xs
xsm
sm
md
lg

แนะรัฐวางกฎสกัดยักษ์ค้าปลีก กังขาเทสโก้นอมินี-เลี่ยงภาษี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการออนไลน์ – นักสิทธิมนุษยชนเสนอรัฐฯวางมาตรการคุมยักษ์โมเดิร์นเทรด แนะจำกัดเขตให้อยู่นอกเมือง ติดราคาสินค้ามาตรฐาน ตั้งสหภาพผู้ผลิตต่อรอง พร้อมจัดงบพัฒนาตลาดสดชุมชนให้ทันสมัย รองเลขาธิการหอการค้าไทย ตั้งคำถามเทสโก้ฯ ใช้นอมินี-เลี่ยงภาษี "สุทธิชัย หยุ่น" ลั่นไม่ยอมให้ทุนใหญ่มาปิดปากสื่อ ด้าน "รสนา" หนุนใช้โอกาสขุดคุ้ยข้อเท็จจริงตีแผ่ต่อสาธารณะ

นายกมล กมลตระกูล นักสิทธิมนุษยชน กล่าวในงานเวทีสาธารณะ เรื่อง “ผลกระทบของห้างค้าปลีกยักษ์ต่อชุมชนและสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น” จัดโดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ,มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ และคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า รัฐฯควรมีมาตรการทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อกำกับดูแลเพื่อกำกับดูแลการขยายตัวของยักษ์ค้าปลีกข้ามชาติ โดยกำหนดกติกาในการแข่งขันยุติธรรมระหว่างยักษ์ค้าปลีกข้ามชาติกับผู้ผลิตไทย ร้านค้าปลีกย่อย และเศรษฐกิจชุมชนให้อยู่รอดได้

นายกมล เสนอนโยบายและมาตรการระยะสั้นเฉพาะหน้า เช่น การจำกัดเขตให้ออกไปอยู่นอกเมือง การออกระเบียบให้ติดราคาสินค้ามาตรฐาน และห้ามขายในราคาต่ำกว่าราคาที่ติดไว้ และห้ามจัดรายการการขายเกินปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับร้านค้าย่อย ส่วนการจ่ายภาษีรายได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องจ่ายในท้องถิ่นที่ตั้งของสาขา มิใช่ไปจ่ายที่สำนักงานใหญ่

นอกจากนั้น รัฐฯควรจัดงบอุดหนุนและลงทุนพัฒนาตลาดสด และลานค้าขนาดใหญ่แบบสวนจตุจักร เพื่อให้ร้านค้าย่อยเช่าในราคาถูก โดยใช้มืออาชีพหรือบริษัทรับบริหารงานอาชีพเข้ามาดำเนินการ เหมือนกรณีที่รัฐฯเคยให้สิทธิพิเศษในเขตอุตสาหกรรมเพื่อดึงต่างชาติมาลงทุน การจัดถนนคนเดินให้เกิดขึ้นในทุกชุมชน และรัฐต้องส่งเสริมให้มีการจัดตั้ง Cartel หรือ สหภาพของผู้ผลิต เพื่อให้มีอำนาจต่อรองในการกำหนดราคาสินค้าขายส่ง ให้เครือข่ายค้าปลีกยักษ์เหล่านี้ รวมทั้งการต่อรองค่าธรรมเนียมในการวางสินค้าแรกเข้า ค่าส่วนลด ค่าส่งเสริมการขาย ค่ากระจายสินค้า และค่าโฆษณา

***กังขา นอมินี - เลี่ยงภาษี

ด้านว่าที่ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ รองเลขาธิการหอการค้าไทย ซึ่งร่วมเป็นวิทยากรในเวทีดังกล่าว ตั้งข้อสังเกตต่อการทำธุรกิจของห้างเทสโก้ โลตัส ว่า การลดทุนจดทะเบียนลงอย่างต่อเนื่อง จาก 30,000 กว่าล้านบาท เมื่อปี 2536 เหลือเพียง 5,000 กว่าล้านในปี 2550 เป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นถึงความจริงใจในการเข้ามาลงทุนของเทสโก้ฯ ในไทย

รองเลขาธิการหอการค้าไทย ยังตั้งคำถามถึงเรื่องผู้ถือหุ้นในบริษัทเอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ซึ่งตามสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2550 มีบริษัทเทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ประมาณ 99% ขณะที่บริษัทเทสโก้ สโตร์สฯ กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่กลับเป็นบริษัทซี.พี.คอนซูเมอร์โปรดักส์ จำนวน 41.46% เมื่อรวมกับกลุ่มนางอุไรวรรณ กวักไพฑูรย์ และพวก อีก 18.7% รวมเป็น 60.16% คำถามคือกรณีนี้เป็นการถือหุ้นแทนหรือนอมินีหรือไม่

ว่าที่ร.อ.จิตร์ อธิบายว่า การตั้งคำถามถึงประเด็นนอมินี จะโยงไปยังข้อมูลที่มีระบุไว้ในงบการเงินที่ได้รับรองจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2248 ของบริษัทเอก-ชัยฯ ซึ่งระบุว่า “บริษัทถูกควบคุมโดยทางตรงและทางอ้อมโดยบริษัทเทสโก้ มหาชน จำกัด (ประเทศอังกฤษ)” และ ในงบการเงินดังกล่าว ได้ระบุถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทในรายการ “ค่าสิทธิ ปี 2548 จำนวน 732 ล้านบาท และ ค่าสิทธิ ปี 2547 จำนวน 625 ล้านบาท” ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่ไม่ต้องเสียภาษี

“คำถามคือ ทำไมต้องมีค่าสิทธิ ในงบการเงินก็ไม่มีคำอธิบาย เพราะเป็นที่ชัดเจนว่าเทสโก้ในไทยเป็นสาขาบริษัทแม่ที่อังกฤษ เม็ดเงินส่วนนี้ไม่ต้องเสียภาษี เทสโก้ฯต้องตอบคำถามต่อสังคมว่านี่เป็นการเลี่ยงภาษี หรือไม่” รองเลขาธิการหอการค้า ตั้งข้อสังเกต

อนึ่ง เวทีดังกล่าวจัดขึ้นหลังจากเทสโก้ โลตัส ฟ้องนายกมล กมลตระกูล นักสิทธิมนุษยชน และนางนงนารถ ห่านวิไล บรรณาธิการน.ส.พ.กรุงเทพธุรกิจ เรียกค่าเสียหายรายละ 100 ล้าน และฟ้องว่าที่ร.อ.จิตร์ เรียกค่าเสียหายพันล้านบาท จากการออกมาแสดงความเห็นถึงการรุกขยายธุรกิจของโมเดิร์นเทรดจนทำให้ร้านค้าปลีกรายย่อย - ชุมชนล่มสลาย

*** บก.ใหญ่เครือเดอะเนชั่นลั่นสู้ไม่ถอย

นายสุทธิชัย หยุ่น  บรรณาธิการใหญ่เครือเดอะเนชั่น กล่าวในเวทีเดียวกันว่า การฟ้องร้องนักสิทธิมนุษยชน สื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่อาวุโสของหอการค้าไทยของทุนยักษ์ใหญ่ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างผิดปกติ ความจริงการเข้ามาของทุนยักษ์ใหญ่ไม่มีใครยับยั้งได้ แต่เมื่อมีการแสดงความเห็นกลับมีการฟ้องร้อง เป็นกลยุทธ์ที่ไม่บริสุทธิ์ใจและไม่จริงใจต่อประเทศที่เข้ามาลงทุน การฟ้องร้องเช่นนี้กรณีการเมืองถือเป็นการฟ้องเพื่อให้ระงับหรือหยุดวิพากษ์วิจารณ์ เป็นวิธีที่ย่ำแย่มาก เป็นการปรามสื่ออื่นๆ หรือบุคคลอื่นๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวให้หยุดการวิพากษ์วิจารณ์

“ทุนข้ามชาติควรถ่อมตัว สร้างความเข้าใจ ไม่ใช่ใช้วิธีถ้าเล่นผม เจอจัดการแน่” นายสุทธิชัย กล่าว

เขายังได้ยกกรณีการเข้ามาลงทุนของบริษัทข้ามชาติในอดีต เช่น บริษัทผงชูรส ซึ่งเคยมีปัญหาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสื่อและสังคม แต่เขาไม่ใช้วิธีการฟ้องร้องเช่นนี้ เขาใช้วิธีการอธิบาย แสดงหลักฐานเอกสาร พิสูจน์ความจริงว่าสินค้าไม่ได้อันตรายต่อสุขภาพแต่อย่างใด เป็นการสู้กันด้วยเหตุผล หลักฐาน ซึ่งสุดท้ายบริษัทก็เปลี่ยนสูตรการผลิต ปัญหาก็จบไป ซึ่งถือเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่เนื้อหาจริงๆ

นายสุทธิชัย ยังกล่าวว่า กรณียักษ์ค้าปลีกมีการพูดลับหลังว่ากลุ่มผู้ถูกฟ้องมีธุรกิจกับอีกกลุ่มหนึ่ง มาปล่อยข่าวทำลาย มีการรับสินบน ซึ่งควรจะฟ้องกลับฐานหมิ่นประมาท พฤติกรรมเช่นนี้เป็นการคุกคามสื่อ คุกคามผู้ที่อยู่ในสังคมที่แสดงความคิดเห็นอย่างสุจริตใจ วิธีการที่ทุนใหญ่ใช้วิธีการนี้มาระงับยับยั้งการวิพากษ์วิจารณ์

“เราจะไม่ยอมให้คุณมาปิดปากเรา” บรรณาธิการใหญ่เครือเดอะเนชั่น กล่าวย้ำ

*** รสนา หนุนสู้ ยึดกรณีทุจริตยาเอารมต.เข้าคุก

ทางด้านน.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การฟ้องสื่อมวลชนและคอลัมนิสต์ครั้งนี้ของยักษ์ค้าปลีกข้ามชาติถือเป็นการคุกคามสื่อมวลชนอย่างแท้จริง ตนเองเคยถูกฟ้องคดีในช่วงที่ต่อสู้เรื่องทุจริตยา ตอนนั้นโดนคนเดียวด้วย ทำให้ฮึดสู้ขุดคุ้ยข้อมูลข้อเท็จจริงออกมาตีแผ่จนสุดท้ายทำให้รัฐมนตรีเข้าคุกและถูกยึดทรัพย์ ดังนั้น การฟ้องร้องคราวนี้ก็ถือเป็นสิ่งดีที่จะได้ขุดคุ้ยนำข้อมูลมาเปิดเผยต่อสาธารณะ
กำลังโหลดความคิดเห็น