สุราษฎร์ธานี - คืบหน้ากรณียาย อายุ 85 ปี ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถูกนายตำรวจยศร้อยตำรวจโท สังกัด สภ.ท่าชนะ โกงที่ดินสวนยาง สวนปาล์มน้ำมัน และสวนทุเรียน 33 ไร่ และถูกปล้น 3 ครั้ง ทรัพย์สินสูญไปเกือบล้านบาท ล่าสุด พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุ ด้านพนักงานสอบสวนระบุไม่พบดีเอ็นเอ และรอยนิ้วมือแฝงของคนร้าย แต่การออกหมายจับสามีหนุ่มของผู้เสียหายเพราะมีพยานหลักฐาน ด้านนายตำรวจคู่คดีได้ลาออกจากราชการแล้ว
จากกรณี นางบุญพา (พุฒ) มีเดช อายุ 85 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112/103 หมู่ที่ 18 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ยื่นหนังสือถึง นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชาการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.มโนช จันทร์คีรี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 45 ค่ายวิภาวดีรังสิต และ พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม และขอการคุ้มครองความปลอดภัย เนื่องจากถูกนายตำรวจยศร้อยตำรวจโท สังกัด สภ.ท่าชนะ ใช้อำนาจในหน้าที่ และใช้อำนาจเถื่อนนำครอบครัวบุกเข้ายึดที่สวนยาง ทุเรียน และปาล์มน้ำมันที่กำลังให้ผลผลิต จำนวน 33 ไร่ พร้อมพูดจาข่มขู่เอาชีวิต
โดยหลังจากมีเหตุกับนายตำรวจคนดังกล่าวตนถูกคนร้ายบุกเข้าปล้นบ้านถึง 3 ครั้ง และถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส เสียเงินสดไป 750,000 สร้อยคอทองคำหนัก 6 บาท จึงขอเรียกร้องให้ผู้นำ 3 หน่วยงานช่วยดำเนินการให้นำนายตำรวจพร้อมครอบครัวออกจากพื้นที่สวนของตน และประกอบกับคนที่ถูกตนร้องเรียนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จึงเรียกร้องขอให้ผู้บังคับบัญชาย้ายการปฏิบัติหน้าที่ของนายตำรวจคนดังกล่าวออกจากอำเภอท่าชนะ รวมทั้งขอกำลังคุ้มครองดูแลความปลอดภัย เนื่องจากตนเป็นคนแก่อยู่บ้านเพียงคนเดียวเกรงจะไม่มีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุที่เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ตั้งอยู่เลขที่ 112/103 หมู่ที่ 18 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ของ นางบุญพา (พุฒ) มีเดช ที่เป็นบ้านเกิดเหตุ โดย นางบุญพา ได้พาชี้จุดเกิดเหตุต่างๆ ที่คนร้ายใช้บันไดไม้ไผ่พาดหลังคา และถอดกระเบื้องหลังคาออกแล้วปีนลงไปรื้อค้นตะกร้าใส่ผ้า งัดลิ้นชักโต๊ะบัญชี งัดประตูตู้โชว์ และทุบกระจกตู้แตก
โดย นางบุญพา ระบุว่า จดจำผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน ได้อย่างชัดเจน เนื่องจาก 1 ในคนร้ายที่เป็นนายตำรวจคนดังกล่าวเข้ามาเปิดสวิตช์ไฟฟ้าภายในบ้านทุกดวง พร้อมสั่งลูกน้อง 2 คน ที่มาด้วยให้รื้อค้นให้ดีๆ เงินสด และทรัพย์สินซุกซ่อนอยู่ในตู้ และโต๊ะ และในตะกร้าใส่ผ้า ซึ่งคนร้ายอีก 2 คน ตนก็จำได้เป็นคนเคยมารับจ้างตัดกรีดยางในสวนของตนเอง ซึ่งได้ให้รายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่กลับไปออกหมายจับนายวิชาญ สามีของตน ทำให้สามีของตนต้องหลบหนีออกจากพื้นที่ เนื่องจากเกรงความไม่ปลอดภัย จึงอยากขอให้ทุกฝ่ายให้ความเป็นธรรมด้วย
ด้าน พ.ต.ท.อัตพล เขมานุวงศ์ รอง ผกก.สืบสวน สภ.ท่าชนะ เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวได้รับแจ้งเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2559 จากการตรวจสอบ และจัดเก็บพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในที่เกิดเหตุ ไม่พบดีเอ็นเอ หรือรอยนิ้วมือแฝงของคนร้าย แต่การสอบสวนมีพยานบุคคลยืนยันว่า เห็นสามีผู้เสียหายแบกบันไดไม้ไผ่ จึงคาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต่อคดี จึงขออำนาจศาลออกหมายจับ แต่ผู้ต้องหาได้หลบหนีออกจากพื้นที่ ปัจจุบัน ยังจับกุมตัวไม่ได้ ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นกลางเดือนธันวาคม 2560 ตามผู้เสียหายอ้างนั้นยังไม่มีการแจ้งความแต่อย่างใด
ล่าสุด มีข่าวลือว่า นายตำรวจคนดังกล่าวได้เข้าไปยื่นหนังสือลาออกจากทางราชการ ต่อ พ.ต.อ.ทักษิณ ศิริโภคพัฒน์ ผกก.สภ.ท่าชนะแล้ว เมื่อวานนี้ (26 ม.ค.)
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปทาง พ.ต.อ.ทักษิณ ศิริโภคพัฒน์ ผกก.สภ.ท่าชนะ ซึ่งได้รับการยืนยันว่า ร.ต.ท.ถาวโรจน์ จันทร์เพชรคง หรือ หมวดโรจน์ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากทางราชการ เมื่อวันที่ 25 ม.ค.2561 โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้เกิดความสบายใจของผู้บังคับบัญชา ซึ่งตนได้เซ็นอนุมัติไปในวันเดียวกัน