ศูนย์ข่าวภูเก็ต - แชร์กันสนั่น! คลิปนักท่องเที่ยวคลุ้มคลั่งเดินแก้ผ้าภายในสนามบินภูเก็ต ขณะท่าอากาศยานแจ้งขั้นตอนดำเนินการส่งเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมเหตุคลั่งหนักขว้างอุจจาระใส่ หลังเกิดเหตุนำตัวสอบอ้างกินยาปลุกเซ็กซ์เกินขนาด ด้านท่าอากาศยานภูเก็ต ออกจดหมายแจงไม่ทำเกินกว่าเหตุ หลังถูกโซเชียลตำหนิ
จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ และแชร์คลิปวิดีโอนักท่องเที่ยวชายกำลังเดินแก้ผ้าในพื้นที่ของสนามบินแห่งหนึ่ง และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานฯ พยายามช่วยกันควบคุมนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวไว้ด้วยความทุลักทุเล จนสามารถควบคุมตัวได้ และนำตัวมานั่งสงบสติอารมณ์ และตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนที่ส่งตัวให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาคู รับตัวไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการโพสต์คลิปดังล่าวออกไปทำให้มีการวิพากวิจารณ์ถึงการทำงานของท่าอากาศยานภูเก็ตเป็นอย่างมาก ทั้งวิธีการทำงาน และอื่นๆ จนกระทั่งล่าสุด เมื่อเวลา 10.15 น. วันนี้ (7 ม.ค.) ส่วนกิจการพิเศษและมวลชนสัมพันธ์ท่าอากาศยานภูเก็ต ได้ส่งหนังสือชี้แจงเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียล โดยระบุว่า ตามที่ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ จำนวน 2 คลิป และข้อความในลักษณะตำหนิท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) เกี่ยวกับการเข้าจับกุมผู้โดยสารที่คลุ้มคลั่งของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานฯ ดังกล่าวนั้น
ทางท่าอากาศยานภูเก็ต ขอชี้แจงรายละเอียดให้ทราบดังนี้ คลิปภาพดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ท่าอากาศยานภูเก็ตจริง โดยเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2561 เวลาประมาณ 23.00 น. ศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศฯ ได้รับแจ้งว่า มีผู้โดยสารชายผิวขาว รูปร่างสันทัด เกิดอาการคลุ้มคลั่งเดินเปลือยกายบริเวณหน้าห้องน้ำ หลังจุดตรวจค้นสัมภาระติดตัวผู้โดยสาร ห้องพักผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศฯ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จำนวน 6 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาคู เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงได้เข้าไปยังที่เกิดเหตุเพื่อควบคุมสถานการณ์ เมื่อถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าสังเกตการณ์พฤติกรรม และพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผู้โดยสารเกิดความสงบ
แต่ผู้โดยสารกลับเกิดความคลุ้มคลั่งถ่ายอุจจาระ และพยายามนำอุจจาระขว้างใส่เจ้าหน้าที่ และผู้โดยสารอื่นๆ บริเวณใกล้เคียง รวมทั้งได้ขว้างสิ่งของเพื่อทำลายทรัพย์สินท่าอากาศยานฯ และร้านค้าต่างๆ บริเวณใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องเข้าจับกุมเพื่อควบคุมสถานการณ์ และป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้โดยสารท่านอื่น และความเสียหายต่างๆ ของทรัพย์สิน รวมถึงภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ โดยได้พยายามนำตัวไปยังแนวทางเดินด้านหน้าห้องน้ำทิศเหนือเพื่อไม่ให้ผู้โดยสารท่านอื่นเกิดความแตกตื่น แต่เนื่องจากผู้โดยสารไม่ได้สวมเสื้อผ้า ทำให้ยากต่อการจับกุม
ภายหลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวชายคนดังกล่าวไปสงบสติอารมณ์บริเวณศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชั้น 1 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศฯ ซึ่งจากการตรวจสอบทราบภายหลัง ว่า ชายคนดังกล่าวเป็นชาวเกาหลีใต้ ถือหนังถือเดินทางประเทศสหรัฐอเมริกา และจากการสอบถามทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้รับประทานยาปลุกอารมณ์ทางเพศเกินขนาดจนทำให้เกิดความคลุ้มคลั่ง ไม่รู้สึกตัว และยินดีชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทางท่าอากาศยานภูเก็ต จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินเพื่อยกเลิกการเดินทาง และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาคู นำตัวไปยัง สภ.สาคู เพื่อดำเนินการสอบสวนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทางการท่าอากาศยานภูเก็ต ขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายในการใช้ความรุนแรงในการเข้าจับกุมผู้โดยสารในทุกกรณี โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยฯ ทุกคนได้รับการอบรมหลักสูตรต่างๆ ตามมาตรฐานสากลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีเครือข่ายในการประสานงานการเข้าจับกุมผู้โดยสารอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ตำรวจท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บริษัทการบิน รวมถึงสถานกงสุล และสถานทูตของประเทศต่างๆ เพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามหลักสากล
ทั้งนี้ ท่าอากาศยานภูเก็ต ให้ความสำคัญเกี่ยวกับด้านการรักษาความปลอดภัยเป็นอันดับแรกตามนโยบาย “ปลอดภัยคือมาตรฐาน บริการคือหัวใจ” ของบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หากพบเห็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยฯ ที่ประจำอยู่ทั่วบริเวณ ทภก.หรือแจ้งไปยังศูนย์รักษาความปลอดภัยฯ หมายเลขโทรศัพท์ 0-7635-1191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามยังแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ ทราบว่า นักท่องเที่ยวคนดังกล่าว อายุ 27 ปี เป็นชาวเกาหลีใต้ ถือหนังสือเดินทางประเทศอเมริกา เป็นผู้โดยสารของสายการบิน จินแอร์ เที่ยวบิน LJ72 และจะออกเดินทางจากภูเก็ต ไปยังสนามบินอินชอน ในเวลา 23.30 น.ของวันที่ 4 มกราคม 2561 ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาคู รับตัวมาหลังเกิดเหตุ และพบว่า อาการไม่สู้ดี จึงได้มีการนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบร่างกาย และวินิจฉัยหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งดังกล่าว ก่อนที่จะตัวมาเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายต่อไป
จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ และแชร์คลิปวิดีโอนักท่องเที่ยวชายกำลังเดินแก้ผ้าในพื้นที่ของสนามบินแห่งหนึ่ง และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานฯ พยายามช่วยกันควบคุมนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวไว้ด้วยความทุลักทุเล จนสามารถควบคุมตัวได้ และนำตัวมานั่งสงบสติอารมณ์ และตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนที่ส่งตัวให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาคู รับตัวไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการโพสต์คลิปดังล่าวออกไปทำให้มีการวิพากวิจารณ์ถึงการทำงานของท่าอากาศยานภูเก็ตเป็นอย่างมาก ทั้งวิธีการทำงาน และอื่นๆ จนกระทั่งล่าสุด เมื่อเวลา 10.15 น. วันนี้ (7 ม.ค.) ส่วนกิจการพิเศษและมวลชนสัมพันธ์ท่าอากาศยานภูเก็ต ได้ส่งหนังสือชี้แจงเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียล โดยระบุว่า ตามที่ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ จำนวน 2 คลิป และข้อความในลักษณะตำหนิท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) เกี่ยวกับการเข้าจับกุมผู้โดยสารที่คลุ้มคลั่งของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานฯ ดังกล่าวนั้น
ทางท่าอากาศยานภูเก็ต ขอชี้แจงรายละเอียดให้ทราบดังนี้ คลิปภาพดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ท่าอากาศยานภูเก็ตจริง โดยเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2561 เวลาประมาณ 23.00 น. ศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศฯ ได้รับแจ้งว่า มีผู้โดยสารชายผิวขาว รูปร่างสันทัด เกิดอาการคลุ้มคลั่งเดินเปลือยกายบริเวณหน้าห้องน้ำ หลังจุดตรวจค้นสัมภาระติดตัวผู้โดยสาร ห้องพักผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศฯ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จำนวน 6 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาคู เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงได้เข้าไปยังที่เกิดเหตุเพื่อควบคุมสถานการณ์ เมื่อถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าสังเกตการณ์พฤติกรรม และพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผู้โดยสารเกิดความสงบ
แต่ผู้โดยสารกลับเกิดความคลุ้มคลั่งถ่ายอุจจาระ และพยายามนำอุจจาระขว้างใส่เจ้าหน้าที่ และผู้โดยสารอื่นๆ บริเวณใกล้เคียง รวมทั้งได้ขว้างสิ่งของเพื่อทำลายทรัพย์สินท่าอากาศยานฯ และร้านค้าต่างๆ บริเวณใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องเข้าจับกุมเพื่อควบคุมสถานการณ์ และป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้โดยสารท่านอื่น และความเสียหายต่างๆ ของทรัพย์สิน รวมถึงภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ โดยได้พยายามนำตัวไปยังแนวทางเดินด้านหน้าห้องน้ำทิศเหนือเพื่อไม่ให้ผู้โดยสารท่านอื่นเกิดความแตกตื่น แต่เนื่องจากผู้โดยสารไม่ได้สวมเสื้อผ้า ทำให้ยากต่อการจับกุม
ภายหลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวชายคนดังกล่าวไปสงบสติอารมณ์บริเวณศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชั้น 1 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศฯ ซึ่งจากการตรวจสอบทราบภายหลัง ว่า ชายคนดังกล่าวเป็นชาวเกาหลีใต้ ถือหนังถือเดินทางประเทศสหรัฐอเมริกา และจากการสอบถามทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้รับประทานยาปลุกอารมณ์ทางเพศเกินขนาดจนทำให้เกิดความคลุ้มคลั่ง ไม่รู้สึกตัว และยินดีชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทางท่าอากาศยานภูเก็ต จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินเพื่อยกเลิกการเดินทาง และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาคู นำตัวไปยัง สภ.สาคู เพื่อดำเนินการสอบสวนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทางการท่าอากาศยานภูเก็ต ขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายในการใช้ความรุนแรงในการเข้าจับกุมผู้โดยสารในทุกกรณี โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยฯ ทุกคนได้รับการอบรมหลักสูตรต่างๆ ตามมาตรฐานสากลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีเครือข่ายในการประสานงานการเข้าจับกุมผู้โดยสารอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ตำรวจท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บริษัทการบิน รวมถึงสถานกงสุล และสถานทูตของประเทศต่างๆ เพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามหลักสากล
ทั้งนี้ ท่าอากาศยานภูเก็ต ให้ความสำคัญเกี่ยวกับด้านการรักษาความปลอดภัยเป็นอันดับแรกตามนโยบาย “ปลอดภัยคือมาตรฐาน บริการคือหัวใจ” ของบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หากพบเห็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยฯ ที่ประจำอยู่ทั่วบริเวณ ทภก.หรือแจ้งไปยังศูนย์รักษาความปลอดภัยฯ หมายเลขโทรศัพท์ 0-7635-1191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามยังแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ ทราบว่า นักท่องเที่ยวคนดังกล่าว อายุ 27 ปี เป็นชาวเกาหลีใต้ ถือหนังสือเดินทางประเทศอเมริกา เป็นผู้โดยสารของสายการบิน จินแอร์ เที่ยวบิน LJ72 และจะออกเดินทางจากภูเก็ต ไปยังสนามบินอินชอน ในเวลา 23.30 น.ของวันที่ 4 มกราคม 2561 ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาคู รับตัวมาหลังเกิดเหตุ และพบว่า อาการไม่สู้ดี จึงได้มีการนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบร่างกาย และวินิจฉัยหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งดังกล่าว ก่อนที่จะตัวมาเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายต่อไป