โดย...ไชยยงค์ มณีพิลึก
“เมืองด่านนอก” หรือ “เทศบาลตำบลสำนักขาม” แผ่นดินชายแดนไทย-มาเลเซียด้าน อ.สะเดา จ.สงขลา หากจะเรียกว่า “เมืองคนบาป” ก็คงไม่ผิดนัก และถ้าจะเขียนถึงเรื่องราว “เลอะเทอะ” ของเมืองชายแดนแห่งนี้ ก็มีให้เขียนถึงได้ทุกวันแทบไม่มีวันจบ
เพราะเป็นเมืองที่สารพัดด้วยเรื่อง “ผิดกฎหมาย” เป็นแหล่ง “ค้ามนุษย์” ที่ติดทำเนียบ 1 ใน 6 ของประเทศไทย เป็นแหล่ง “ค้ายาเสพติด” ที่มีชาวมาเลเซียเป็นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่
และที่สำคัญเมืองนี้เป็นแหล่งให้ “เจ้าหน้าที่รัฐทำมาหากิน” ได้สารพัดหน่วยงาน ซึ่งผู้ที่เคยถูกจับในข้อหาค้ามนุษย์รายหนึ่งเคยให้ข้อมูลว่า แต่ละเดือนเธอต้อง “จ่ายส่วย” ให้สารพัดคนในเครื่องแบบจากที่ต่างๆ ไม่น้อยกว่า 18 หน่วยงาน
วันนี้ขอพูดถึงเรื่องราวของ “วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง” ในเมืองแห่งนี้ ซึ่งเพิ่งจะมีการรวมตัวกันประท้วงเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไป “จัดระเบียบใหม่” แบบสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมานี่เอง
เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจและผู้บริหารท้องถิ่นต้องการจัดระเบียบวิน จยย.รับจ้างใหม่ ซึ่งข่าวว่ามีคนจำนวนมากทำมาหากินอยู่กับวินในเขต “เทศบาลตำบลสำนักขาม” แห่งนี้อยู่แล้วถึง 18 วินด้วยกัน และที่ผ่านมาก็มีการทำประวัติคนขี่ จยย.รับจ้างประจำวินเหล่านี้ไว้แล้ว มีเสื้อวินให้ใส่อย่างถูกต้อง จึงบอกว่าเป็น “วินเถื่อน” ไม่ได้
อีกทั้งที่ผ่านๆ มาถ้าปล่อยให้มีวินเถื่อนถึง 18 วิน คนที่ต้องรับผิดย่อมไม่ใช่คนขี่ จยย.รับจ้างแน่ แต่ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ “ตำรวจ” เพราะมีหน้าที่รักษากฎหมายและจับคนกระทำผิด พวกเขาอยู่อย่างไรจึงปล่อยให้มีวินเถื่อนเกิดขึ้นได้มากมายขนาดนั้น
ประเด็นที่คนขับรถ จยย.รับจ้างหลายร้อยคนจากทั้ง 18 วินต้องเฮโลสาระพา รวมตัวกันเหมือนกับจะไปทอดผ้าป่าสามัคคีก็มิปาน สาเหตุมาจากที่จู่ๆ ก็มีการตั้ง “วินใหม่” ขึ้นมาแข่งแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมยกเอาสถานที่ราชการสำคัญให้เป็นแหล่งที่ตั้งวินเสียด้วย
พูดให้ชัดๆ ไปเลยก็คือ มีการตั้งวิน จยย.รับจ้างขึ้นมาใหม่อยู่ในพื้นที่ “ที่ทำการด่านศุลกากรสะเดา” นั่นแหละ
พร้อมมีการประกาศกฎระเบียบใหม่ว่า วิน จยย.รับจ้างภายนอกทั้ง 18 วินที่ทำมาหากินมาก่อนนั้น ต่อไปนี้ห้ารับผู้โดยสารจากตลาดด่านนอกแล้วข้ามพรมแดนไปส่งยัง “ร้านค้าปลอดภาษี” หรือ “ดิวตี้ฟรีโซน” ในฝั่งประเทศมาเลเซียเช่นที่เคยให้บริการรับ-ส่งมาก่อน
สำหรับกฎระเบียบที่ประกาศใหม่นี้จะเรียกว่า “กฎเถื่อน” ก็น่าจะได้ เพราะไม่ได้มีการแจ้งให้ทราบ หรือกระทั่งขอความเห็นจากบรรดาคนในวิน จยย.เก่าทั้ง 18 วิน
นั่นจึงเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อการทำมาหากินของคนจำนวนนับร้อยคนที่สังกัดวิน จยย.เก่าทั้ง 18 แห่ง เพราะสามารถรับ-ส่งผู้โดยสารที่ส่วนใหญ่คือ ชาวมาเลเซีย ได้เพียงในเขตเมืองด่านนอก หากผู้โดยสารต้องการจะข้ามพรมแดนไปต่อรถที่ดิวตี้ฟรีฝั่งมาเลเซีย ก็ให้ทำการส่งได้แค่บริเวณด่านศุลกากรสะเดาเท่านั้น เพื่อให้คนขี่ จยย.ของวินใหม่รับช่วงต่อข้ามพรมแดนไปส่งผู้โดยสารได้ตามต้องการ
การเพิ่มวิน จยย.ที่ 19 ในเขตเมืองด่านนอกใหม่ครั้งนี้ จะเรียกว่าเป็นการ “แบ่งปันรายได้” หรือ “แบ่งปันผลประโยชน์” ให้กับคนขี่ จยย.รับจ้างกลุ่มใหม่ โดยอ้างว่าเป็นการ “จัดระเบียบสังคม” เพื่อให้เกิดความ “เรียบร้อย” เพื่อนำไปสู่ “สันติสุข” ก็ไม่น่าจะถูกต้องนัก เพราะไม่ได้ถามความต้องการและความสมัครใจของคนขี่ จยย.รับจ้างกลุ่มเก่าเลย
แต่กลับมีข่าวปิดกันให้แซดว่า การเกิดขึ้นของวิน จยย.ใหม่ที่ตั้งอยู่ในสถานที่ราชการ นั่นเป็นการจับมือกันของ “คนมีสี” โดยมีการเรียกเก็บค่า “เสื้อวิน” และ “บัตรห้อยคอ” สูงถึง 1,000 บาท/หัว โดยเวลานี้มีสมาชิกประจำวินที่ 19 แล้วไม่ต่ำกว่า 200 คน ซึ่งเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทกระเด็นไปเข้ากระเป๋าใคร
แน่นอน! ทุกคนเห็นด้วยกับการ “จัดระเบียบสังคมให้ดีขึ้น” โดยเฉพาะเมื่อด่านนอกเป็นเมืองที่ไร้ระเบียบ เป็นเมืองที่ผลประโยชน์ผุดขึ้นได้ทุกหย่อมหญ้า เป็นเมืองที่ร่ำลือว่าเจ้าหน้าที่สามารถแสวงหาผลประโยชน์กันได้เพลิดเพลิน เพราะว่ากันว่าธุรกิจในเมืองนี้กว่า 80% เป็นเฉด “สีเทา” ค่อนไปทาง “สีดำ”
แต่การ “จัดระเบียบสังคมให้ดีขึ้น” นอกจากจะต้องยึดถือกฎหมายเป็นหลักแล้ว ยังคำนึงถึงความเป็นธรรมและความเสมอภาค ต้องไม่ให้มีฝ่ายเสียเปรียบอย่างเดียว แต่อีกฝ่ายได้เปรียบอย่างเดียว และต้องเป็นการจัดระเบียบเพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่อย่างเป็นด้านหลักด้วย ไม่ใช่ทำเพื่อผลประโยชน์ของคนถืออำนาจหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
การจัดระเบียบวิน จยย.รับจ้างแบบที่กำลังทำที่ด่านนอกนี้ จะว่าไปแล้วก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นที่เมืองสำคัญชายแดนไทย-มาเลเซียอีกแห่งคือ “สุไหงโก-ลก” ที่ จ.นราธิวาส
นั่นคือ วิน จยย.ในตัวเมืองสุไหงโก-ลกสามารถรับ-ส่งผู้โดยสารได้แค่ถึงหน้าด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ไม่สามารถข้ามพรมแดนไปส่งผู้โดยสารที่เมืองรัยตูปันยังฝั่งมาเลเซียได้ แต่นั่นมีกระบวนการทำความเข้าใจจนเกิดความพอใจกันของทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว
แต่ที่เมืองด่านนอกนี่ไม่เหมือนที่เมืองสุไหงโก-ลก เพราะที่สุไหงโก-ลกการเพิ่มวิน จยย.รับจ้างไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปจุ้นจ้าน ไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ และที่สำคัญไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบของคนขี่ จยย.รับจ้าง แถมยังมีค่าโดยสารที่เท่าเทียมกัน
เป็นที่น่าจับตาว่า ที่เมืองด่านนอกค่าบริการรับ-ส่งที่วิน จยย.รับจ้างทั้ง “18 วินเก่า” เคยคิดผู้โดยสารปกติอยู่ที่ 70 บาท/คน นั่นหมายถึงการรับ-ส่งจากเขตเทศบาลสำนักขามข้ามพรมแดนไปถึงยังดิวตี้ฟรีโซนฝั่งมาเลเซีย แต่เวลานี้มี “วิน จยย.ที่ 19” เพิ่มเข้ามาและต้องให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารเพิ่มอีกทอดหนึ่ง โดยคิดค่าโดยสารเพิ่มอีก 70 บาท/คนเท่ากัน
เช่นนี้แล้วบริการของ 18 วินเดิมที่วิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารจากบริเวณตลาดหรือชุมชน เพื่อไปยังด่านศุลกากรสะเดาที่ก็จัดว่าไม่ไกลมากนัก ผู้ขับขี่ จยย.กว่าร้อยชีวิตทั้ง 18 วินเดิมจะยังเรียกเก็บค่าโดยสาร 70 บาท/คนได้อีกหรือไม่
ถ้าไม่ได้นั่นก็เท่ากับว่าพวกเขา “ถูกบังคับให้ลดรายได้” อันเป็นความเดือนร้อนที่พวกเขาไม่ได้มีส่วนกระทำขึ้นนั่นเอง
ดังนี้แล้วมีเรื่องที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องตอบคำถามเหล่านี้คือ วิน จยย.รับจ้างเก่าทั้ง 18 วินก่อปัญหาความไม่เป็นระเบียบล่ะหรือ มีการขูดรีดผู้โดยสารหรือไม่ ซึ่งหากไม่แล้วทำไมต้องไปจัดระเบียบสังคมใหม่ เพื่อให้พวกเขาเดือนร้อน ทั้งๆ ที่ผ่านมาพวกเขาอยู่กันดีๆ ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น แล้วเจ้าหน้าที่จะอ้างการจัดระเบียบใหม่เพื่อสร้างปัญหาขึ้นทำไม
หรือว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่างมาก หรือทำไปเพื่อผลประโยชน์แอบแฝงอะไรหรือไม่
ความจริงทุกหน่วยงานรัฐที่ด่านนอกล้วนมีงานให้ทำมากมาย ที่ผ่านๆ มาด่านศุลกากรยังเคยปล่อยให้ “ของเถื่อน” หลุดรอดออกมาได้อยู่บ่อยครั้ง ตรวจคนเข้าเมืองยังเคยปล่อยให้ “คนเถื่อน” ข้ามไป-มาระหว่างประเทศหรือกระทั่งหลบซ่อนในพื้นที่ได้ ตำรวจยังเคยปล่อยให้มี “ค้าประเวณี” มี “ค้ามนุษย์” และมี “ยาเสพติด” ระบาดกลาดได้ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่มีสารพัดปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนควรทำหน่วยงานของตนเองให้ดีเสียก่อน นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด
การจัดระเบียบสังคมเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องที่สังคมชื่นชม แต่หมายถึงต้องเป็นความต้องการของคนสังคมนั้นๆ ด้วย และต้องเป็นการจัดระเบียบที่ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง โดยเฉพาะต้องไม่จัดระเบียบเพื่อประโยชน์ส่วนตน ประเด็นเหล่านี้ต้องมีความชัดเจน เพราะวันนี้นอกจากประชาชนเขาจะไม่โง่แล้ว ต้องจัดว่าเขายังไม่กลัวผู้ที่ใชอำนาจไม่ถูกต้องอีกด้วย