พังงา - ชาวบ้านเกาะคอเขา จ.พังงา สุดทน ร้องรัฐแก้ปัญหาประมงต่างถิ่นใช้เครื่องมือทำลายล้าง เรืออวนล้อมมาทำการประมงในเขต 3,000 เมตร สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประมงชายฝั่ง เนื่องจากจับสัตว์น้ำได้น้อยลง
นายวิชัย สมรูป ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งที่ 8 นายสมนึก บุญใหญ่ ผอ.ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล หัวหน้าหน่วยอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดพังงา นายประถม รัศมี หน.ป่าชายเลน ที่ 16 ตะกั่วป่า นายสุดจิตร ลิ่มพานิช กำนันเกาะคอเขา นายอังกูร วราภรณ์พิพัฒน์ ปลัด อบต.เกาะคอเขา ปฏิบัติหน้าที่นายก อบต.เกาะคอเขา พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน 5 หมู่บ้านเกาะคอเขา ประชาชนเกาะคอเขา ได้ลงพื้นที่ ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เพื่อแก้ปัญหาให้แก่ชาวประมงพื้นบ้านตำบลเกาะคอเขา ในกรณีที่มีชาวประมงต่างถิ่นใช้เครื่องมือประมงทำลายล้าง เรืออวนล้อมมาทำการประมงในเขต 3,000 เมตร จนสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประมงชายฝั่ง เนื่องจากจับสัตว์น้ำได้น้อยลง
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้แก้ปัญหาโดยบูรณาการหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มงวดกวดขันในการออกตรวจปราบปรามกระทำผิด และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นไม่ให้ทรัพยากรถูกทำลาย และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน
โดยจังหวัดพังงา ได้กำหนดจุดจากชายฝั่งออกไปในทะเลระยะ 3,000 เมตร ตั้งแต่ด้านทิศเหนือจาก อ.คุระบุรี ไปทางทิศใต้ขนานกับแนวชายฝั่งจนสุดเขต ต.มะรุ่ย อ.ทับปุด และเกาะยาวใหญ่ เกาะยาวน้อย ในบริเวณที่ 3 วงเล็บ 2 ระบุว่า พื้นที่ภายในเขตตามประกาศตามกระทรวงเกษตรในเรื่อง กำหนดห้ามใช้เครื่องมืออวนลาก อวนรุนทำการประมงในเขตอ่าวพังงา ที่ห้ามทำการประมง หรือกิจกรรมใดๆ ในแนวเขตสีฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นผลกระทบต่อวงจรชีวิตของสัตว์น้ำ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำกฎหมายต่างๆ ให้ชาวบ้านที่ทำการประมงได้รับทราบข้อคำสั่ง จึงทำให้ทุกคนสบายใจ และมุ่งมั่นที่จะทำประมงที่ใช้เครื่องที่ไม่ผิดกฎหมายเพื่อการรักษาทรัพยากรทางทะเลร่วมกัน
นายนิคม ฉ่ำมาลี ชาวบ้านเกาะคอเขา กล่าวว่า ขณะนี้ทางประมงพื้นบ้านในพื้นที่ตำบลเกาะคอเขา ที่หากินอวนทุ่น อวนลอยอยู่ข้างๆ ชายฝั่ง แต่ที่ผ่านมา ในพื้นที่ ต.เกาะคอเขา ไม่มีอวนลอบหลังเขียว แต่ที่พบว่าในช่วงนี้มีเรือประมงต่างถิ่นมาหาจับปลาในพื้นที่ระยะ 3,000 เมตร จึงทำให้ชาวประมงในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน ทาง นายสุดจิตร ลิ่มพานิช กำนันตำบลเกาะคอเขา กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับการร้องเรียนจากทางชาวบ้านว่า เรืออวนล้อมได้เข้ามาล้อมจับปลา และพยายามบีบอวนล้อมให้แคบ พร้อมใช้แหทอด และจะนำปลาไปขาย จนกระทั่งชาวบ้านในพื้นที่ตำบลเกาะคอเขา จะไปหาปลามากินในแต่ละวันแทบจะไม่มีปลาให้เห็น
ด้านผู้ประกอบการโรงแรมต่างๆ ยังบอกอีกว่า ได้มีเรือประมงพื้นบ้านจากต่างถิ่นเข้ามาวางอวนในสถานที่ท่องเที่ยว ขณะที่นักท่องเที่ยวกำลังลงเล่นน้ำอยู่หน้าชายหาด จนทำให้นักท่องเที่ยวต้องวิ่งขึ้นบนฝั่งเพื่อความปลอดภัย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เองได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบตามกฎของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในข้อห้ามบริเวณที่ 3 ในระยะ 3,000 เมตร ห่างจากฝั่งออกไป โดยเฉพาะเรืออวนล้อม ลอบดักปลา อวนทับตลิ่ง อวนถ่วง และอุปกรณ์ประมงอีกหลายอย่างที่ห้ามทำประมงใกล้ชายฝั่ง
ซึ่งทำให้ชาวประมงพื้นบ้านได้รับความเดือดร้อน ไม่รู้ว่าจะไปหากินต่อที่ไหน เพราะว่าสัตว์ทะเลส่วนใหญ่จะอยู่ในระยะ 3,000 เมตร ดังนั้น ตนเองได้เร่งหาแนวทางในการแก้ปัญหาให้ชาวบ้านโดยการประสารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่แนะชาวประมงพื้นบ้านให้เข้าใจถึงกฎหมายที่ห้ามจับปลาบริเวณดังกล่าว
ด้าน นายวิชัย สมรูป ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 8 กล่าวว่า จากที่ชาวบ้านในตำบลเกาะคอเขา ได้มีการร้องเรียนใน 2 ประเด็น คือ 1.ประมงพาณิชย์ที่ใช้เครื่องมือแบบทำลายล้างอ้วนล้อมปลา เข้ามาลักลอบจับปลาเล็ก ปลาน้อย จับปลาในปริมาณมาก จนสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวประมงชายฝั่งที่ใช้เครื่องมือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น อวนลอย หรือจำพวกทอดแห เมื่อปลาเล็กถูกจับไปมากๆ จะส่งผลกระทบต่อวงจรชีวิตของสัตว์น้ำ และจะส่งผลทำให้รายได้ของประมงชายฝั่งลดลงมากไม่พอในการยังชีพ ส่วนประเด็นที่ 2 ทางประมงชายฝั่งมีข้อกังวลในการประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ครอบครองสิ่งแวดล้อมและตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 ในการประกาศพื้นที่ 3,000 เมตร จากชายฝั่งในพื้นที่จังหวัดพังงา ในเรื่องข้อห้ามเกี่ยวกับเครื่องมือการทำประมง โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการชี้แจงให้ความรู้แก่ชาวประมงพื้นบ้านในการใช้เครื่องมือการทำประมงของชาวประมงชายฝั่ง และที่ไม่ได้เป็นเครื่องมือทำลายล้างก็สามารถหากินได้ตามปกติ ไม่มีผลกระทบกระเทือนให้ชาวบ้านได้คลายข้อกังวล
ในส่วนของเครื่องมือทำลายล้างที่ทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพังงา และกรมประมง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลทรัพยากรชายฝั่งทั้งหมด เพื่อที่จะบังคับใช้กฎหมายนี้อย่างเคร่งครัดถูกต้องไม่ให้ละเมิดกฎหมาย หรือตามที่ประกาศเป็นพื้นที่คุ้มครองธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปแล้ว