ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สบทช.9 เดินหน้าหาฉลามวาฬต่อ พร้อมประสานเรือนำเที่ยว ชาวประมงแจ้งเบาะแส พร้อมระบุยังต้องตามหาไม่ว่าเป็นหรือตาย รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต สั่งตั้งกรรมการกำหนดมาตรการป้องกัน “ฉลามวาฬ” สัตว์ทะเลหายากถูกจับ ขณะที่ชาวไทยใหม่ระบุฉลามถูกจับน่าจะหากินอยู่บริเวณเกาะราชา ถ้าตายเชื่อลอยไปไม่ไกล ส่วนเจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ยันถูกจับขึ้นเรือมากกว่า 10 นาที
วันนี้ (22 พ.ค.) นายวัชรินทร์ ถิ่นถลาง ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 (สบทช.9) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำเรือตรวจการณ์ เรือตรวจการณ์ทรัพยากร 308 ของ สบทช.9 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกติดตามค้นหาฉลามวาฬ ซึ่งถูกเรือประมงแสงสมุทร 3 ปล่อยลงทะเล หลังจากติดอวน และจับขึ้นมาบนเรือเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยวันนี้เป็นการออกค้นหาติดตามตรวจสอบฉลามวาฬ และประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากเรือท่องเที่ยว เรือประมง และเรือประมงพื้นบ้านให้ช่วยตรวจสอบ และติดตาม หากพบฉลามวาฬ ไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่ หรือตายแล้ว ขอให้แจ้งมายังเจ้าหน้าที่ สบทช.9 เพื่อเข้าตรวจสอบ ซึ่งในการออกสำรวจ และประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้ยังคงเน้นพื้นที่รัศมี 23 กิโลเมตร เช่น เกาะเฮ เกาะบอน เกาะแก้วนอก เกาะแก้วใน จากจุดที่ถูกปล่อยลงทะเล ซึ่งการค้นหายังคงไร้วี่แวว
สำหรับการติดตามค้นหาฉลามวาฬตัวดังกล่าวจะดำเนินการค้นหาไปอีกระยะหนึ่ง เพราะสุดท้ายถ้าฉลามวาฬตาย ซากก็จะลอยขึ้นบนผิวน้ำ และจะไหลไปตามกระแสน้ำตาม แต่ถ้าโชคดีฉลามไม่ตาย และไม่ได้รับบาดเจ็บเชื่อว่าจะต้องกลับมาหากินที่เดิม ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่บริเวณปากร่องน้ำใกล้กับเกาะราชา อ.เมือง จ.ภูเก็ต
ขณะที่ นายนิรันดร์ หยังปาน ชาวไทยใหม่ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า จากประสบการณ์ในการทำประมง เชื่อว่า ฉลามวาฬตัวดังกล่าวน่าจะเป็นฉลามวาฬที่เคยมีคนพบเห็นบริเวณใกล้กับเกาะราชา ที่เข้ามาหากินเกือบทุกปี ซึ่งชาวประมง และนักท่องเที่ยวทราบดี อย่างไรก็ตาม จากการดูคลิปเชื่อว่าโอกาสรอดของฉลามมีน้อยมาก เพราะเท่าที่ทราบฉลามเป็นสัตว์ที่มีกระดูกอ่อน แต่เมื่อยกตัวขึ้นไปในอากาศ และปล่อยให้ส่วนลำตัวแบกรับน้ำหนัก อาจจะทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้
สำหรับการค้นหาฉลามวาฬตัวดังกล่าว เชื่อว่า ถ้าได้รับบาดเจ็บ หรือตายร่างของเขาก็จะไหลไปกับกระเสน้ำ ซึ่งในส่วนของตนก็ได้แจ้งไปยังชาวประมงพื้นบ้าน และชาวไทยใหม่ให้ช่วยกันตรวจสอบ และให้แจ้งมายังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ถ้าพบไม่ว่าจะเป็นซาก หรือตัวเป็นๆ โดยส่วนตัวคิดว่า ถ้าฉลามตายไม่น่าจะถูกคลื่นซัดไปไกลมากนัก เพราะจากการดูกระแสน้ำในช่วงนี้พบว่ากระแสน้ำจะพัดไปจบที่เกาะเฮ และเกาะแอว มีความเป็นไปได้ยากที่จะไหลไปไกลๆ
ด้านเจ้าหน้าที่จากกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก กล่าวว่า จากการตรวจสอบคลิปเชื่อว่าฉลามไม่ได้อยู่บนเรือเพียงแค่ 10 นาทีแน่นอน เพราะจากจุดตำแหน่งที่เรือนักดำน้ำไปเจอในเวลา 13.40 น.ของวันที่ 18 พ.ค. และมีการไล่ตามกันไปเนื่องจากเรือประมงพยายามแล่นหลบและเปลี่ยนทิศทาง การวิ่งก็ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที จึงจะมีการปล่อย หรือทิ้งลงทะเล ซึ่งการปล่อย หรือทิ้งลงทะเลถ้าได้รับบาดเจ็บก็อาจจะไม่ตายทันที แต่อาจจะใช้เวลาเป็นวัน หรือ 2 วัน จึงจะตาย เพราะฉะนั้น การค้นหาจึงต้องใช้เวลาในการติดตามค้นหา 4-5 วัน เพราะถ้าตายก็จะใช้เวลาประมาณ 4-5 วัน ถึงจะลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ แต่ถ้าไม่เจอซากก็อาจจะเชื่อได้ว่ายังไม่ตาย
ขณะที่ ถาวรวัฒน์ คงแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 2/2561 ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมี นายวัชรินทร์ ถิ่นถลาง ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 (สบทช.9) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมถึงการวางมาตรการป้องกันการทำร้ายสัตว์ทะเลหายาก จากเครื่องมือการทำประมง ว่า
อยากให้มีการกำหนดมาตรการออกมาในระดับจังหวัดในการควบคุมดูแลไม่ให้สัตว์ทะเลหายากถูกทำร้าย จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามจากเรือประมงต่างๆ เพราะที่ผ่านมา พบว่าสัตว์ทะเลหายากตาย และได้รับบาดเจ็บจากเรือประมงมาแล้วจำนวนมาก ซึ่งหลังจากนี้ให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาร่างมาตรการเพื่อควบคุม และคุ้มครองสัตว์ทะเลหายากไม่ให้ถูกทำร้าย หรือจับขึ้นมาบนเรืออย่างเด็ดขาด และว่าจะติดอวนขึ้นมาก็ตาม
โดยให้ดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดในการกำหนดมาตรการ หลังจากนั้น ให้นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต เพื่อนำเสนอในคณะกรรมการชุดใหญ่ต่อไป และอยากให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุดเพื่อรักษาสัตว์ทะเลหายากให้อยู่คู่กับทะเลไทยตลอดไป
วันนี้ (22 พ.ค.) นายวัชรินทร์ ถิ่นถลาง ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 (สบทช.9) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำเรือตรวจการณ์ เรือตรวจการณ์ทรัพยากร 308 ของ สบทช.9 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกติดตามค้นหาฉลามวาฬ ซึ่งถูกเรือประมงแสงสมุทร 3 ปล่อยลงทะเล หลังจากติดอวน และจับขึ้นมาบนเรือเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยวันนี้เป็นการออกค้นหาติดตามตรวจสอบฉลามวาฬ และประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากเรือท่องเที่ยว เรือประมง และเรือประมงพื้นบ้านให้ช่วยตรวจสอบ และติดตาม หากพบฉลามวาฬ ไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่ หรือตายแล้ว ขอให้แจ้งมายังเจ้าหน้าที่ สบทช.9 เพื่อเข้าตรวจสอบ ซึ่งในการออกสำรวจ และประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้ยังคงเน้นพื้นที่รัศมี 23 กิโลเมตร เช่น เกาะเฮ เกาะบอน เกาะแก้วนอก เกาะแก้วใน จากจุดที่ถูกปล่อยลงทะเล ซึ่งการค้นหายังคงไร้วี่แวว
สำหรับการติดตามค้นหาฉลามวาฬตัวดังกล่าวจะดำเนินการค้นหาไปอีกระยะหนึ่ง เพราะสุดท้ายถ้าฉลามวาฬตาย ซากก็จะลอยขึ้นบนผิวน้ำ และจะไหลไปตามกระแสน้ำตาม แต่ถ้าโชคดีฉลามไม่ตาย และไม่ได้รับบาดเจ็บเชื่อว่าจะต้องกลับมาหากินที่เดิม ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่บริเวณปากร่องน้ำใกล้กับเกาะราชา อ.เมือง จ.ภูเก็ต
ขณะที่ นายนิรันดร์ หยังปาน ชาวไทยใหม่ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า จากประสบการณ์ในการทำประมง เชื่อว่า ฉลามวาฬตัวดังกล่าวน่าจะเป็นฉลามวาฬที่เคยมีคนพบเห็นบริเวณใกล้กับเกาะราชา ที่เข้ามาหากินเกือบทุกปี ซึ่งชาวประมง และนักท่องเที่ยวทราบดี อย่างไรก็ตาม จากการดูคลิปเชื่อว่าโอกาสรอดของฉลามมีน้อยมาก เพราะเท่าที่ทราบฉลามเป็นสัตว์ที่มีกระดูกอ่อน แต่เมื่อยกตัวขึ้นไปในอากาศ และปล่อยให้ส่วนลำตัวแบกรับน้ำหนัก อาจจะทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้
สำหรับการค้นหาฉลามวาฬตัวดังกล่าว เชื่อว่า ถ้าได้รับบาดเจ็บ หรือตายร่างของเขาก็จะไหลไปกับกระเสน้ำ ซึ่งในส่วนของตนก็ได้แจ้งไปยังชาวประมงพื้นบ้าน และชาวไทยใหม่ให้ช่วยกันตรวจสอบ และให้แจ้งมายังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ถ้าพบไม่ว่าจะเป็นซาก หรือตัวเป็นๆ โดยส่วนตัวคิดว่า ถ้าฉลามตายไม่น่าจะถูกคลื่นซัดไปไกลมากนัก เพราะจากการดูกระแสน้ำในช่วงนี้พบว่ากระแสน้ำจะพัดไปจบที่เกาะเฮ และเกาะแอว มีความเป็นไปได้ยากที่จะไหลไปไกลๆ
ด้านเจ้าหน้าที่จากกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก กล่าวว่า จากการตรวจสอบคลิปเชื่อว่าฉลามไม่ได้อยู่บนเรือเพียงแค่ 10 นาทีแน่นอน เพราะจากจุดตำแหน่งที่เรือนักดำน้ำไปเจอในเวลา 13.40 น.ของวันที่ 18 พ.ค. และมีการไล่ตามกันไปเนื่องจากเรือประมงพยายามแล่นหลบและเปลี่ยนทิศทาง การวิ่งก็ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที จึงจะมีการปล่อย หรือทิ้งลงทะเล ซึ่งการปล่อย หรือทิ้งลงทะเลถ้าได้รับบาดเจ็บก็อาจจะไม่ตายทันที แต่อาจจะใช้เวลาเป็นวัน หรือ 2 วัน จึงจะตาย เพราะฉะนั้น การค้นหาจึงต้องใช้เวลาในการติดตามค้นหา 4-5 วัน เพราะถ้าตายก็จะใช้เวลาประมาณ 4-5 วัน ถึงจะลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ แต่ถ้าไม่เจอซากก็อาจจะเชื่อได้ว่ายังไม่ตาย
ขณะที่ ถาวรวัฒน์ คงแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 2/2561 ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมี นายวัชรินทร์ ถิ่นถลาง ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 (สบทช.9) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมถึงการวางมาตรการป้องกันการทำร้ายสัตว์ทะเลหายาก จากเครื่องมือการทำประมง ว่า
อยากให้มีการกำหนดมาตรการออกมาในระดับจังหวัดในการควบคุมดูแลไม่ให้สัตว์ทะเลหายากถูกทำร้าย จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามจากเรือประมงต่างๆ เพราะที่ผ่านมา พบว่าสัตว์ทะเลหายากตาย และได้รับบาดเจ็บจากเรือประมงมาแล้วจำนวนมาก ซึ่งหลังจากนี้ให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาร่างมาตรการเพื่อควบคุม และคุ้มครองสัตว์ทะเลหายากไม่ให้ถูกทำร้าย หรือจับขึ้นมาบนเรืออย่างเด็ดขาด และว่าจะติดอวนขึ้นมาก็ตาม
โดยให้ดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดในการกำหนดมาตรการ หลังจากนั้น ให้นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต เพื่อนำเสนอในคณะกรรมการชุดใหญ่ต่อไป และอยากให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุดเพื่อรักษาสัตว์ทะเลหายากให้อยู่คู่กับทะเลไทยตลอดไป