ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “พ.ต.ท.” อดีตสารวัตรมือปราบน้ำมันเถื่อน ร้องถูกข่มขู่เอาชีวิต หลังเดินหน้าร้องเรียนหลายหน่วยงาน จี้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลฎีกาที่ให้ขาดตลาดของกลางมูลค่า 40 ล้านบาทนำเงินเข้ารัฐ ผ่านมา 20 ปียังไม่คืบ แฉศุลกากรแอบคืนเรือให้ฝ่ายจำเลยแล้ว วอนหัวหน้า คสช.ตรวจสอบ และสั่งการโดยด่วน
วันนี้ (10 เม.ย.) พ.ต.ท.ยงยศ เที่ยมประชา อดีตรอง ผกก.หัวหน้า สภ.สคิริน จ.นราธิวาส ได้ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวผ่านไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. จากการถูกข่มขู่คุกคามหมายเอาชีวิต จากกรณีที่ตนเองซึ่งในขณะที่เป็นสารวัตรสืบสวน ได้รับคำสั่งให้จับกุมเจ้าพ่อน้ำมันเถื่อนที่ อ.เมือง จ.สตูล เมื่อวันที่ 25 ม.ค.2535 โดยสามารถจับกุมน้ำมันเถื่อนพร้อมเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำ รถบรรทุกน้ำมัน 10 ล้อ 1 คัน มูลค่าของกลางรวม 40 กว่าล้านบาท
คดีนี้มีการต่อสู้คดีระหว่าง พ.ต.ท.ยงยศ กับนายทุนผู้เป็นเจ้าของเรือจนคดีถึงศาลฎีกา และศาลฎีกา ได้ตัดสินคดีเมื่อปี 2542 ให้ พ.ต.ท.ยงยศ เป็นฝ่ายชนะทั้ง 3 ศาล และสั่งให้ริบของกลางขายทอดตลาดเพื่อนำเงินเข้ารัฐ และจ่ายเงินรางวัลตามระเบียบของราชการให้แก่ชุดจับกุม ซึ่งหมายถึง พ.ต.ท.ยงยศ เทียมประชา
พ.ต.ท.ยงยศ เปิดเผยว่า หลังจากนั้นได้ติดตามไปตามหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อเรื่องของกลาง เพื่อให้ดำเนินการตามคำสั่งศาลฎีกา แต่ไม่มีความคืบหน้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างโยนกันไปโยนกันมา และอ้างว่า อยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งที่ของกลางที่ศุลกากรจังหวัดสตูล เป็นผู้เก็บรักษาไว้ได้มีการสั่งคืนให้แก่เจ้าของตั้งแต่ศาลอยู่ระหว่างการต่อสู้คดี
และเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2543 ด่านศุลกากรได้ขายทอดตลาดน้ำมันที่เป็นของกลาง 37,800 ลิตร ในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง และเป็นการขายโดยมิชอบ ในราคาลิตรละ 8.73 บาท ในขณะที่ราคาในท้องตลาดลิตรละ 12.62 บาท ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ 147,042 บาท ยังไม่รวมค่าดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่ขายทอดตลาด แต่จนถึงบัดนี้ผ่านไป 20 ปี ยังไม่มีการจ่ายสินบนรางวัลนำจับให้แก่ตนเองแต่อย่างใด ซึ่งเข้าข่ายของการทุจริตอย่างชัดเจน
และเรือของกลาง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ศุลกากร ซึ่งเบื้องต้น มีการประเมินไว้ที่ลำละ 20 ล้านบาท โดยสมาคมประมงจังหวัดสงขลา หลังจากที่เรือหายไปก็มีการพยายามที่จะประเมินให้มีราคาต่ำลง ซึ่งเรื่องรายละเอียดทั้งหมดได้มีการร้องเรียน และส่งไปให้หน่วยงานต่างๆ เช่น คสช. ปปง. กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานอื่นๆ ไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง แต่ทุกหน่วยจะตอบว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบ และเรื่องก็จะเงียบไป
จนสุดท้ายตนเองได้ขอให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นผู้ดำเนินการตามคำสั่งของศาลฎีกา ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. แต่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2560 ขณะที่ตนเองอยู่ที่บ้านพัก ได้มีข้อความข่มขู่ให้ตนเองหยุดการติดตามคดีดังกล่าว ไม่เช่นนั้นจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิตเข้ามาในไลน์โทรศัพท์มือถือของตนเอง หลังจากนั้น ตนได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ สตง.ได้รับทราบ และได้ประสานงานหน่วยงานพิสูจน์หลักฐานเพื่อทำการตรวจสอบว่า ข้อความในไลน์มาจากโทรศัพท์ของผู้ใด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ และยังไม่ทราบผลของการตรวจสอบ
พ.ต.ท.ยงยศ กล่าวว่า ตนต่อสู้คดีนี้มา 20 กว่าปี และคดีไม่ได้ขาดอายุความ แต่ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงานของรัฐ เพราะไม่มีหน่วยงานไหนทำตามคำสั่งตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ซึ่งตนเชื่อว่า เป็นเพราะนายทุนเจ้าของน้ำมันเถื่อนเป็นผู้มีอิทธิพล ที่สามารถทำให้หน่วยงานต่างๆ ไม่ดำเนินการตามคำสั่งของศาลฎีกา และเมื่อตนร้องให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นผู้ดำเนินการ ริบของกลางเพื่อนำเงินเข้ารัฐ ก็มีการส่งข้อความทางไลน์เพื่อข่มขู่เอาชีวิต
เรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเองเป็นเรื่องของผู้มีอิทธิพล จึงใคร่ของความเมตตาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ได้ตรวจสอบ และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำตามคำพิพากษาของศาลฎีกา เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และของประเทศชาติ