สตูล - ปราชญ์ชาวบ้านในพื้นที่ อ.เมืองสตูล “เดินตามรอยพ่อ” เนรมิตที่ดิน 3 ห้อง เลี้ยงชีพได้จริง ทั้งเลี้ยงสัตว์ ปลูกผัก แถมยังทำระบบหมุนเวียนใช้เป็นก๊าซหุงต้มภายในบ้าน พร้อมส่งต่อสู่ชุมชน และสังคม
วันนี้ (9 ม.ค.) พื้นที่เพียงน้อยนิด หากมีการจัดสรรไว้อย่างลงตัวก็สามารถเพิ่มมูลค่าได้มหาศาล อย่างกรณีของ ลุงรัส นายบุญสิน เรืองสุข วัย 54 ปี ได้เปลี่ยนพื้นที่ว่างรอบบ้านปลูกผัก ไม้ดอกไม้ประดับ เลี้ยงกบ เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา เต็มอัตราพื้นที่ 3 ห้อง หรือประมาณ 1 งาน บริเวณบ้านซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล สร้างความสุขบนความพอเพียงตามรอยพ่อหลวง รัชกาลที่ ๙ พร้อมต่อยอดโค่นยางพารา บนพื้นที่ 7 ไร่ ปลูกใหม่ แต่แซมด้วยพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ด้วย อย่างกาแฟ และการเลี้ยงหมูหลุม ตอนนี้ทำไว้ 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว คาดจะสมบูรณ์เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในปี 2562
ลุงรัส เดินพาชมผลงานความสำเร็จด้วยความภูมิใจ ทั้งการให้ดอกออกผลของพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ ไปจนถึงความเติมโตของกบ ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงสร้างรายได้ให้ครอบครัว ลุงรัส กล่าวว่า การเลี้ยงกบไม่ยาก ง่ายกว่าการเลี้ยงปลาดุกด้วยซ้ำไป ตอนนี้ได้แยกการเลี้ยงเป็น 3 รูปแบบ คือ เลี้ยงในล้อยาง โดยการวางล้อจากซ้อนกัน 3 วง เหมือนตึก 3 ชั้น ตรงพื้นชั้นล่างสุดจะปูพื้นทำท่อสำหรับถ่ายน้ำออก ตรงนี้จะเลี้ยงประมาณ 60 ตัว อีกแบบคือ เลี้ยงในท่อซีเมนต์ ประมาณ 100 ตัว และเลี้ยงในบ่อจุได้เกือบ 400 ตัว ซึ่งภายในบ่อนี้จะเลี้ยงปลาดุกด้วย 20 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่
โดยปกติกบซึ่งเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำจะไม่อยู่ในน้ำตลอดเวลา จึงจัดโฟมลอยน้ำไว้ให้กบขึ้นมาพัก หลักสำคัญของการเลี้ยงกบจำเป็นต้องคัดแยกไซส์ หรือขนาดของกบ และควรให้อาหารเป็นเวลา ย้ำว่าต้องตรงเวลา ไม่อย่างนั้นกบจะกินกันเอง สำหรับกบที่เลี้ยงปกติจะให้อาหารวันละ 2 เวลา เช้ากับเย็น เฉลี่ยแล้วเลี้ยงกบ 600 ตัว ให้อาหารวันละ 3 กิโลกรัม ซึ่งอาหารที่ใช้ก็คืออาหารปลาดุก
สำหรับตลาดก็ถือว่าดี แม้พื้นที่โดยรอบเป็นชุมชนมุสลิม แต่ตลาดยังมีความต้องการเพราะคนส่วนใหญ่ไม่นิยมเลี้ยง จะเลือกใช้วิธีหาตามธรรมชาติ ซึ่งบางเวลาก็ไม่มี ขณะที่ตลาดต้องการ นี่แหละที่มาในการเลี้ยงกบของลุงรัส
นอกจากกบแล้ว ลุงรัส ยังแบ่งพื้นที่เลี้ยงไก่รวมกัน 3 สายพันธุ์ ให้ไข่ทุกวัน ส่วนมูลไก่ก็นำไปทำก๊าซใช้แทนก๊าซหุงต้ม ซึ่งวันนี้ภรรยาของลุงรัส ยังเจียวไข่ ซึ่งลุงรัส ไปเก็บสดๆ มาจากเล้า ทอดโดยใช้ไฟจากก๊าซที่ทำไว้ให้ได้ชิมกันสดๆ ระบบหมุนเวียนยังไม่จบแค่การนำก๊าซมาใช้เท่านั้น แต่ส่วนที่เหลือจากก๊าซ ลุงยังนำมาใช้รดน้ำผักสวนครัวซึ่งปลูกไว้รอบๆ บ้าน ร่วมกับน้ำหมักชีวภาพที่ทำไว้ทำให้ได้ผักสวยงาม
ลุงรัส บอกว่า ตั้งแต่ทำเกษตรพอเพียงที่บ้านแล้ว ทุกวันนี้ก็ไม่กังวลเรื่องราคาแก๊สหุงต้มราคาสูง หรือราคายางพาราตกต่ำ เพราะทุกวันนี้แทบจะไม่ต้องซื้อกับข้าวเลย มีหมดทั้งไก่ ไข่ ผัก ปลา จะเสียเงินบ้างก็ตอนอยากกินเนื้อวัว หรืออะไรที่ไม่มีในสวนเท่านั้น
นอกจากผลผลิตที่ได้เหลือกินเหลือใช้จากครัวเรือนแล้ว ผลผลิตที่มียังมากพอที่จะเป็นรายได้ให้แก่ครอบครัว ในส่วนของกบ ก็จะขายในราคา 100-150 บาท ขนาด 5-6 ตัวต่อกิโลกรัม ส่วนนี้ก็จะขายตัวเป็นๆ หรือจะให้แปรรูปเป็นเมนูผัดเผ็ด ก็จะทำให้ลูกค้า ซึ่งจะได้ราคาสูงขึ้นอีก ส่วนไม้ประดับ ก็มีลูกค้าเข้ามาหาซื้ออยู่บ่อยๆ ตั้งแต่ราคาต้นละ 50-150 บาท ไม้ผลก็เพาะพันธุ์ไว้หลายชนิด เช่น มะนาว มัลเบอร์รี่ ขนุน กาแฟ ราคามีตั้งแต่ต้นละ 35 บาท ไปจนถึงต้นละ 500 บาทเลยทีเดียว
ความสำเร็จจากการตามรอยเศรษฐกิจพอเพียง จะไม่สมบูรณ์หากไม่มีการส่งต่อ ในส่วนนี้ ลุงรัส นายบุญสิน เรืองสุข บอกว่า ทางสวนเปิดให้คนที่สนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้ ซึ่งก็มีนักเรียน นักศึกษาเข้ามาเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้แล้ว ก็ยังนำความรู้ตรงนี้ส่งต่อไปยังผู้สนใจด้วยการเป็นวิทยากรให้ความรู้สู่ชุมชน สังคมตามโครงการต่างๆ ที่ภาครัฐทำ ก็ทำให้คนที่นึกคิดไม่ออกว่าจะทำอาชีพอะไรได้พอมีทางออกบ้าง
สำหรับ นายบุญสิน เรืองสุข ได้มีโอกาสทำงานเพื่อสังคมหลายอย่าง โดยได้รับเกียรติให้เป็นผู้นำสัมมาชีพชุมชน หรือปราชญ์ชาวบ้าน เป็นหมอดินอาสา เป็น อสม. เป็นอาสาปศุสัตว์ และเป็นอาสาพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.)
“ไม่ว่าจะทำอะไร หากขาดความสนใจ ความใส่ใจก็จะไปไม่รอด” ลุงรัส กล่าวทิ้งท้าย