ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “คุณลุงจรร” วัย 65 ปี ดูแลรักษาป่า 12 ไร่ มากว่า 40 ปี ยันไม่ตัดไม่ขาย หวังเป็นที่อาศัยของสัตว์ป่า และตกเป็นมรดกของลูกหลาน เผยมีความสุข และภูมิใจ เพราะอาจเป็นป่าเพียงผืนเดียวที่มีอยู่ในละแวกใกล้เคียง อนาคตจะปรับให้เป็นเส้นทางสำหรับนักปั่นฯ ที่สนใจศึกษา และอนุรักษ์ธรรมชาติ
วันนี้ (1 มี.ค.) นายจรรยา แก้วใจ หรือลุงจรร อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/1 หมู่ 3 ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา จ.สงขลา เปิดเผยว่า ตนเองได้อนุรักษ์ป่าไว้ จำนวน 12 ไร่เศษ ในพื้นที่ ม.2 ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา จ.สงขลา ขณะที่พื้นที่โดยรอบได้ถูกแผ้วถางเปลี่ยนสภาพเป็นสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมัน
สำหรับพื้นที่ดังกล่าวตกทอดมาถึงตัวเอง เพราะเป็นมรดกของพ่อภรรยายกให้เมื่อประมาณ 40 ปีที่ผ่านมา ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนรักธรรมชาติ รักป่า รักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ จึงทำการดูแลป่าผืนนี้ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ซึ่งมีต้นไม้ต่างๆ เช่น ไม้พะยอม ไม้เมา ไม้พะวา ไม้งาใส ต้นกะพ้อ และหวายพันธุ์ต่างๆ รวมถึงได้เขียนป้ายขอความร่วมมือไม่ให้ล่าสัตว์ในป่าแห่งนี้ด้วย
“ป่าผืนนี้น่าจะมีอายุกว่า 100 ปี เพราะตั้งแต่ลุงจำความได้ก็เห็นป่านี้อยู่แล้ว แต่ต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่มากนัก ต้นใหญ่ๆ ก็ขนาด 2 คนโอบ ซึ่งรวมๆ ก็ประมาณ 200-300 ต้น เมื่อตอนที่ลุงเริ่มเข้ามาดูแลใหม่ๆ เพื่อนบ้านหลายคนพากันหัวเราะ พร้อมทั้งบอกว่า จะอนุรักษ์ไปทำไม แต่ลุงไม่สนใจ เพราะมีความชอบเป็นการส่วนตัว และมีความสุข เกิดเป็นความภาคภูมิใจเป็นที่สุดที่รักษาผืนป่าไว้ได้ คงจะมีเพียงไม่กี่แห่ง หรืออาจเป็นป่าเพียงผืนเดียวที่ยังมีเหลืออยู่ในหมู่บ้านหรือใกล้เคียง” ลุงจรร กล่าว
ซึ่งลุงยืนยันว่า ป่าแห่งนี้จะไม่มีการตัด หรือขายไม้อย่างเด็ดขาด แม้จะเคยมีคนมาขอซื้อก็ตาม เพราะตั้งใจไว้ว่าจะให้อยู่เป็นสมบัติตกทอดถึงชั้นลูกหลาน ให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าจำพวกกระรอก ไก่ป่า นกต่างๆ แม้เราจะตายไปป่าก็ยังคงอยู่
ในสมัยก่อนก็มีคนมาลักลอบตัดไม้ และหาของป่าบ้าง แต่ปัจจุบันนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะปัญหาเหล่านี้ลดน้อยลง เนื่องจากมีการรณรงค์เกี่ยวกับการรักษาป่าให้ทุกคนได้เห็นประโยชน์ของป่า อยากจะให้เยาวชน หรือคนรุ่นใหม่ๆ ได้เห็นความสำคัญ เนื่องจากผืนป่าในบ้านเราลดน้อยลงไปทุกปี ทั้งจากการบุกรุกแผ้วถางทำสวน และอื่นๆ
ในส่วนของลุงได้ปลูกป่าเพิ่มอีก จำนวน 6 ไร่ ในเนื้อที่ของตัวเอง ประกอบด้วย ต้นกันเกรา พะยอม พะยูง ซึ่งหวังเพิ่มเป็นป่าผืนใหม่ และอนาคตจะปรับปรุงทำเส้นทางสำหรับนักปั่นจักรยานเพื่อการออกกำลังกาย และผู้ที่สนใจศึกษาธรรมชาติให้ได้มาเที่ยวชมผืนป่าแห่งนี้ต่อไป