xs
xsm
sm
md
lg

คุณยายวัยดึกสู้ไม่ถอยศึก ถูกนายตำรวจบุกยึดที่ดินกว่า 30 ไร่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สุราษฎร์ธานี - คุณยายวัยดึกสู้ไม่ถอย นำตำรวจ พร้อมฝ่ายปกครองบุกจับพม่า คนของอดีตนายตำรวจที่นำกำลังเข้ายึดที่ดิน สวนปาล์ม กว่า 30 ไร่ เผยถูกรุกรานหนักจนทนไม่ไหว ประกาศเดินหน้าสู้ถึงที่สุด

จากรณีเมื่อวันที่ 25 ม.ค.2561 นางบุญพา หรือพุฒ มีเดช อายุ 85 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112/103 หมู่ที่ 18 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ได้รุดเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชาการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.มโนช จันทร์คีรี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 45 และ พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมข้อเรียกร้องขอความเป็นธรรม และขอการคุ้มครองความปลอดภัย

หลังถูกนายตำรวจยศร้อยตำรวจโท สังกัด สภ.ท่าชนะ ใช้อำนาจในหน้าที่ และใช้อำนาจเถื่อนพร้อมอาวุธปืนข่มขู่เอาชีวิต หลังนายตำรวจคนดังกล่าวนำครอบครัวบุกเข้ายึดที่สวนยาง ทุเรียน ปาล์มน้ำมันที่กำลังให้ผลผลิต จำนวน 33 ไร่ ต่อมา คุณยายถูกคนร้าย จำนวน 3 คน บุกเข้าปล้นบ้าน ถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส เสียเงินสดไป 750,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 6 บาท จึงขอให้ผู้นำ 3 หน่วยงานช่วยดำเนินการให้นำนายตำรวจ พร้อมครอบครัวออกจากพื้นที่สวนของตน ประกอบกับคนที่ถูกตนร้องเรียนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเรียกร้องขอให้ผู้บังคับบัญชาย้ายการปฏิบัติหน้าที่ของนายตำรวจคนดังกล่าวออกจากอำเภอท่าชนะ พร้อมขอกำลังคุ้มครองดูแลความปลอดภัย เนื่องจากตนเป็นคนแก่อยู่บ้านเพียงคนเดียว

ต่อมา นายตำรวจคนดังกล่าวได้ยื่นหนังสือลาออกจากทางราชการต่อ พ.ต.อ.ทักษิน ศิริโภคพัฒน์ ผกก.สภ.ท่าชนะ พ.ต.อ.ทักษิน ศิริโภคพัฒน์ ผกก.สภ.ท่าชนะ ได้เซ็นอนุมัติไปแล้วเช่นกัน พร้อมกันนี้ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลคุ้มครองความปลอดภัยผู้เสียหาย

ล่าสุด ในวันนี้ (5 มี.ค.) นางบุญพา หรือพุฒ มีเดช ได้นำ ด.ต.ชนินท์ นิลทับ เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำป้อมคลองสงค์ และเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจอำเภอท่าชนะ ที่มี นายพลกฤต สุดสวาทดิ์ ปลัดป้องกันอำเภอท่าชนะ เป็นหัวหน้าชุด เข้าจับกุมผู้บุกรุกเข้ายึดครองสวนปาล์มน้ำมัน ทุเรียน และยางพาราแปลงพิพาทดังกล่าว เมื่อทางเจ้าหน้าที่เข้าไปถึงพบประตูบ้านถูกล็อกจากด้านในเมื่อเรียกไม่ใครมาเปิด จึงได้นำบันใดไม้ไผ่มาพาดหน้าต่างตัวบ้านชั้น 2 พบมีคนนอนหลับอยู่ จึงได้จู่โจมเข้าจับกุมตัว และนำตัวมาทำการสอบสวน

ในเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนชื่อ โจตาวา อายุ 32 ปี เป็นชาวพม่า ชนชาติกะเหรี่ยง หลบหนีเข้าเมืองมาอยู่เมืองไทยเป็นเวลาปีกว่า และถูกนายปืน ลูกชายอดีตนายตำรวจคนดังกล่าวเข้ามาดูแลในสวน โดยมี นายปืน และบิดา เข้ามาเป็นครั้งคราว ล่าสุด เข้ามาตัดผลทุเรียนออกไปเมื่อ 2 วันก่อน ส่วนผลทุเรียน 4 ลูก นายโจตาวา ยอมรับว่าตนเองเป็นผู้ปีนต้นทุเรียนตัดลงมาเอง

ในเวลาต่อมา พ.ต.อ.ทักษิน ศิริโภคพัฒน์ ผกก.สภ.ท่าชนะ ทราบเรื่อง ได้ส่ง พ.ต.ท.อรรวุฒิ สุทธิวิริยาภรณ์ สวป.พร้อมด้วย ร.ต.อ.ดนัย จันทร์กลั่น พนักงานสอบสวนเข้าพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และควบคุมตัว นายโจตาวา ไปดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต และในข้อหาลักทรัพย์ของผู้มีอาชีพทางการเกษตร

ด้าน นางบุญพา หรือพุฒ มีเดช ได้ระบุว่า ตนเข้ามาดูสวนเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 พบมีต้นทุเรียนจำนวนกว่า 50 ต้น จากต้นทุกเรียน จำนวน 100 กว่าต้น ที่อยู่ในสวนกำลังให้ผลผลิต นอกจากนั้น ยังมีต้นปาล์มน้ำมันกำลังออกลูกเช่นเดียวกัน แต่หลังจากตนกลับออกไปมีคนไปบอกกับตนว่า อย่าเข้าไปในสวนอีกจะมีคนทำร้าย

แต่ได้ปรึกษากับผู้นำชุมชน และติดต่อไปยังหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วันนี้จึงได้ตัดสินใจนำเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ถึงแม้ว่าไม่อยากจะทำแต่ก็จำเป็น เนื่องจากที่ดินสวนดังกล่าวตนซื้อมาด้วยเงินสดกว่า 4 ล้านบาท แต่ถูกคนที่เคยเอ็นดู และให้ความช่วยเขากลับมาทำร้ายยึดทรัพย์สินของตนไปแสวงหาผลประโยชน์ อาจถึงตายได้ ด้วยความหวาดกลัวจึงไม่ได้เข้าไป

สำหรับเรื่องที่ดินแปลงนี้ตนก็มอบหมายให้ทนายความดำเนินการยื่นฟ้องคดีแพ่ง ต่อศาลจังหวัดไชยา โดยศาลได้ประทับรับฟ้องเป็นคดีดำ ที่ 49/2561 ศาลนัดไกล่เกลี่ยในวันที่ 23 เม.ย. 61 นี้ แต่วันนี้พบว่าคู่กรณียังไม่หยุดราวี ยังคงเดินหน้าทำความเสียหายให้แก่ตน โดยส่งพม่าเข้ามาอยู่ในสวน และยังมีการข่มขู่ทำร้ายอีก นอกจากนั้น ยังมีการลักลอบตัดผลทุเรียนไปแล้วกว่า 30 ต้น ส่วนผลปาล์มน้ำมัน ก็ถูกตัดไปจนหมดเช่นเดียวกัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้ตนได้รับความเสียหายซ้ำซาก จึงทำให้เรื่องที่จะมีการพูดจาประนีประนอมกันคงเป็นไปได้ยาก ตนจะให้ทนายความดำเนินการถึงที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น