ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เกษตรกรชาวตำบลปริก ไอเดียบรรเจิด สร้างกล่องไม้เลี้ยงผึ้งในสวนผลไม้ และให้ผึ้งหากินเองตามธรรมชาติได้ผลผลิตเป็นน้ำผึ้งแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าเพียบ
น้ำผึ้งเป็นผลิตผลตามธรรมชาติที่มีคุณประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ที่คนเรารู้จักกันมานาน สมัยก่อนจะเป็นน้ำผึ้งที่ได้มาจากป่าซึ่งนับวันจะหายาก แม้จะมีคนนำมาขายแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นน้ำผึ้งที่ผ่านการผสม หรือเป็นน้ำผึ้งเลี้ยงที่ให้น้ำตาลเป็นอาหาร ไม่ใช่เป็นน้ำผึ้งแท้ แต่ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา มีการเลี้ยงผึ้งที่ให้ผลผลิตเป็นน้ำผึ้งแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ ลูกค้าต้องสั่งจองกันล่วงหน้า
นายทรงวุฒิ ชูเชิด อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/4 ม.4 บ.ตะเคียนเภา ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา เปิดเผยว่า ตนเอง และครอบครัวได้ทำการเลี้ยงผึ้งเป็นอาชีพเสริมนอกจากการทำสวนยางพารา มาเป็นระยะเวลากว่า 3 ปี หลังจากที่ไปศึกษาดูงานที่ อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ตนเองมีความสนใจในการเลี้ยงผึ้งจึงได้ศึกษาเพิ่มเติม และลงมือทำ
ซึ่งวิธีการเลี้ยงต้องใช้ไม้ทำเป็นกล่องขนาดกว้าง 30 สูง 30 ยาว 50 ซม. ทำเป็นฝาเปิดปิดได้ ใช้กระเบื้องเป็นหลังคากันฝนกันแดด และใช้ไม้ หรือปูนทำเป็นเสา นำไปวางไว้ในสวนผลไม้บริเวณรอบบ้าน โดยที่เสาจะนำผ้าชุบน้ำมันเครื่องไปพันไว้กันมด หรือแมลงขึ้นไปทำลายผึ้ง
สำหรับหรับการล่อผึ้งให้มาอาศัย และทำรังอยู่ในกล่องที่เตรียมไว้ มีวิธีการโดยนำขี้ผึ้งที่ได้จากรังผึ้งมาต้มกับน้ำ เอามากรองให้สะอาดแล้วนำไปต้มอีกรอบ ก่อนนำมาเทใส่ภาชนะอย่างเช่นกระป๋องที่ตัดเป็นท่อนสั้นๆ เพื่อให้ได้ขี้ผึ้งลักษณะเป็นก้อนวางไว้ให้เย็น นำขี้ผึ้งที่ได้มาถูที่กล่องไม้ด้านในที่เป็นฝาเปิดให้ทั่ว เสร็จก็ปิดไว้เหมือนเดิม หลังจากนั้น ก็คอยสังเกตว่ามีผึ้งเข้ามาอยู่หรือไม่ ซึ่งตามประสบการณ์เพียงไม่เกิน 1 อาทิตย์ ก็จะมีผึ้งมาอาศัยทำรังอยู่ และสามารถจับผึ้งเพื่อเอาน้ำผึ้งได้หลังจากที่ผึ้งเข้ามาอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน โดยจะได้น้ำผึ้งเฉลี่ยกล่องละ 2 ลิตร ซึ่งที่เคยได้มากสุดถึง 3 ลิตรครึ่ง หรือ 6 ขวด ราคาขายขวดละ 600 บาท
ซึ่งผึ้งที่ตนเองเลี้ยงในตอนนี้มีทั้งหมด 13 กล่อง ให้ผึ้งหากินเองตามธรรมชาติไม่ได้ใช้น้ำตาลผสมน้ำให้ผึ้งกินเหมือนบางที่ ซึ่งผึ้งจะหากินเกสรดอกไม้ตามธรรมชาติ เช่น ดอกเงาะ ดอกลองกอง ดอกสะเดา ดอกมะพร้าว ดอกหมาก ดอกปาล์ม ดอกไมยราพ และดอกไม้ป่าอื่นๆ ตามฤดูกาล จึงทำให้ได้น้ำผึ้งตามธรรมชาติแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นที่ถูกใจของลูกค้ากลุ่มที่รักสุขภาพ ถึงกับมีการสั่งจองล่วงหน้า
“ส่วนการจับผึ้งหลังการจับในแต่ละครั้งเว้นไปอีก 3 เดือน ก็จับใหม่ได้อีก ซึ่งน้ำผึ้งจะได้ผลผลิตเยอะระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ส่วนระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน จะให้ผลผลิตน้อยเนื่องจากเป็นหน้าฝน โดยตนเองจะขยายการเลี้ยงให้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้เพราะยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ที่สำคัญเลี้ยงง่าย ลงทุนน้อย การดูแลรักษาไม่ยาก เพียงแค่คอยสังเกต และระวังอย่าให้มด หรือจิ้งจกเข้าไปรบกวนที่รังผึ้งเท่านั้นเอง” นายทรงวุฒิ กล่าว