหม่ให้จำเลยที่ 2 ลงนามในสัญญาฉบับดังกล่าวกับโจทก์ และมิได้ยินยอมตนที่จะผูกพันตามสัญญากับโจทก์แต่อย่างใด


หลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญากับโจทก์ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2540 แล้ว เพื่อที่จะให้ได้รับเงินค่าจ้างเงินเบิกจ่ายล่วงหน้าและเงินอื่นๆ จากโจทก์ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 ยังได้หลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริงอันควรบอกให้แจ้งแก่โจทก์ต่อไปว่า บริษัท นอร์ธเวสต์ฯยังอยู่ร่วมทำงานกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 ให้กับโจทก์ในโครงการตามที่จำเลยกล่าวอ้างไว้ในขั้นตอนการประกวดราคา

และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 ยังได้เสนอใบเรียกเก็บเงินที่มีหัวกระดาษ ซึ่งมีบริษัท นอร์ธเวสต์ฯร่วมอยู่ด้วย อีกทั้งจำเลยที่ 3 ได้ลงนามในใบเรียกเก็บเงิน โดยอ้างว่ากระทำแทนทั้งจำเลยที่ 1 และบริษัท นอร์ธเวสต์ฯอันเป็นความเท็จและอันเป็นเหตุทำให้โจทก์หลงเชื่อว่า บริษัท นอร์ธเวสต์ฯยังคงอยู่ร่วมดำเนินงานกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 และทำให้โจทก์อนุมัติการเบิกจ่ายค่าจ้าง ค่าบริการ ค่าที่ดิน ค่าวัสดุอุปกรณ์สำหรับการก่อสร้าง และเงินอื่นๆ ตามที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 เสนอเบิกจ่ายมายังโจทก์ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2540 จนถึงต้นปี 2546 ทั้งสิ้นประมาณ 57 งวด

หลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญากับโจทก์ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2540 แล้วจำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 ได้ไปเปิดบัญชีกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินหลายแห่ง โดยใช้ชื่อบัญชีว่า "NVPSKG Joint Venture and NWWI"s Revenue Account" ซึ่งหมายถึงบัญชีรายรับร่วมของกิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี และของบริษัท นอร์ธเวสต์ฯอันเป็นการเปิดบัญชีเพื่อหลอกลวงรับเงินค่าจ้างและเงินอื่นๆ ไปจากโจทก์ ตั้งแต่ปลายปี 2540 จนถึงต้นปี 2546 โดยเป็นการหลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริงอันควรบอกให้แจ้งแก่โจทก์อีกอย่างหนึ่ง

ซึ่งความจริงในเรื่องดังกล่าวก็คือ ในบรรดาบัญชีเงินฝากดังกล่าว บริษัท นอร์ธเวสต์ฯมิได้รู้เห็นหรือให้ความยินยอม หรือมอบอำนาจให้แก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 เพื่อไปเปิดบัญชีหรือเพื่อรับเงินแทนบริษัท นอร์ธเวสต์ฯแต่อย่างใด และบริษัท นอร์ธเวสต์ฯไม่เคยถอนเงิน รับเงินหรือมีผลประโยชน์ใดๆ เกี่ยวกับบรรดาบัญชีเงินฝากที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 ได้ไปเปิดไว้เพื่อรับเงินค่าจ้างและเงินอื่นๆ ไปจากโจทก์เลย

จำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 ได้ร่วมกันหลอกลวงและปกปิดข้อความจริงอันควรบอกให้แจ้งแก่โจทก์ โดยจำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 รู้เห็นร่วมกันในการกระทำตามที่บรรยายฟ้องในข้อ 11 ถึง ที่ 15 ข้างต้น และมีเจตนาร่วมกันในการหลอกลวงโจทก์ โดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดความจริงอันควรบอกให้แจ้งของจำเลยดังกล่าวให้ทราบในลักษณะที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน

และด้วยการหลอกลวงดังกล่าวเป็นผลทำให้โจทก์หลงเชื่อจ่ายเงิน อันประกอบไปด้วย ค่าจ้าง ค่าแรง ค่าวัสดุอุปกรณ์สำหรับการก่อสร้างในโครงการของโจทก์ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นจำนวนเงิน 16,100,960,000 ล้านบาท จำนวนหนึ่งและ 116,040,000 เหรียญสหรัฐ อีกจำนวนหนึ่ง โดยอนุมัติสั่งจ่ายเช็คให้จำเลยที่ 1 หรือโดยอนุมัติการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารและสถาบันการเงินตามที่จำเลยที่1 ถึง 11 ได้เปิดบัญชีไว้ตามที่บรรยายฟ้องในข้อ 15 จากนั้นจำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 ได้นำเงินดังกล่าวที่ได้รับจากโจทก์ไปแบ่งปันกัน เพื่อประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต

เหตุเกิดที่กรมควบคุมมลพิษ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร

ในสำนวนฉ้อโกงตามที่ได้บรรยายฟ้องไว้ในข้อ 11 ถึงข้อ 16 โจทก์ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองปราบปรามไว้แล้ว เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2546 แต่พนักงานสอบสวนดำเนินคดีล่าช้า โจทก์จึงประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 ด้วยตนเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น