ปัตตานี - ร้องขอความเป็นธรรม! ผู้บริหารปอเนาะ “บากงพิทยา” ใน อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ถามเจ้าหน้าที่ใช้หลักอะไรในการสมมติฐาน และกล่าวหาทางโรงเรียนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต่อการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ชายแดนใต้
วันนี้ (7 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่โรงเรียนบากงพิทยามูลนิธิ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้มีกิจกรรมกาแฟยามเช้า ที่บริเวณภายในห้องประชุม โรงเรียนบากงพิทยามูลนิธิ เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจ และชี้แจงรายละเอียดที่มาของปัญหา กรณีที่ทหารแถลงแจ้งความผู้บริหารโรงเรียน รวมทั้งเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่คณะครู ผู้บริหารโรงเรียนบากงพิทยา และครูผู้บริหารโรงเรียนในเครือข่าย หลังจากที่ต้องอยู่ในสภาพที่ตื่นตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนแห่งนี้
โดยมี นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอหนองจิก พ.อ.สุภาพ คุขุนทด ผบ.ชุดควบคุมที่ 951 ฉก.สันติสุข ในนามตัวแทน ผบ.ฉก.ปัตตานี พ.ต.อธิคุณ ดวงมณี ผอ.5 ฉก.ทพ.43 ในนามตัวแทนของ พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผบ.ทพ.ฉก.43 นายทรงพล ขวัญชื่น ผอ.ศช.จ.ปัตตานี พร้อมด้วยคณะครู และผู้บริหารของโรงเรียนเอกชนในเครือข่ายเข้าร่วม
นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา กล่าวว่า ขอให้ทุกฝ่ายสร้างความเข้าใจที่ดีระหว่างกัน อย่าได้เอาความรู้สึก ความเชื่อมาเป็นที่ตั้ง ทุกฝ่ายต้องพยายามเข้าใจถึงความหลากมิติ ต้องสร้างความเข้าใจ ลดความระแวง ใช้ความเป็นธรรมอย่างทั่วถึง และหวังว่าทางผู้บริหารโรงเรียนบากงพิทยา จะถือโอกาสนี้เข้าจัดการแก้ไขปัญหาโครงสร้างทั้งระบบให้ได้มาตรฐาน เพื่อยกระดับการศึกษาของสถาบันแห่งนี้ให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น เพราะโรงเรียนแห่งนี้นับเป็นสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของ จ.ปัตตานี จึงทำให้สถาบันแห่งนี้มีลูกศิษย์ลูกหาเป็นจำนวนมาก
ด้าน นายอุสมาน อับดุลมาแน ผู้ได้รับอนุญาตโรงเรียนบากงพิทยา กล่าวว่า วันนี้ทางโรงเรียนได้จัดทำเอกสาร หนังสือชี้แจงให้คณะกรรมการตรวจสอบ ที่ทางกระทรวงศึกษาธิการได้แต่งตั้งขึ้นที่มาจากส่วนกลาง ตอนนี้ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นกระบวนความแล้ว ส่วนเอกสารงบดุลของโรงเรียนนั้นถูกเจ้าหน้าที่ทหารยึดไว้ตรวจสอบตั้งแต่ตอนเข้าตรวจค้นโรงเรียน เดือนกว่าแล้วยังไม่ได้ส่งกลับมา จึงกลายเป็นปัญหาให้แก่ทางโรงเรียนที่จะต้องใช้เป็นหลักฐานในการปิดบัญชี และกระบวนการของการจ่ายภาษี จึงอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอามาคืนให้แก่ทางโรงเรียน เพื่อให้ทางโรงเรียนได้ดำเนินการปิดบัญชีงบประมาณอุดหนุนที่รัฐจัดสรรให้แก่โรงเรียนในปีที่ผ่านมา ซึ่งได้ทวงถามมาหลายรอบแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมคืน
โรงเรียนบากงพิทยา บริหารโรงเรียนด้วยหลักวิชาการอย่างเปิดเผย เป็นไปตามหลักสูตรที่ทางสำนักงานบริหารการศึกษาเอกชน (ศช.) อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด จึงไม่เข้าใจว่าทางหน่วยงานด้านความมั่นคงที่นำโดยหน่วยเฉพาะปัตตานี 43 เข้ามาตรวจค้นถึง 2 ครั้ง ทุกครั้งก็ควบคุมลูกหลานของโรงเรียนไปสอบสวนที่ค่ายทหารด้วย
“ในฐานะที่เป็นพลเมืองคนไทยคนหนึ่ง สิทธิที่เรามีในการปกป้องตัวเองมันยังมีเหลืออยู่หรือไม่ เพราะทั้ง 2 ครั้งที่เข้ามาทั้งในปี 2560 และปี 2561 เจ้าหน้าที่เข้ามาปิดล้อมโรงเรียน เสมือนเป็นสถานที่ก่อการร้ายที่มีกองกำลังมากมาย และชอบมายามวิกาลตั้งแต่ตี 2 ปิดล้อมจนสว่าง”
จำได้ครั้งแรกในช่วงปี พ.ศ.2560 นำกำลังไม่ต่ำกว่า 300 นาย เข้ามาปฏิบัติการปิดล้อมโดยใช้วาจาไม่สุภาพ ตะโกนให้กำลังพลตรวจค้นอย่างเต็มที่ ทุกคนก็ตกใจ และเป็นช่วงที่ทางโรงเรียนกำลังเปิดรับสมัครเด็กนักเรียนใหม่ ภาพที่ปรากฏจะทำให้เด็กกล้ามาสมัครเรียนที่นี่อยู่หรือไม่
ส่วนครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2561 จำได้ว่าวันนั้นที่โรงเรียนมีพียงตน กับนายรุสดี โต๊ะตาหยง กรรมการมูลนิธิอยู่ตามลำพัง จากนั้นมีเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้ามาภายในโรงเรียน มีการควบคุมตัว นายรุสดี ไปตรวจค้นที่บ้านพัก ซึ่งเป็นบ้านอดีตโต๊ะครูที่ไม่ค่อยมีคนพักอาศัยอยู่ ตรวจยึดถังแก๊สปิคนิคขนาด 5 กิโลกรัม และถังเคมีดับเพลิง ตรวจยึดเป็นของกลาง และยังตรวจยึดเอกสาร โดยอ้างว่าเป็นหนังสือปลุกระดม
“แต่พอขอดูเอกสารกลับไม่ยอมให้ดู พยายามสอบถามว่า เป็นภาษาอะไร กลับตอบมาว่าเป็นภาษาอาหรับ กับภาษามลายู ทำให้งงว่ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นเอกสารปลุกระดม ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่ที่มาตรวจค้นอ่านไม่ออก แถมยังยึดจอบ พลั่ว ปุ๋ยใส่ต้นไม้ และอุปกรณ์เครื่องมือก่อสร้างของโรงเรียนเกือบ 100 รายการ จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ส่งคืนมา”
จนกระทั่งทราบจากข่าวว่า มีการแถลงต่อสื่อมวลชนว่าสิ่งที่ตรวจยึดเป็นเครื่องมือประกอบระเบิด รู้สึกไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเจ้าหน้าที่ได้ใช้หลักอะไรในการสมมติฐาน และกล่าวหา จึงอยากเรียกร้องความเป็นธรรมจากกรณีนี้ด้วย