ตรัง - เกษตรกรผู้เลี้ยงแพะใน ต.บางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง หันมาแปรรูปเนื้อแพะให้เป็นน้ำพริกสูตรสมุนไพร มีทั้งรสเผ็ดน้อย และปานกลาง ปลากดว่าขายดิบขายดีมา 2 ปีแล้ว แถมยังส่งไปไกลถึงเมืองนอก
วันนี้ (23 ก.ค.) นายสุดดิน ซาชา อายุ 39 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงแพะรายใหญ่ อยู่ที่บ้านเลขที่ 45 หมู่ที่ 7 ต.บางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง ซึ่งนอกจากจะเลี้ยงแพะไว้ขายทั้งตัวแล้ว ยังหันมาแปรรูปเนื้อแพะให้เป็นน้ำพริกสูตรสมุนไพร มีทั้งรสเผ็ดน้อยและรสเผ็ดปานกลาง เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ โดยสูตรเผ็ดน้อยสามารถใช้ทาขนมปังกินได้ ส่วนสูตรเผ็ดปานกลางใช้กินกับข้าวเหมือนน้ำพริกทั่วไป
ทั้งนี้ นายสุดดิน ซึ่งมีอาชีพเลี้ยงแพะมานานกว่า 10 ปี และปัจจุบันมีแพะอยู่กว่า 100 ตัว ได้มีความคิดที่จะนำน้ำพริกสูตรคุณแม่ที่รับประทานมาตั้งแต่เด็ก มาดัดแปลงให้มีรสชาติที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ประกอบกับได้รับการส่งเสริมจากกรมปศุสัตว์ให้คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขึ้นมานำเสนอ เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มยอดขายในยุค 4.0 จึงได้ลองนำเนื้อแพะมาทำเป็นน้ำพริก
สำหรับเมนูนี้จะใช้ส่วนผสมหลักคือ เนื้อแพะล้วนๆ ไม่ติดมันหรือกระดูก ซึ่งนำมาคั่วให้แห้งพร้อมกับหอมแดงปั่น มะเขือเทศปั่น พริกสด น้ำตาลโตนด และเกลือเล็กน้อย นานประมาณ 30 นาที โดยที่ไม่ใช้สารเคมีใดๆ และยังได้รับเครื่องหมายฮาลาลเรียบร้อยแล้ว จำหน่ายกระป๋องขนาด 100 กรัม ราคา 60 บาท และสามารถเก็บไว้ได้นาน 7 วัน แต่หากเข้าตู้เย็นจะเก็บได้นานประมาณ 1 เดือน
โดยหลังจากนำออกจำหน่ายทั้งที่บ้านในจังหวัดตรังและในโลกโซเชียล มาเกือบ 2 ปี ปรากฏว่า มีลูกค้าที่ติดใจในรสชาติ โดยเฉพาะพี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วภาคใต้ สนใจสั่งซื้อกันเป็นจำนวนมาก แถมยังส่งขายไปไกลถึงต่างประเทศด้วย จนทำแทบไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า เนื่องจากมีเพียงเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย อีกทั้งยังแตกต่างไปจากน้ำพริกอื่นๆ หลายชนิดในภาคใต้