ปัตตานี - ผู้บริหารโรงเรียนบากงพิทยามูลนิธิ ออกชี้แจงข้อเท็จจริงหวังแสดงความบริสุทธิ์ หลังถูกทหารในพื้นที่กล่าวหามีเอี่ยวกับเหตุความไม่สงบในพื้นที่ ทั้งที่โรงเรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมในพระราชดำริมาอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (6 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้บริหารโรงเรียนบางคน ของโรงเรียนบากงพิทยา ที่ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อให้มีการดำเนินการตามกฎหมายต่อโรงเรียนบากงพิทยา หลังอ้างพบมีเอี่ยวกับเหตุความไม่สงบในพื้นที่ โดยออกมาแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 21 ก.พ.61 จนสร้างความตื่นตกใจให้แก่คุณครู นักเรียน และยังสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของโรงเรียน โดยปราศจากข้อเท็จจริง
ล่าสุด ทางผู้บริหารของโรงเรียนบากงพิทยามูลนิธิ ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีทหารได้แถลงข่าวแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้บริหารโรงเรียน เกี่ยวข้องต่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ โดยอ้างค้นพบหลักฐานสำคัญหลังจากเข้าไปตรวจค้นนั้น ทางโรงเรียนมีข้อเท็จจริงอีกด้านเพื่อให้สังคมได้รับรู้กับความจริงที่เกิดขึ้น ทางโรงเรียนจึงได้ออกมาแถลงการณ์ต่อสาธารณะ โดยมีเนื้อหาในแถลงการณ์ ดังนี้
นายอุสมาน อับดุลมาแน ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนบากงพิทยา กล่าวว่า ตามที่มีการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 ที่มณฑลทหารบกที่ 46 ปัตตานี โดย พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ฉก.ปัตตานี แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 กอ.รมน.ภาคที่ 4 ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมาย กอ.รมน.ภาคที่ 4 ส่วนหน้า ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้บริหารโรงเรียนบากงพิทยา ที่ สภ.หนองจิก ในเรื่องข้อเกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคง เพื่อให้มีการดำเนินการตามกฎหมาย และตรวจสอบการทุจริต ประเด็นสำคัญคือ
1.การแจ้งบัญชียอดครู 121 คน จำนวนจริงในระดับมีเพียง 74 คน แต่เบิกจ่ายเงินอุดหนุนจากกระทรวงศึกษาฯ 121 คน การจัดทำบัญชีเท็จเบิกค่าใช้เสี่ยงภัย 3,500 บาทต่อเดือน ทำให้รัฐเสียหาย 164,500 บาทต่อเดือน
2.โรงเรียนสิ้นสภาพมูลนิธิ แต่ยังทำเอกสารปลอมเบิกเงินอุดหนุนจากภาครัฐอยู่
3.จัดจ้างครูไม่ผ่านระบบตามหลักเกณฑ์ที่ครูกำหนด จ้างตามอำเภอใจ ญาติ เพื่อนเด็กฝาก โดยไม่จบครุศาสตร์ ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ
4.การทำบัญชีนักเรียนมากกว่ายอดที่มีนักเรียนจริง เพื่อขอรับเงินอุดหนุนจากภาครัฐ หรือเงินเด็กผี นักเรียนผี
5.การแถลงข่าวดังกล่าวได้เผยแพร่ผ่านสื่อ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ สื่อออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ อันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อภาพลักษณ์ และชื่อเสียงของโรงเรียน เกิดความวิตกกังวลของพ่อแม่ผู้ปกครอง ทำให้คนทั่วไปไม่ทราบข้อเท็จจริง ขอตำหนิ และประณามการกระทำดังกล่าวอย่างรุนแรงต่อกรณีข้อกล่าวหาดังกล่าว
ทางโรงเรียนจึงขอชี้แจงให้ทราบว่า ทางโรงเรียนบากงพิทยา ถูกเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทำการตรวจค้น จำนวน 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2560 เจ้าหน้าที่ตรวจค้นได้ยึดหลักฐาน และเอกสารสำคัญของโรงเรียนหลายรายการ โดยไม่มีการแจ้งรายละเอียด หรือจำนวนเอกสารให้โรงเรียนรับทราบ จนถึงปัจจุบัน ทางโรงเรียนไม่ได้รับเอกสารคืนแต่อย่างใด และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2561 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้น และยึดหลักฐานเอกสารสำคัญของโรงเรียน จำนวน 49 รายการ ตามบันทึกประจำวันของ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ข้อเท็จจริงทางด้านพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตามนโยบายการจัดการการศึกษา โรงเรียนบากงพิทยา ได้ผลิตนักเรียนออกสู่สังคมเป็นเวลา 30 ปี มีนักเรียนที่จบไปแล้วนับหมื่นคน นักเรียนที่จบจากโรงเรียนแห่งนี้ มีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคม จากโรงเรียนเล็กๆ ที่มีนักเรียนเพียง 164 คน เมื่อปี 2540 จนทำให้ผู้ปกครองส่งบุตรหลานเข้าโรงเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 1,207 คน ในปัจจุบันเดือนมกราคม 2561
โรงเรียนบากงพิทยา ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเยาวชนที่ชัดเจน จะมีผลการพัฒนาดีขึ้นเป็นลำดับ ดังนี้ ได้รับการคัดเลือกเป็นโรงเรียนต้นแบบกิจกรรมสหกรณ์ในปี 2550 ในการประกวดการนับการบันทึกบัญชีกิจกรรมสหกรณ์นักเรียน และการประกวดการจดบันทึกรายงานการประชุมในโครงการพระราชดําริ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นักเรียนผ่านการคัดเลือกไปศึกษาต่อในระดับสูงขึ้น ในสถาบันภายในประเทศ และต่างประเทศ และมีการดำเนินงานในโครงการตามพระราชดำริ 5 ด้าน ทั้งโครงการการเกษตรเพื่อโภชนาการ โครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษา โครงการฝึกอาชีพให้เด็ก โครงการส่งเสริมสหกรณ์นักเรียน และโครงการส่งเสริมสุขภาพอนามัยแม่และเด็ก
นอกจากนี้ โรงเรียนบากงพิทยา ยังได้รับการสนับสนุน และให้ความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ ทางเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ในการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนในโรงเรียนมาโดยตลอด อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยสันติสุขในพื้นที่เข้าไปตรวจเยี่ยม และตรวจสอบโรงเรียนอยู่เป็นระยะอย่างสม่ำเสมอ โรงเรียนบากงพิทยา ได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์วิทยาลัยการอาชีพปัตตานี และวิทยาลัยกาญจนาภิเษกปัตตานี มาจัดการเรียนการสอน และฝึกวิชาชีพแก่เด็กนักเรียนของโรงเรียนในรูปแบบหลักสูตรวิชาระยะสั้น โรงเรียนบากงวิทยา ได้วางแผนจะจัดให้นักเรียน เรียนพิเศษในระดับประถม และระดับมัธยมในปี 2561 เพื่อส่งเสริมความสามารถพิเศษ สู่ความเป็นเลิศทางวิชาการด้านสามัญ และศาสนาอีกด้วย
สำหรับข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับข้อกล่าวหา การแจ้งบัญชีเท็จยอดครู 121 คน จำนวนจริงในระบบมีเพียง 74 คน แต่เบิกจ่ายเงินอุดหนุนจากกระทรวงศึกษาธิการ 121 คน แจ้งเท็จ 47 คน สมมติคนละ 15,000 บาทต่อครู 1 คนต่อ 1 เดือน ทำให้รัฐเสียหาย 705,000 บาทต่อเดือน
ข้อเท็จจริงในด้านนี้ ในปี 2560 โรงเรียนบากงพิทยา เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มีนักเรียนทั้งสิ้น 1,207 คน มีครูสามัญ และครูสอนศาสนา 87 คน และบุคลากร 17 คน คณะกรรมการบริหาร 10 คน และกรรมการมูลนิธิ 7 คน รวมทั้งสิ้น 121 คน จากข้อมูลพื้นฐานดังกล่าวจึงได้รับอนุมัติเงินอุดหนุนจากภาครัฐ ดังนี้
เงินอุดหนุนรายหัวนักเรียนในแต่ละระดับตามอัตราที่กำหนดไว้ รวมทั้งสิ้น 1,453,946.28 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการในโรงเรียน เช่น ค่าจัดกิจกรรมพัฒนานักเรียน ค่าสาธารณสุข สาธารณูปโภค ค่าสื่อการเรียนการสอน ค่าอุปกรณ์ ค่าก่อสร้างอาคารสถานที่ ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาครู และบุคลากรอีกด้วย เงินอุดหนุนเงินเดือนครูที่ได้รับการบรรจุในอัตราของโรงเรียนตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงศึกษากำหนด เป็นครูผู้สอน 44 คน ครูบริหารและผู้บริหารโรงเรียน 3 คน รวม 47 คนเท่านั้น ไม่ใช่เบิก 121 คน ในระบบ 74 คน และแจ้งเท็จ 47 คน ตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
ข้อเท็จจริงในข้อกล่าวหาในการจัดทำบัญชีเท็จเบิกค่าเสี่ยงภัย การเบิกค่าเสี่ยงภัยทำให้รัฐเสียหาย จาก 47 คน คูณ 3,500 เท่ากับ 164,500 ต่อเดือน ข้อเท็จจริงคือ เงินค่าเสี่ยงภัยสำหรับครู โดยยึดตามเกณฑ์จำนวนนักเรียนในระบบ psis นักเรียน 30 คนต่อครู 1 คน ทางโรงเรียนมีนักเรียน 1,207 คน จะได้ครู 40 คน รวม 40 คน ก็จะมีค่าเสี่ยงภัยคนละ 2,500 บาทต่อเดือน เมื่อนำ 40 คน มาคูณ 2,500 บาท ก็เท่ากับ 100,000 บาทต่อเดือน รัฐจะเสียหายจาก 47 คูณ 3,500 บาท เท่ากับ 164,500 ต่อเดือน จึงเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงแต่อย่างใด
ข้อกล่าวหาที่โรงเรียนสิ้นสภาพมูลนิธิ แต่ยังทำเอกสารปลอมเบิกเงินอุดหนุนจากภาครัฐอยู่ ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โรงเรียนบากงพิทยา อยู่ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิเพื่อการศึกษาโรงเรียนบากงพิทยา มาโดยตลอด และได้รับการอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ ในวันที่ 28 กันยายน 2560 จึงมีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐถูกต้อง ตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ และไม่สิ้นสภาพของมูลนิธิแต่อย่างใด
ข้อกล่าวหาการจัดจ้างครูไม่ผ่านระบบตามหลักเกณฑ์ที่รัฐกำหนด จ้างตามอำเภอใจ ญาติ เพื่อนเด็ก ฝากโดยไม่จบครุศาสตร์ ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ข้อเท็จจริงโรงเรียนบากงพิทยา จ้างครูสามัญ และครูสอนศาสนา จำนวน 87 คน แยกเป็นผู้ที่มีวุฒิปริญญา จำนวน 52 คน วุฒิ ป.บัณฑิต จำนวน 17 คน วุฒิอนุปริญญา จำนวน 6 คน และวุฒิทางศาสนา จำนวน 12 คน ซึ่งมีใบประกอบวิชาชีพครู จำนวน 53 คน ยังไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู จำนวน 34 คน ครูพี่เลี้ยงที่ดูแลเด็กในระดับอนุบาลที่จบปริญญาตรี ได้รับการยกเว้น ไม่จำเป็นต้องมีใบประกอบวิชาชีพครู จำนวน 9 คน ซึ่งทุกคนได้คัดเลือกจากผู้สมัครที่มีคุณสมบัติ ไม่ได้จ้างตามอำเภอใจ หรือเป็นเครือญาติตามที่กล่าวหาแต่อย่างใด
ข้อกล่าวหาการทำบัญชีนักเรียน เช็กยอดนักเรียนมากกว่ายอดที่มีเรียนจริง เพื่อขอรับเงินอุดหนุนจากภาครัฐ เด็กผี หรือนักเรียนผี ข้อเท็จจริงโรงเรียนบากงพิทยา ดำเนินการตรวจสอบการมีตัวตนที่มีอยู่ของนักเรียนทุกคนตามระบบ การแก้ปัญหาเด็กซ้ำซ้อนของกระทรวงศึกษาธิการมาโดยตลอดทุกปี หากตรวจพบกรณีเด็กซ้ำซ้อน ทางโรงเรียนก็ได้ส่งเงินชดเชยใช้ให้แก่หน่วยงานคืนต้นสังกัดไปแล้ว จึงไม่มีเด็กผี หรือนักเรียนผีตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
ทางโรงเรียนบากงพิทยา จึงอยากขอความเป็นธรรมจากการถูกกล่าวหา และขอให้หน่วยงานความมั่นคง และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้กรุณาหยุดกล่าวหา ยุติการกล่าวหา ขุดคุ้ยการเชื่อมโยงกับเรื่องที่ไม่เป็นมงคล และไม่สร้างสรรค์ อันจะเป็นการทำลายขวัญ และกำลังใจของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนอีก
“ตอนนี้ทางโรงเรียนยังไม่ได้รับหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด ก็ยังรออยู่ว่าจะมาวันไหน จะได้ไปชี้แจงเพื่อให้สังคมรับทราบ” ผู้บริหารโรงเรียนบากงพิทยา กล่าว